Solar Groove Urban 125 เราได้ทดรีวิวไปแล้ว ในการใช้งานทั่วไปใน กทม. แต่ครั้งนี้เอามาเดินทางไกล กทม.-เชียงใหม่ รวดเดียวบนระยะทาง 700 กว่ากิโลเมตร ตอบโจทย์ที่ใครยังสงสัยอยู่หลายอย่าง
และทริปนี้ผมไม่ได้ไปคนเดียวรุ่นเดียวนะครับ เป็นทริปที่เอารถ Solar ทุกรุ่นที่มีขายตอนนี้ไปด้วยกัน คือ Groove Urban ขี่โดยผม เก่ง MotoMotion , Groove Cross ขี่โดย “จูน นักเลงมอเตอร์ไซค์” และ Solar Proud 125 ขี่โดย “แบงค์ Superbike Mag”
เงื่อนไขทริปนี้ไม่มีอะไรนอกจากขี่รวดเดียวจาก กทม. ถึง เชียงใหม่ ไม่มีแพลน ไม่มีจุดแวะ ไม่มีมาร์คจุดเติมน้ำมัน กับสายฝนที่ตกมาแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเป็นอุปสรรคที่ต้องเจอตลอดจนถึงเชียงใหม่
ช่วงแรกเราขี่เรียงตามๆ กันที่ความเร็วประมาณ 80 – 100 กม./ชม. นั่งขี่ไปเรื่อยๆ ออกจาก กทม. เลี้ยวเข้าสายเอเชียพอเลยอยุธยา ผมก็เริ่มคำนวนหาปั้ม เพราะเข็มน้ำมันบนเรือนไมล์ตกขีดแดงเรียบร้อย
ด้วยถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 3.5 ลิตรตามสเป็คไม่ใหญ่นักแต่ก็เหมาะกับสไตล์รถ การวิ่งในแต่ละช่วงเราจึงกะเอาที่ประมาณ 120 กิโลเมตรต้องหาปั้ม
และทริปนี้เรามีทีมเซอร์วิสของ Solar และช่างภาพนั่งรถตู้มาด้วย บนรถตู้มีน้ำมันเชื้อเพลิงสำรอง จึงไม่น่าห่วงเรื่องน้ำมันหมดระหว่างทางนัก กดคันเร่งเต็มปลอกแบบไม่ต้องห่วงโลด
หลังจากเติมน้ำมันจุดแรกแถวอยุธยา-อ่างทองก็บิดกันต่อ ด้วยเวลาที่ค่อนข้างเลทเราจึงปรับการขี่ใหม่คือการบิดหมดปลอก หมอบหลบลม ความเร็วที่ 100-110 ก็มาให้เห็น เราบิดแช่จนเข้าเติมน้ำมันที่นครสวรรค์เป็นครั้งที่ 2 จุดนี้เราพักกินข้าวกลางวันกันด้วย
ในจุดนี้ผมก็ได้รู้ว่าถังน้ำมันตามสเปคที่ระบุว่า 3.5 ลิตร แต่จุดนี้ผมกดเต็มถังที่ 3.66 ลิตรและอีกทีก็เติมได้ถึง 3.7 ลิตรในช่วงกำแพงเพชร
แต่ละถังวิ่งไกลประมาณ 120 กม.+ (30 กม.+ / ลิตร) ทั้งนี้เป็นการขี่แบบบิดหมดปลอกตลอดทาง ถือว่าทำได้ดีอยู่สำหรับรถเครื่องยนต์คาร์บูเรเตอร์ ถ้าขี่ใช้งานทั่วไปก็จะทำได้ดีกว่านี้แน่นอน
Groove 125 ใช้ความเร็วแบบเต็มคันเร่งลากยาวเป็นร้อยกิโลเมตร เครื่องยนต์ไม่มีอาการเหี่ยวหรือห้อย ยังเร่งแรงตลอด แม้ตัวผมที่หนักถึง 86 กิโลกรัมไม่รวมชุดขี่ถือว่าหนักและเป็นภาระรถ
ในเส้นทางเข้าสู่ลำปางโดยเฉพาะไฮไลท์คือทางโค้งช่วงขุนตานที่เป็นโค้งต่อเนื่องและบางจุดก็สูงชัน เรามาถึงจุดนี้ฟ้าก็มืดแล้ว ผมยังคงเปิดคันเร่งแบบเต็มสูบไหลเลาะโค้งขุนตาน ช่วงล่างยึดเกาะโค้งแน่นหนึบดีทีเดียวล่ะครับ แถมตอนนี้พื้นเปียกฉ่ำด้วยนะ
จากขุนตาลไม่นานนักเราก็ถึงเชียงใหม่ ไปเช็คอินที่จุดนัดพบ ทำเวลาไปทั้งหมดราว 13 ชั่วโมง กับระยะทาง 700 กว่ากิโลเมตร เราแวะเติมน้ำมันไป 5 จุดไม่นับที่เติมเต็มถังที่จุดปล่อยตัวย่านพระราม 9
การเติมน้ำมันแต่ละครั้งเราใช้เวลาค่อนข้างเยอะทั้งคุย ทั้งกินกาแฟ ทั้งกินข้าวเหมือนขี่ทริปจริงๆ ถ้าเติมออกเติมออกคงทำเวลาน้อยกว่านี้พอสมควร
เช้าอีกวันเราขี่ขึ้นไปเช็คอินบนดอยสุเทพ ฝนก็ยังตกอย่างต่อเนื่อง รถที่ขี่มาทั้งวันทั้งคืนเช้าอีกวันก็สตาร์ทขี่ต่อได้สบาย อาจมีบ้างที่น็อตบางจุดคลายแต่ไม่ใช่ปัญหา
ขึ้นดอยสุเทพตอนฝนตกบอกเลยว่าสวยงามไปอีกแบบ ป่าสองข้างทางเขียวชะอุ่ม วิวบนจุดชมวิวแม้จะมัวไปบ้างแต่ก็สดชื่น
ที่สำคัญคือรถน้อยหรือจะเรียกว่าแทบไม่มีรถขึ้นหรือลงดอยเลยในช่วงเวลาที่เราไป เราเลยมีโอกาสขี่และแวะจอดถ่ายรูปกันหลายจุด
ลงจากดอยก็ขี่เอารถไปจอดยังจุดที่นัดกันไว้กับทาง Solar เป็นอันจบทริป เราจะนั่งเครื่องบินกลับ กทม. ซึ่งภาระกิจที่วางไว้คือวันที่เดินทางมาคือขี่รวดเดียว กทม. – เชียงใหม่
ส่วนอีกวันเรามีโอกาสขึ้นไปถ่ายรูปเช็คอินเพื่อยืนยันว่ามาถึงแล้วจริงๆ แต่ที่ได้มามากกว่านั้นคือการขี่รถเที่ยวแบบจริงๆ ขี่ไปพักกินพักคุยขิงกันตลอดทาง เป็นอีกทริปที่สนุกมาก
ในเรื่องของตัวรถผมถือว่าผ่านสบาย เครื่องยนต์คาร์บูเรเตอร์เหมือนกันทั้ง 3 รุ่น แม้อัตราการกินน้ำมันจะสู้หัวฉีดไม่ได้ แต่ค่าเฉลี่ย 30 กว่ากิโลเมตร/ลิตร แบบหมดปลอก ผมถือว่าทำได้ดี
จุดเด่นของคาร์บูเรเตอร์คือไม่มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทุกร้านซ่อมแม้ในถิ่นทุรกันดารก็สามารถรื้อหรือเซอร์วิสได้สบาย หรือแบตหมดก็สตาร์ทเท้าและก็ขี่ไปได้ แต่รถมีสตาร์ทมือนะ
ช่วงล่างเด่นเลย ผมหมอบทางตรงยาวบางครั้งเจอถนนไม่ดีก็รูดผ่านได้โดยไม่เสียอาการ และในช่วงโค้งขุนตาลเป็นโค้งความเร็วสูงและในสภาพฝนตก ผมก็กดคันเร่งผ่านไปได้ คือกดเกือบเต็มคันเร่งเหมือนทางตรงเลยนะ ช่วงล่างไว้ใจได้เลย
SOLAR มีด้วยกัน 3 รุ่น 3 สไตล์
GROOVE URBAN 125 ราคา 41,900 บาท
GROOVE CROSS 125 ราคา 43,900 บาท
PROUD 125 ราคา 42,900 บาท
บทความรีวิว Groove Urban 125
คลิปรีวิว Groove Urban 125
คลิปรีวิว Alpha Volantis Horizon 300
บทความรีวิว Horizon300
ทริป Alpha Volantis 300
