Pirelli เปิดตัว Diablo Supercorsa V4 พร้อมกัน 2 เวอร์ชั่น คือ SC (Special Compound) เนื้อยางสำหรับการแข่งขันและ SP (Sport Production) เนื้อยางแบบ 2 คอมปาวนด์ สำหรับขับขี่บนถนน
เพียบพร้อมไปด้วยสมรรถนะ เทคโนโลยี และความปลอดภัย จากประสบการณ์กว่า 20 ปีในการพัฒนายางในการแข่งขัน FIM World Superbike Championship ยางที่มียอดขายรวมกว่า 3.5 ล้านเส้นตั้งแต่เริ่มจำหน่ายในปี 2007ถึงวันนี้ยางพร้อมออกโลดแล่นสู่ถนนและสนามแข่งทั่วโลก
Pirelli ได้เปิดภาพยาง DIABLO Supercorsa รุ่นที่สี่ ในเดือนกันยายน 2022 และขณะนี้ประชาชนทั่วไปสามารถสั่งจองได้โดยยางจะเข้ามาพร้อมจำหน่ายที่ประเทศไทยในช่วงเดือนเมษายน ปี 2023 โดยจะเข้ามาพร้อมกันทั้งรุ่น SP ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานบนท้องถนน และรุ่น SC สำหรับสนามแข่งที่มีเนื้อยางให้เลือกตามการใช้งาน
DIABLO Supercorsa V4 (โดย V4 ย่อมาจากรุ่นที่สี่) เป็นยางที่ถูกปรับใหม่ทั้งหมด เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน DIABLO Supercorsa V3 ไม่ว่าในแง่ของลายดอกยาง คอมปาวนด์ โครงสร้าง และรูปทรงยาง ทั้งในเวอร์ชันแข่ง SC และ ในเวอร์ชัน SP ที่ใช้สำหรับถนน
DIABLO Supercorsa รวมเป็นจุดเด่นของ DNA สายสปอร์ตของ Pirelli ทั้งหมดไว้ในยางรุ่นนี้ และผลลัพธ์ที่ได้หากสรุปให้เป็นคำ คำเดียว คือ “เร็ว” ที่สุดของสมรรถนะและความสปอร์ตของยาง PIRELLI บนท้องถนนในเจเนอเรชั่นที่สี่
เริ่มต้นตั้งแต่ ปี 2002, ยาง Diablo รุ่นแรกถือกำเนิดขึ้น เป็นชื่อที่สื่อถึงยางมอเตอร์ไซค์สปอร์ตของ Pirelli และในยุค ’70 ได้มีการต่อยอดแบ่งแยกรุ่นเพิ่มเติมคือ Mandrake, Phantom, Gordon, Demon, and Dragon เป็นยางที่อยู่ใน กลุ่ม Diablo ทั้งหมด
ทำให้ Pirelli เป็นผู้ปฏิวัติการพัฒนายางมอเตอร์ไซค์ถนนในระดับสากล เป็นการสร้างชื่อเสียงและเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยียางอย่างต่อเนื่องแบบปีต่อปี และจะประสบการณ์ที่สั่งสมมา Pirelli ได้เข้าร่วมพัฒนายางสำหรับการแข่งขัน และเป็นผู้ผลิตยางเพียงหนึ่งเดียวของรายการ WorldSBK ตั้งแต่ปี 2004
ต่อมาในปี 2005 Pirelli ได้ผลิตยางสำหรับการแข่งขัน Diablo Superbike เป็นครั้งแรก และเป็นที่รู้จักในนามของยาง สลิค หรือเป็นยางไม่มีดอก ซึ่งเป็นยางที่พัฒนาเพื่อการแข่งขัน ในรุ่น Superbike เท่านั้น
ถัดมาในปี 2007 Pirelli ได้พัฒนายาง “มีดอก” สำหรับการแข่งขัน คือ Diablo Supercorsa SC และได้เพิ่มรุ่น SP สำหรับถนน ในปี 2008 ซึ่ง Diablo Supercorsa SC เป็นยางที่ใช้ในการแข่งขันในรุ่น Supersport และ Superstock ต่อจากนั้น Pirelli ได้พัฒนา Diablo Supercosa V2 ในปี 2012 และตามมาด้วย V3 ในปี 2018
ซึ่ง Diablo Supercosa เป็นยางที่ใช้แข่งทั้งในรายการระดับสากลและระดับประเทศยาวนานจนถึงในยุคปัจจุบัน สำหรับ Diablo Supercorsa SP ก็เป็นยางที่หลากหลายผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ เลือกใส่ให้กับรุ่น “เทพ” ของค่ายนั้นๆ
จิตวิญญาณเดียวสองผลิตภัณฑ์ SC และ SP จากสนามแข่งสู่ถนน
เมื่อ Pirelli ตัดสินใจเริ่มผลิตยาง Diablo Supercorsa เป็นครั้งแรก ในปี 2007 โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่ถูกใช้งานบนสนามแข่งและสามารถใช้บนนถนนได้ ไม่ใช่ยาง Prototype ที่มีแต่เพียงนักแข่งมืออาชีพเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้ใช้ แต่เป็นยางที่นักแข่งระดับมืออาชีพและผู้ขับขี่ทั่วไปได้ใช้ยาง “รุ่นเดียวกัน”
และเป็นจุดกำเนิดสโลแกน “ We sell what we race, we race what we sell ” หรือแปลเป็นไทยคือ “เราขายยางที่เราแข่ง,เราแข่งด้วยยางที่เราขาย” นั้นคือเหตุผลที่ Diablo Supercora ได้ถือกำเนิดขึ้น ยางที่มีจิตวิญญาณเดียว แต่แบ่งเป็นสองผลิตภัณฑ์ คือ SC ยางที่ออกแบบเพื่อการแข่งขันโดยแท้ ที่มีเนื้อยางให้เลือกหลากหลายตามสถานการณ์, SP ยางสมรรถนะสูงสำหรับขับขี่บนถนน เพื่อผู้ขับขี่ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด
ตลอดเวลาที่ผ่านมา Diablo Supercorsa SP เป็นยางซุปเปอร์สปอร์ตที่ผู้ขับขี่เลือกใช้กับมอเตอร์ไซค์เพอร์ฟอร์แมนซ์สูง เพื่อให้ประสิทธิภาพของมอเตอร์ไซค์ ได้ถูกนำออกมาใช้อย่างเต็มที่ นอกจากนั้นยางรุ่นนี้เป็นยางที่สามารถให้ความรู้สึกที่เหมือนได้ใช้จากสนามแข่งมาขับขี่ ที่ไม่แค่เรื่องของลายยางที่เหมือนกันกับรุ่น SC แต่เป็นการใช้เทคโนโลยีในการผลิตโครงสร้าง รูปทรง และ เนื้อยาง ให้ตอบโจทย์กับการขับขี่บนถนนมากที่สุด โดยที่ไม่ลดทอน “ประสิทธิภาพ” ลงแม้แต่น้อย
เทคโนโลยีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสู่ยางสำหรับ Superbike
การผลิตยาง Diablo Supercorsa เจนเนอเรชั่นใหม่ , ทั้งในรุ่น SC และ SP คือการหลอมรวมเทคโนโลยี การผลิตยางให้เข้ากับเทคโนโลยี และระบบช่วยเหลือต่างๆของมอเตอร์ไซค์ในปัจจุบันให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อให้สามารถขับขี่ได้อย่างเต็มที่ในขณะที่ยังให้ความปลอดภัยสูงสุง ทั้งนี้มาจากประสบการณ์กว่า 20 ปี ในการผลิต ทดสอบ และพัฒนายาง ในรายการ FIM World Superbike Championship ผ่านมอเตอร์ไซค์หลายรุ่น หลายทีม และหลายแบรนด์ผู้ผลิต
Diablo Supercorsa SC V4, ตัวย่อ SC ที่หมายถึง Special Compound หรือเนื้อยางพิเศษ ที่เป็นยางมีดอกที่เร็วที่สุด พร้อมเนื้อยางให้เลือกตามโจทย์ของการแข่งขัน
Diablo Supercosa SP V4 ที่ถูกออกแบบเพื่อ มืออาชีพ มือสมัครเล่น หรือ ผู้ที่ชอบขับขี่ในสนามแข่ง (Trackday) หรือผู้เริ่มต้นฝึกฝนเพื่อการแข่งขัน โดยที่ไม่ต้องปรับแต่งมอเตอร์ไซค์เพิ่มเติม
เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า สิ่งที่ Diablo Supercorsa SC V4 มีเพิ่มเติมเข้ามาคือ
- เนื้อยางพัฒนาขึ้นมาล่าสุด ที่ให้การยึดเกาะที่เหนือกว่า
- โครงสร้างยางแข่งขัน รองรับการเปิดคันเร่งออกโค้ง
- รูปทรงยางใหม่ เพิ่มการควบคุม รักษาไลน์ขับขี่ได้นิ่งขึ้น และมั่นคงในความเร็วสูง
- ลายยางสายฟ้ารูปแบบใหม่ ช่วยให้การเติมคันเร่งในโค้งได้เรียบเนียนยิ่งขึ่น และยังช่วยให้สมรรถนะ เสมอต้นเสมอปลาย
สำหรับ Diablo Supercorsa SP V4 ก็ถูกพัฒนาในรูปแบบเดียวกัน ซึ่ง SP หมายถึง Sport Production (สปอร์ตโปรดักชั่น) หมายถึงมอเตอร์ไซค์ที่ไม่ได้ตกแต่งเพื่อขับขี่ในสนาม ยังสามารถขับขี่บนถนนได้อย่างถูกต้องตามกฏหมาย และยังเป็นโจทย์หลักในการพัฒนายาง SP เช่น เรทรองรับความเร็ว (W) ที่เป็นไปตามมารตรฐานของยางถนนสากล และ เนื้อยางที่ไม่อ่อนไหวต่ออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงจากการขับขี่ และยังให้อายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า ยางรุ่นนี้จะเป็นยางสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ในสไตล์สปอร์ต ไม่เพียงแค่ในสนาม แต่ยังสามารถขับขี่บนถนนได้ ซึ่งแตกต่างจากมอเตอร์ไซค์ถูกตกแต่งเพื่อการแข่งขันคือ เจ้าของยังสามารถขับขี่ไป-มาจากสนามสู่ถนน หรือใช้มอเตอร์ไซค์ที่มีขับขี่ท่องเที่ยวได้ ต่างจากมอเตอร์ไซค์สนาม ที่ต้องนำขึ้นพ่วงลากมาที่สนามแข่งเท่านั่น
จุดเด่นของ Diablo Supercorsa SP V4 คือ :
- ยางหลัง Dual Compound เพื่ออายุการใช้งานในทางตรง และการยึดเกาะที่ยอดเยี่ยมขณะเข้าโค้งหรือเร่งออกจากโค้ง
- โครงสร้างยางเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถปรับตัวได้ รองรับทั้งการขับขี่บนถนน และ สนามแข่ง ได้อย่างง่ายดายเพียงแค่การปรับลมยาง
- รูปทรงยาง แบบเดียวกับรุ่น SC ต้องสนองการควบคุมได้จนสุดขอบยาง
- ลายยางสายฟ้าขาด เหมือนกับรุ่น SC ช่วยให้การเปิดคันเร่งเรียบเนียนทุกองศา และให้ประสิทธิภาพที่เท่าเทียม
โดยที่ทั้ง 2 รุ่น จะใช้ลายยางและรูปทรงยางเหมือนกัน แต่จะมีเนื้อยางบางส่วน และเทคโนโลยีโครงสร้าง ที่แตกต่างกัน
ลายยาง
- ลายยางสายฟ้าขาด รูปแบบใหม่ ช่วยกระจายน้ำได้เร็ว และเพิ่มพื้นที่การยึดเกาะในทางแห้ง
- การเพิ่มเนื้อยางไปขวางลายสายฟ้า ทำให้ดอกยางเคลื่อนตัวน้อยลง ลดการบิดตัวของยาง ส่งผลให้การเปิดคันเร่งได้หนักขึ้น
- ทิศทางของลายสายฟ้าที่ถูกปรับให้หมุนตามแรงบิดที่เกิดขึ้นบนยาง ช่วยให้ประสิทธิภาพของยางคงที่ และลดระยะเวลาในการวอร์มอัพยางให้สั้นลง
- ไหล่ยางช่วงแรกที่ไม่มีลายมาขวาง เพิ่มการยึดเกาะช่วงที่เริ่มเลี้ยว
- ขอบยางแบบสลิค ช่วยให้เปิดคันเร่งได้เร็วขึ้น
โปรไฟล์ (รูปทรงยาง)
- โปรไฟล์ (รูปทรงยาง) แบบเดียวกันกับยาง ที่พัฒนาขึ้นใน World Superbike Championship หรือยาง Diablo Superbike (สลิค) เป็นยางไฮเปอร์สปอร์ตรุ่นที่ 4 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาง Pirelli
- โปรไฟล์แบบ Multi-radius (มัลติ-เรเดียส์) เพื่อการพลิกเปลี่ยนองศาที่รวดเร็ว เกาะโค้งและรักษาไลน์การขับขี่ได้มั่นคง
- โปรไฟล์ยางหน้า ช่วยเพิ่มการควบคุม การควบคุมทิศทางหลักเปลี่ยนองศาได้ง่ายขึ้น และยังให้ความ “นิ่ง” มากกว่าเดิม
- โปรไฟล์ยางหลังที่รูปทรงใกล้เคียงกับยางหน้า ตอบสนองการควบคุมได้เป็นหนึ่งเดียว
- ขอบลวดของยาง Diablo Supercorsa SP V4 รองรับลมยางทั้งถนนและสนาม (ลมยางสนาม หน้า 2.3bar หลัง 2.1 bar เมื่อยางร้อน) ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ทันที เมื่อต้องการขับขี่บนสนามแข่ง แตกต่างจากยางถนนรุ่นอื่นๆของ Pirelli
โครงสร้าง
- รุ่น SC จะมีลักษณะโครงสร้างและวัสดุแบบเดียวกับ Diablo Superbike เพื่อสมรรถนะสูงสุดในการขับขี่ และการใช้ลมยางบนสนามแข่ง
- เมื่อเที่ยบกับ V3 โครงสร้างหลักของ V4 จะใช้เส้นใยถักชิดกันเพื่อเพิ่มความแข็งคงรูปของยางและซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีขึ้น
- สำหรับรุ่น SP จะมีโครงสร้างที่แตกต่างออกไป เป็นการออกแบบเพิ่มให้ความสมดุลระหว่างการขับขี่บนถนน และ สนามแข่ง โดยที่แต่ละไซส์จะมีลักษณะโครงสร้าง ขนาดเนื้อยาง และการเรียงตัวของลายยางที่แตกต่างกัน โดยที่โครงสร้างของ SP จะถูกพัฒนาเพื่อการขับขี่บนถนนเป็นหลัก และการขับขี่ทางตรงยาวๆ บนทางหลวง
คอมปาวด์(เนื้อยาง)
Diablo Supercorsa SC V4 มีเนื้อยางหน้า และ หลัง ให้เลือกถึง 3 ตัว คือ
- SC1 ยางหน้า : จับความรู้สึกได้ง่าย / ยางหลัง : ประสิทธิภาพสูง สำหรับพื้นสนามที่อุณหภูมิสูง และไม่หยาบมากนัก
- SC2 ยางหน้า : มั่นคง ให้ความรู้สึกที่คงที่ / ยางหลัง : ประสิทธิภาพคงที่ สำหรับพื้นสนามที่อุณหภูมิต่ำหรือสนามที่มีผิวหยาบมาก
- SC3 สำหรับซ้อม หรือเน้นขี่สนุก เพิ่มอายุการใช้งานให้ขับขี่ได้หลายเซสชั่น ไม่เหมาะสำหรับแข่งขัน
ยาง Diablo Supercosa SP V4 จะเป็น Dual Compound ทั้งหน้าและหลัง
ยางหน้า
- Diablo Supercorsa รุ่นแรกที่ ยางหน้าเป็น 2 คอมปาวด์
- เนื้อยางส่วนกลางที่เป็นฐานหลักเสริมด้วยเนื้อยางด้านข้างบริเวณไหล่ยาง
- เนื้อยางส่วนกลางแบบ Full Silica ที่มีส่วนที่สัมผัสกับถนนตรงกลาง และฝั่งลึกครอบคลุมโครงสร้างชั้นในทั้งหมด ช่วยรักษาอุณหภูมิของยางให้คงที่ตลอดการขับขี่ ทั้งบนผิวถนนที่ร้อน หรือเย็น
- เนื้อยางด้านข้างจนสุดไหล่ยางแบบ SC3 ให้การยึดเกาะที่สูงตั้งแต่เริ่มเลี้ยวจนสุดขอบ
ยางหลัง
- เนื้อยางส่วนกลางของยางหลังลักษณะเป็นฐานกว้างเหมือนกับยางหน้า เพียงแต่จะมีความนิ่มกว่าเล็กน้อย
- เนื้อยางส่วนกลางของยางหลังจะเป็น Carbon 100% ที่สามารถขับที่ได้ทั้งพื้นถนนที่อุณหภูมิต่ำและสูง และช่วยให้การวอร์มอัพยางได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และยังให้ความมั่นคงและการยึดเกาะที่ยอดเยี่ยม
- เนื้อยางด้านข้าง SC3 เหมือนกับยางหน้า รองรับกำลังเปิดคันเร่งออกโค้ง
ยอดจำหน่าย 3.5 ล้านเส้นทั่วโลก
Diablo Supercorsa คือความสำเร็จที่ไม่เพียงแต่ในด้านเทคโนโลยีเท่านั้น แต่รวมถึงยอดขายด้วย แต่นับตั้งแต่ยางที่ถูกเปิดตัวครั้งแรกในปี 2007 ยาง DIABLO Supercorsa ถูกขายไปทั่วโลก มากกว่า 3.5 ล้านเส้น ทำให้ผลิตภัณฑ์นี้เป็นหนึ่งในยางรถจักรยานยนต์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Pirelli ซึ่งในเจเนอเรชันที่สี่ นี้ Pirelli จะมียอดขายที่เติมโตขึ้นเรื่อยๆ และจะเป็นยางที่ถูกติดตั้งบนมอเตอร์ไซค์ ซูเปอร์สปอร์ตและเน็กเก็ตไบค์ที่จะเปิดตัวสู่ตลาดในปี 2023 และปีต่อๆ ไป
DIABLO Supercorsa SP และ DIABLO Supercorsa SC คือยางที่ตอบโจทย์ผู้ขับขี่และผู้ที่ชื่นชอบสนามแข่งและเป็นยางที่ใช้ เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดในยุค
ภารกิจการพัฒนายางแข่งที่สำเร็จ
Pirelli พัฒนายางใหม่ล่าสุดได้สำเร็จและเป็นจุดกำเนิดของยางเจเนอเรชั่นที่สี่ คือยาง DIABLO Supercorsa V 4 ซึ่งยางสารสอปอร์ตที่ถูกรื้อใหม่ทั้งหมด เริ่มเปิดตัวในปี 2021 ด้วยยาง Diablo Rosso IV และถัดมาในปี 2022 ก็ได้เผย Diablo Rosso IV Corsa และในขณะนี้ Pirelli จะมียางสำหรับแข่งขัน 2รุ่น คือ Diablo Superbike หรือยางสลิคที่ใช้ในการแข่งขันระดับมืออาชีพ และยาง Diablo Supercorsa SC V4 ยางแข่งที่มีดอกยาง
สำหรับยางสปอร์ตที่ขับขี่บนถนน จะมีให้เลือกถึง 3 รุ่นด้วยกัน คือ Diablo Supercorsa SP V4 ยางถนนสมรรถณะสูงสุดที่สามารถใช้ขับขี่บนสนามแข่งได้อย่างยอดเยี่ยม กับ Diablo Rosso IV Corsa ที่สามารถขับขี่บนสนามได้เช่นกัน และ Diablo Rosso IV ที่เน้นการใช้งานบนถนน โดยที่ยางทั้งหมดจะสืบทอดเทคโนโลยีจากยางที่ใช้ในการแข่งขัน World Superbike Championship ซึ่งรายละเอียดและลักษณะการใช้งานจะมีจุดที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าจุดเด่นไหนสำคัญต่อการขับขี่มากที่สุด ไม่ว่าจะเรื่องสมรรถนะในสนาม อายุการใช้งาน หรือประสิทธิภาพบนพื้นเปียก
คลิป ทดสอบรีวิว Panigale V2 ที่ประเทศสเปน คลิก
ทดสอบ รีวิว Streetfighter V4S ที่สนามช้างฯ คลิก
ทดสอบ รีวิว Panigale V2 ถึงประเทศสเปน คลิก
รีวิว Scrambler Icon และ Desert Sled คลิก
คลิป Panigale V4S แต่งใส่ท่อ Austin
