Ducati Streetfighter V4S รถเปลือยสุดไฮเทค แรงระดับ 208 แรงม้า กับความเร็วกว่า 300 กม./ชม. ความมันส์ระดับเวิลด์คลาส สุดทางสายรถเปลือยที่ไม่น่าพลาด
ดูคาติ สตรีทไฟท์เตอร์ มีมาตั้งแต่ปี 2009 ไล่ตั้งแต่ Streetfighter, Streetfighter S และ Streetfigther 848 ด้วยเครื่องยนต์แบบ L-Twin ก่อนจะยุติสายการผลิตไปในปี 2015
ด้วยดีไซน์หรือสไตล์ของรถก็ตามชื่อรุ่นเลยคือแนว “สตรีทไฟท์เตอร์” เป็นรถ Naked Bike แนวใหม่ที่ผสมผสานกับ Sport Bike เต็มรูปแบบ โดยเฉพาะในด้าน Performance ความแรงของเครื่องยนต์ แตกต่างกับ Monster ชัดเจน
จนล่าสุดปี 2020 Streetfighter ก็ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้ง กับรหัส V4 และ V4S ต่อท้ายชื่อรุ่น เป็นรหัสที่บอกถึงลักษณะเครื่องยนต์ใหม่ เป็นเครื่องยนต์ Desmosedici Stradale แบบ V4 ทำมุม 90° ที่ยกมาจาก Ducati Panigale V4 สปอร์ตเรือธงของค่าย พร้อมเทคโนโลยีสุดทันสมัยแบบเดียวกัน กับดีไซน์ใหม่หมดทั้งคัน การกลับครั้งนี้จึงเป็นแบบ All New อย่างแท้จริง
ครั้งแรกในไทยต่อจากการเปิดตัวใน EICMA 2019
หลังจากเปิดตัวครั้งแรกในงาน EICMA 2019 พร้อมได้รางวัล Most Beautiful Bike หรือรถที่สวยที่สุดในงาน EICMA 2019 และคันจริงๆ ก็เข้ามาเปิดตัวในไทยครั้งแรกในงาน Motor Expo 2019 พร้อมกับ Panigale V2 กับแผนที่จะเปิดราคาในงาน Motoshow 2020 แต่ด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด-19 ทำให้แผนงานต่างๆ ต้องเลื่อนออกไป
และในที่สุดก็ได้ “เปิดราคา” Ducati Streetfighter V4S ในงาน Motorshow 2020 ตามแผน ที่เลื่อนมาจัดในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เลขที่ออกคือ 899,000 – 1,059,000 บาทในรุ่น V4 และ 1,098,000 – 1,258,000 บาทในรุ่น V4S ส่วน Panigale V2 เปิดราคาพร้อมๆ กันที่ 799,000 บาท
การออกแบบและเทคโนโลยีล่าสุด
“The Fight Formula” คอนเซ็ปที่ประกอบไปด้วย เครื่องยนต์ V4 Desmosedici Stradale กำลัง 208 แรงม้า ปีกกดอากาศด้านข้าง Biplane Wing ระบบอิเล็กทรอนิกส์จาก Panigale V4 น้ำหนักตัวเพียง 178 กิโลกรัม มีแฮนด์สูง(กว่าสปอร์ต) เอาแฟริ่งออก ก็จะได้ Streetfighter V4 ออกมา
การออกแบบหน้ากากและไฟหน้ามาจากหน้าของ “โจ๊กเกอร์” ตัวร้ายในแบทแมน ไฟหน้า LED แบบ V Shape กรอบเรือนไมล์สีดำ และช่องดักอากาศ 2 ช่องที่นำอากาศเข้าสู่กรองอากาศ ออกแบบได้ลงตัว
เครื่องยนต์ V4 90° Desmosedici Stradale
เครื่องยนต์ Desmosedici Stradale V4 90° ระบายความร้อนด้วยน้ำ Desmodromic 16 วาล์ว ปริมาตรกระบอกสูบ 1,103 ซีซี จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด ให้กำลัง 208 แรงม้าที่ 12,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตรที่ 11,500 รอบ/นาที เกียร์ 6 สปีด คลัทช์เปียก 11 แผ่นพร้อม Slipper Clutch เป็นเครื่องเดียวกับ Panigale V4 แต่มีการปรับย่านกำลังให้เหมาะสมกับสไตล์รถ
Counter Rotating Crankshaft เพลาข้อเหวี่ยงหมุนตรงข้ามกับล้อ
เทคโนโลยี Counter Rotating Crankshaft เพลาข้อเหวี่ยงหมุนตรงกันข้ามกับการหมุนของล้อ เป็นเทคโนโลยีเดียวกับรถแข่ง MotoGP ซึ่งรถทั่วไปเพลาข้อเหวี่ยงจะหมุนไปทิศทางเดียวกับล้อ การหมุนตรงข้ามแบบนี้ เครื่องยนต์สามารถชดเชยแรงกระทำที่เกิดจากแรงหมุนของล้อ สร้างแรงบิดจากแรงเฉื่อยของการหมุนในทิศทางตรงกันข้าม จะให้ความสมู้ทและลดอาการล้อหน้าลอยได้อย่างดี เมื่อต้องกระชากคันเร่งออกจากโค้ง
ระบบอิเล็กทรอนิกส์ล่าสุดชุดเดียวกับ 2020 Panigale V4
ABS Cornering EVO, Ducati Traction Control EVO2, Ducati Slide Control, Ducati Wheelie Control EVO, Ducati Power Launch, Ducati Quick Shift up/down EVO2 และEngine Brake Control EVO ระบบต่างๆ เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ใน Panigale V4 แต่ในโมเดลล่าสุดปี 2020 มีการอัพเกรดเป็น EVO2 ที่เหนือชั้นกว่า EVO พอสมควร
Ducati Traction Control EVO2 เทคโนโลยีจาก GP18 รถแข่ง MotoGP
การทำงานที่ประสานกันของ คันเร่งไฟฟ้า และ IMU ที่ตรวจจับมุมเอียงของรถรวมถึงการหมุนของล้อ คำนวณให้แรงกระทำของ Traction Control ต่อล้อหลังให้เหมาะสม โดยใน EVO2 อัพเกรดให้ฉับไวมากขึ้นและมีความสมู้ทมากขึ้นถึง 25% และแน่นอนผู้ขับขี่สามารถตั้งค่าเองได้
ความพิเศษของรหัส S
รหัส V4S ทั้งใน Steetfighter และ Panigale V4S จะมีกันสะเทือนไฟฟ้าหรือ Ducati Electronic Suspension EVO (DES EVO) เพิ่มเข้ามา โดยสะเทือนทั้งหน้า Ohlins NIX30 ขนาด 43 มม. แกนโช้คชุบไทเทเนียม โช้คหลัง Ohlins TTX36 โช้คทั้งหน้าหลัง มีระบบ Ohlins Smart EC 2.0 (Electronic Control) ที่นอกจากจะปรับการทำงานของโช้คอัพให้เหมาะกับสถานการณ์นั้นๆ แบบเรียลไทม์ให้เหมาะสมที่สุดแล้ว ผู้ขับขี่ก็สามารถปรับตั้งเองได้อีกเช่นกัน
รุ่น S นี้ยังใช้กันสะบัดของ Ohlins ล้อ Forged Aluminum ของ Marchesini แบบ 3 ก้าน ต่างจากรุ่น Standard จะให้โช้คอัพหน้าของ Showa โช้คอัพหลังและกันสะบัดของ Sachs ล้อก็จะเป็นอลูมิเนียมอัลลอย
Ducati Track Day Launch 2020
หลังจากเปิดตัวเปิดราคาแล้ว เดือนกันยายน 2563 ที่ผ่านมาดูคาติไทยแลนด์ก็จัด Ducati Track Day 2020 ที่สนามช้างฯ พร้อมกับกิจกรรมให้สื่อมวลชนร่วมทดสอบ Panigale V4S Panigale V2 และ ไฮไลท์คือ Streetfighter V4S ทุกรุ่นคือโมเดลปี 2020 ที่จัดให้รวม 3 รุ่น เกือบ 20 คัน โดยเปิดลูกค้าที่มาร่วมกิจกรรมได้ลองขี่ในสนามระดับโลกอย่างจุใจพร้อมๆ กันไปด้วย
ซึ่ง Panigale V4S ผมมีโอกาสไปทดสอบที่สนามเซปังฯ ประเทศมาเลเซียมาแล้ว และ Panigale V2 ผมก็ได้ไปทดสอบที่สนามเฆเรซ ประเทศสเปน โดย Panigale V4S ที่ผมไปทดสอบเป็นโมเดล 2018 แต่ V2 ยังคงเป็นโมเดลเดียวกันกับที่ผมไปทดสอบ สามารถตาม link ใต้บทความเข้าไปดูได้
แต่สำหรับ Panigale V4S ที่ได้ขี่ในครั้งนี้เป็นโมเดล 2020 จะมีการอัพเกรดระบบอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มเข้าไปจากโมเดล 2018-2019 ผมจะพูดรวมกับ Streetfighter เลย เพราะใช้เทคโนโลยีเดียวกัน
ลองหวดกันเลย
ท่านังของ Streetfighter ค่อนของสบายครับ แต่ไม่สบายแบบรุ่น Monster หรือ Naked ทั่วไป เบาะมีความสูงและเอียงเทไปด้านหน้าเล็กน้อยคล้ายรถสปอร์ต รวมถึงตำแหน่งพักเท้าที่สูงพอสมควร “น่าจะ” เท่ากับ Panigale เลย แต่ตำแหน่งแฮนด์วางอยู่ในตำแหน่งที่พอดี ไม่สูงหรือต่ำไป กอปรกับถังน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีเหลี่ยมโค้งเว้ารับกับหน้าขา ทำให้ท่านั่งกระชับมาก แต่คนที่ช่วงขาไม่ยาวนักก็ต้องเขย่งกันหน่อย
เรือนไมล์ TFT ขนาด 5 นิ้วสวยงามทันสมัย ปรับระบบอิเล็กทรอนิกส์ของรถทั้งหมดได้ที่เรือนไมล์สั่งงานที่สวิทซ์แฮนด์ การเข้าถึงไม่ซับซ้อน ไม่ยาก
การขี่จะแบ่งตามทักษะเพื่อจัดกลุ่มการขี่ของแต่ละคน และเป็นรุ่นละ Session มีเวลา 25 นาทีต่อ Session ลุยกันเลย ผมเป็นกลุ่ม 3 กลุ่ม Advance และได้ Streetfighter เป็นรุ่นแรกที่จะได้ขี่ และรถคันที่ผมได้ขี่ ดั๊นนน!! เป็นคันที่รอบก่อนหน้าไม่ได้เอาไปขี่ ยางจึงยังไม่พร้อมจะให้เปิดคันเร่งบู้ในโค้ง แต่ก็ต้องลุยครับโดย Panigale V4S ที่ผมไปทดสอบเป็นโมเดล 2018
ด้วยที่เป็นกลุ่ม Advance ผู้นำกลุ่มคือ Mr. Carlos Serrano บอสของทีม DRE ก็พากดเต็มคันเร่งตั้งแต่ออกจากพิทเลน ด้วยปัจจัยเรื่องยางที่ผมบอกไป ทำให้เหวอๆ ยังไม่กล้ายัดคันเร่งตามกลุ่ม แต่ก็พอประคองไหลๆ ตามห่างๆ ได้อยู่บ้าง
แรงลมปะทะที่ 275 กม./ชม.
ด้วยระบบทันสมัยของรถที่ช่วยให้ผมทำความเร็วพอจะตามกลุ่มได้ ทั้งที่ยางไม่พร้อม โดยเฉพาะ DCT EVO2 ที่ทำให้เปิดคันเร่งออกโค้งได้ง่ายขึ้น พอเข้ารอบ 3 ยางเริ่มพร้อม ผมก็ทำความเร็วได้บ้าง ทางตรงจากโค้ง 1 ไปโค้ง 3 เกือบ 1 กิโลเมตรรวมจุดเบรก ผมกัดฟันกดคันเร่งไปได้ 275 กม./ชม. ต้องบอกว่ากัดฟัน เพราะรถที่ไม่มีแฟริ่งช่วยบังลม ผู้ขี่ต้องรับแรงลมปะทะเต็มๆ แม้จะมอบติดถังก็เถอะ มือแทบจะหลุดจากแฮนด์
ซึ่งจริงๆแล้วรถสามารถทำความเร็วทะลุ 300 กม./ชม. แต่เพียงความเร็วประมาณ 265-270 เกือบทุกรอบกับจังหวะยกตัวและเบรกหนักๆ เพื่อเข้าโค้ง 3 ต้องใช้แรงควบคุมพอสมควร แม้ในความเร็วสูงจะมี “ปีก” จะช่วยสร้างแรงกดถึง 27 กิโลกรัมที่ความเร็ว 270 กม./ชม. แล้วก็ตาม “นิ่ง” น่ะใช่ แต่ยังเหนื่อยซึ่งต่างจาก Panigale เยอะ เพราะด้วยลักษณะรถนั่นล่ะครับ ซึ่งรอบหลังๆ ผมก็ขี่ทางตรงไม่เกิน 220 แล้วล่ะค้าบ เหี่ยวหมดแรง ขี่ไม่ไหว ฮ่า
แต่การพารถเลี้ยวเข้าโค้งนั้นง่ายมากครับ มากับความสนุก พละกำลังตอนเปิดออกจากโค้งรุนแรงมาก ชอบแรงๆ หน้าลอยออกโค้ง หรือเนียนๆ พุ่งออกไป อันนี้ปรับแต่งระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือระบบช่วยขับขี่ได้ยิบย่อยตามชอบเลย รวมถึงจังหวะก่อนเข้าโค้งทั้ง ทุกอย่างมาเป็นแพ็คเกจที่กลมกล่อม แต่ปรับให้เผ็ดหรือเปรี้ยวตามความถนัดหรือความชอบเฉพาะตัวได้
เครื่องยนต์ Desmosedici Stradale แบบ V4 90° เครื่องเดียวกับ Panigale พัฒนามาจาก Desmosedici GP14 รถแข่ง MotoGP ไม่มีข้อกังขาเรื่องความแรงและเทคโนโลยี ดูคาติยังใส่ความเป็นเอกลักษณ์กับเสียงการทำงานของเครื่องยนต์และท่อเสียที่ดุดันแต่เสนาะหู มีความคล้าย L-Twin ให้ได้สัมผัส
โค้งต่อเนื่อง เฟี้ยวเลย
ช่วงโค้ง 5 จนถึงโค้ง 12 เลยแล้วกัน การพลิกเข้าโค้งซ้ายขวาต่อเนื่องต้องบอกว่าสนุก พลิกซ้ายขวาง่าย ไว ดุดันแต่มั่นคงตามสั่ง ถ้าเผลอก็มีล้นนะ เพราะความแรงนั่นแหล่ะ การโหนโค้งยาวๆ ในโค้ง 5 – 6 กดรถลงได้มาแบบเดียวกับรถสปอร์ต ใครมีทักษะเอาศอกถูพื้นได้ ก็ทำได้ไม่ยาก เอียงได้มาก จะบอกว่าเอียงได้มากเหมือนกับ Panigale V4 เลย
ช่วงล่างมั่นใจได้ เลียเบรกหน้าจุ่มไปใน Apex เลย
นอกจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ทันสมัยไม่เป็นรองใครในโลกแล้ว ช่วงล่างไฟฟ้าและระบบเบรกก็เทพ ต้องบอกเลยว่าเทพ จากที่เล่ามาตัวแปลที่ทำให้ขี่ได้ดีและสนุกก็คือช่วงล่างไฟฟ้าชุดนี้กับระบบเบรกที่สั่งได้ ฟิลลิ่งเบรกดีมาก แม้แต่ตอนท้ายเลื้อยออกซ้ายขวาเพราะการเชนรวบเกียร์ 6 ลงมา 3 หรือ 2 ทีเดียวก่อนโค้ง 3 พร้อมกดเบรกหน้าแรงๆ รถยังไม่มีเสียอาการจากการเบรกหน้า เลียเบรกยันรถเอียงเข้า Apex ก็ยังคอนโทรลเข้าโค้ง 3 ได้เนียนๆ รวมถึงในโค้ง 12 ไฮไลท์ของสนามช้าง
การเชนรวบเกียร์จาก 6 ลงมา 2 ได้โดยไม่ต้องบีบคลัทช์ ก็เพราะระบบ Quick Shift EO2 และ Engine Brake Control EVO ฉลาดมาก
Conclusion สรุปเลย
Ducati Streetfighter V4S รถเปลือยที่อยู่สุดทางของในสายนี้ โหด เร็ว แรง และทันสมัยที่สุด เทคโนโลยีต่างๆ จาก Ducati GP18 รถแข่ง MotoGP ใช้ใน Panigale V4 รวมถึงใน V4R รถแข่งในรายการ WorldSBK ด้วย เรียกว่า Top สุดตาราง
ควบคุมง่ายแต่ต้องบนพื้นฐานที่ผู้ขี่ต้องมีทักษะการขี่รถใหญ่มาบ้างแล้ว สามารถขี่ใช้งานใน กทม.ได้คล่องตัวพอสมควร แต่คงไม่เหมาะนัก ถ้าเทียบกับ Monster คือ Monster เหมาะใช้ในชีวิตประจำวันในเมืองมากกว่า แต่ SF หล่อกว่าแน่นอน วิ่งทริปทางไกลได้สบายๆ หายห่วง ท่านั่งไม่เมื่อยด้วย
การขี่ SF จะยิ่งสนุกรวมถึงใช้สมรรถนะของรถได้มากขึ้นถ้าผู้ขี่มีทักษะที่สูง ระบบอิเล็กทรอนิกส์เร็วไวเนียน ช่วยให้ปลอดภัยและเบาแรง ทันสมัยไม่เป็นรองใครบนโลกนี้ ณ ปัจจุบันนี้แน่นอน เครื่องยนต์พลังสูง ความเร็วปลายทะลุ 300 กม./ชม. ได้ง่ายๆ แต่ด้วยสไตล์รถไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะส่งตัวเองไปในความเร็วขนาดนั้น
สุดท้ายแล้ว Bigbike หรือ Exotic Motorcycle อย่าง SF นี่คือ Boy toys ชนิดหนึ่ง บางครั้งหรือหลายๆ ครั้ง อารมรณ์มักอยู่เหนือเหตุผล ถ้าจะชอบก็คือชอบ จอดเฉยๆ ก็ยังชอบ ขี่ไปกินกาแฟหล่อๆ ก็ได้ ใครจะทำไม ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วก็จัดเลยยยย Bene !!!
Special Thank
- บริษัท ดูคาทิสติ จำกัด (Ducati Thailand)
- ชุดขับขี่ REV’IT! จาก PANDA RIDER
- รูปบางส่วนจาก kaato ztudios
ทดสอบ รีวิว Panigale V2 ถึงประเทศสเปน คลิก
คลิป ทดสอบรีวิว Panigale V2 คลิก
รีวิว Ducati Scrambler Icon และ Desert Sled คลิก
คลิป Panigale V4S แต่งใส่ท่อ Austin
