รีวิวเจาะลึก All New Forza 350 ยืดก้าน ลูกโต 77 มม. จากโรงงาน แรงหรูไฮเทคมากกว่าที่ตาเห็น

ขึ้นชื่อว่า All New Forza 350 แล้ว ย่อมต้องต่างจากเดิมทั้งหมด กำลังเครื่องยนต์ที่ได้ลูกสูบโต 77 มม. ยืดช่วงชักจากโรงงาน  เป็นที่กล่าวถึงในโซเชียวถึงความแรง จริงแล้วมีรายละเอียดปลียกย่อยที่ซ่อนไว้มากมาย มากจนได้ชื่อว่า All New ใหม่ทั้งหมด และเหนือยิ่งกว่า ผมจะพามารีวิวเจาะลึกกัน

เอ.พี.ฮอนด้า ได้เปิดให้สื่อมวลชน ร่วมทดสอบขับขี่ All New Forza 350 กันที่ลาน ติดกับอาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี นอกจากจะให้ร่วมขี่ทดสอบแล้วยังได้เผยถึงสเป็คทั้งภายนอกภายใน ที่ได้ปรับเปลี่ยนใหม่ให้ได้ทราบกัน และหลังจากฟังแล้วก็ต้อง “ทึ่ง” เพราะภายใต้ดีไซน์ที่คล้ายรุ่น 300 เดิม จริงแล้วฮอนด้าได้เปลี่ยนใหม่ทั้งหมด มาดูข้อมูลกันก่อน บอกเลยว่าตัดสินใจ “ซื้อ” กันง่ายๆ  เชียวล่ะ

เครื่องยนต์ใหม่ eSP+ อัพเกรดทุกอย่าง

eSP+ (อีเอสพีพลัส) คือเครื่องยนต์ที่พัฒนาใหม่ มี 3 หลักใหญ่ๆ คือ มี 4 วาล์ว (4 Valve) แรงเสียดทานต่ำ (Low Friction) และกำลังที่มากขึ้น (Power Up)    

Power Up มากกว่าลูกโต ชักยาว

เครื่องยนต์ eSP+  1 สูบ SOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีกระบอกสูบ x ช่วงชัก = 77 x 70.7 มม. มีปริมาตรกระบอกสูบ 329.26 ซีซี (เดิม 72 x 68.6 มม. 279.17 ซีซี) เพิ่มขึ้น 50.43 ซีซี จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ PGM-FI มีชุดลิ้นปีกผีเสื้อใหม่เส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่กว่าเดิม

เพลาข้อเหวี่ยงใหม่ ออกแบบให้รองรับกับปริมาตรกระบอกสูบหรือกำลังที่เพิ่มขึ้น เพิ่มบาลานเซอร์ใหม่ ลดการสั่นของเครื่องยนต์ สร้างความสมดุลให้กับเพลาข้อเหวี่ยงมากขึ้น เทคโนโลยีมาจาก Honda Bigbike เพื่อความสมดุลไร้การสั่นทุกรอบการทำงาน

ติดตั้ง Piston Oil Jet ใส่หัวฉีดเพื่อฉีดน้ำมันหล่อลื่นเข้าไปที่ใต้กระโปรงลูกสูบ ช่วยลดแรงเสียดทาน ลดความร้อนได้ดีขึ้น เครื่องยนต์รักษากำลังในการทำงานได้ดีและยาวนานขึ้น เป็นเทคโนโลยีจากสนามแข่ง และรถ Honda Bigbike

กรองอากาศใหม่ มีการออกแบบหม้อกรองอากาศใหม่ ปรับทิศทางการไหลของอากาศให้เข้าได้ไวกว่าเดิมและเพิ่มความจุภายในหม้อกรองอากาศให้ใหญ่ขึ้นเป็น 5.5 ลิตร

หม้อน้ำติดตั้งตำแหน่งใหม่ เปลี่ยนตำแหน่งการติดตั้งหม้อน้ำมาด้านหน้ารถ เปิดรับลมเต็มๆ โดยตัวหม้อน้ำจะวางเอียงเพื่อให้อากาศไหนผ่านและออกสู่ใต้ท้องรถ ที่มีการเปิดช่องระบายขนาดใหญ่ไว้

ท่อไอเสียใหม่ ออกแบบใหม่ทั้งข้างนอกข้างใน คอท่อเป็น “คอเลส” หรือเป็นสแตนเลส จากโรงงาน เพื่อความไหลลื่นของไอเสียและการระบายความร้อนได้ดีขึ้น และยังรักษากำลังได้ทั้งความเร็วต่ำไปจนความเร็วสูง

ระบบส่งกำลังใหม่ ชุดพู่เล่ย์ขับใหม่ใหญ่ขึ้น ตุ้มน้ำหนักใหม่ 21 กรัม/เม็ก (เดิม 20 กรัม/เม็ด) ชุดพูเล่ย์ตามใหม่ใหญ่กว่าเดิม คลัทช์แรงเหวี่ยงใหม่ใหญ่และมีผ้าคลัทช์ 5 ก้อน เดิมมี 3 ก้อน

นอกจากนี้ยังมีสายพานใหม่ใหญ่กว่าเดิม อัตราทดเบื้องต้นใหม่ CVT 2.35 : 1 – 0.80 : 1 อัตราทดขั้นสุดท้ายใหม่(ชุดเฟืองท้าย) 7.682 : 1(47/16 x 34/13) เดิม อัตราทดต้นคือ 2.42:1 – 0.80:1 และเฟืองท้าย 7.892:1(46/17 x 35/12) การเปลี่ยนทั้งชุดเพื่อรองรับกำลังที่เพิ่มขึ้นให้ตอบสนองได้ทุกรอบความเร็ว

Low Friction แรงเสียดทานต่ำ ยืนระยะได้เหนือกว่าทั้งความเร็วและระยะทาง

ออกแบบให้เครื่องยนต์ลดแรงเสียดทานภายใน ลูกสูบเคลือบโมลิดีนั่ม ปลอกเสื้อสูบ Spine Sleeve คือผิวสัมผัสด้านนอกกระบอกสูบออกแบบให้เป็นปุ่มเล็กๆ เพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อน ลดการบิดตัวของกระบอกสูบ และ Piston Oil Jet ฉีดน้ำมันหล่อลื่น(น้ำมันเครื่อง)ใต้ลูกสูบ

ผลการออกแบบภายในกระบอกสูบใหม่คือ ระบายความร้อนได้ดีขึ้น ยืดอายุการทำงาน รักษากำลังเครื่องยนต์ ลดเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ และสามารถขยายกระบอกสูบเปลี่ยนไซส์ลูกสูบได้โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพของเครื่องยนต์

ตัวดันโซ่ไทม์มิ่งใหม่แบบไฮดรอลิกส์ เป็นครั้งแรกรุ่นแรกในรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย ที่ใช้ตัวดันโซ่ไทม์มิ่งแบบไฮดรอลิกส์ ทำงานโดยใช้แรงดันน้ำมันเครื่องมากดโซ่ราวลิ้น โดยแรงกดจะแปรผันตามรอบการทำงานของเครื่องยนต์ ผลคือลดแรงเสียดทาน ลดเสียงการทำงาน ลดการสั่นสะเทือนตั้งแต่รอบต่ำถึงรอบสูง ผลจึงทำให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงไปด้วยเพราะแรงเสียดทานต่ำไม่กินกำลังเครื่องยนต์

Technology สุดล้ำสมัย

ระบบ Honda Selectable Tourque Control หรือ HSTC ป้องกันล้อหลังหมุนฟรี ล้อหลังสไลด์ ท้ายปัดเสียการควบคุม ระบบจะอ่านการหมุนของล้อหน้าและล้อหลังที่สัมพันธ์กัน ประมวลผลการหมุนที่ผิดปกติด้วย ECU อันชาญฉลาด มีการปรับใหม่ให้ระบบทำงานได้เนียนขึ้นกว่าเดิม สามารถเปิดหรือปิดระบบได้ตามต้องการ

ระบบ ABS 2 Channel ทำงานอิสระทั้งหน้าและหลัง มีระบบ ESS (Emergency Stop Signal) ไฟฉุกเฉินกระพริบอัตโนมัติ เมื่อเบรกแบบกะทันหัน จากความเร็วที่มากกว่า 50 กม./ชม. เป็นเทคโนโลยีจาก Honda GL1800 Goldwing

Honda Smart Key พร้อมสัญญาณกันขโมย เป็นเทคโนโลยี Keyless สไตล์รถเก๋ง หรูหรา มีระบบความปลอดภัยที่ต้องเข้ารหัสลับ 9 หลัก มีวงแหวนไฟ LED สีฟ้า ที่เบ้าสวิทซ์หมุนปิด-เปิดระบบจุดระเบิด สะท้อนความโดดเด่น เท่ ล้ำสมัย

มี USB Charger (Type C) ช่องชาร์จ USB Type C ทำให้การชาร์จไฟเร็วกว่าเดิม รองรับอุปกรณ์ Gadget ต่างๆ ในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างดี

Windscreen Electrical Adjust ชิลด์บังลมปรับระดับไฟฟ้า ปรับได้ที่สวิทซ์แฮนด์ ตัวแผ่นบังลมผลิตจาก โพลี่คาร์โบเนต มีคุณสมบัติทนทานมีความยืดหยุ่นสูง เพิ่มความสูงของตัวชิลด์บังลมเมื่อปรับขึ้นสูงสุดจาก 110 มม. เป็น 150 มม.  

Luxury ความหรูหราทันสมัย

ชุดแฟริ่งหน้าใหม่ เพิ่ม Air Duct ช่วยจัดกระแสลม ลดแรงปะทะตามหลักแอร์โร่ไดนามิก พร้อมฝาครอบชิลด์บังลมดีไซน์สปอร์ต บาร์ท้ายใหม่เป็น Resin แข็งแรงแต่น้ำหนัก 1.14 กิโลกรัม เบากว่าเดิมของเดิมที่หนัก 2.50 กิโลกรัม

เรือนไมล์ใหม่ หรูหราทันสมัย ยังคงดีไซน์เป็นเข็มอนาล็อกทั้งตัวบอกความเร็วและวัดรอบให้อารมณ์สปอร์ต ผสานกับจอดิจิตอล บอกฟังก์ชั่น บอกการแจ้งเตือนการทำงานต่างๆ ครบถ้วน

เฟรม ช่วงล่าง มีอัพเกรดภายใน

เฟรมแบบอันเดอร์โบน โช้คอัพหน้าเทเลสโคปิค มีการอัพเกรดระบบภายในใหม่ โช้คอัพหลังคู่ ดิสก์เบรกหน้าเดี่ยว คาลิปเปอร์ Nissin 2 ลุกสูบ ดิสก์เบรกหลังเดี่ยว คาลิปเปอร์ Nissin 1 ลูกสูบ มีระบบ ABS ทั้งหน้าและหลังเป็นมาตรฐาน ล้อยางหน้าขนาด 120/70-15 ล้อยางหลังขนาด 140/70-14

ทดลองขี่จริง ครั้งแรกในประเทศไทย

การทดลองขี่ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดทางสำหรับทดสอบไว้ ระยะทางรวม 1 รอบวนซ้าย-ขวาประมาณ 1 กิโลเมตร โดยจะมีทางตรงยาวประมาณ 200 เมตรให้ได้รีดอัตราเร่ง มีกรวยดักให้ร่อนหลบ มีโค้งยูเทิร์นทั้งซ้ายขวา และทางวิ่งที่โรยกรวดไว้ให้ทดสอบระบบ HSTC

การขับขี่มีการดูแลเรื่องความปลอดภัยเต็มระบบครับ แต่เมื่อลงทดสอบหลายคนก็ “จัดเต็ม” เท่าที่จะพอทำได้ รวมทั้งผมด้วย อย่างแรกคือ “อัตราเร่ง” คือดีมาก ติดมือพุ่งอออไปเร็วมาก แต่ดว้ยระยะทางทางตรงที่สั้น เพียง 200 เมตรจึงไม่ได้รู้ถึงความเร็วที่เข็มไมล์จะไปถึง แต่เท่านี้ก็เกิน 110 กม./ชม. สบายๆ ซึ่งเกือบทุกรอบผมไม่ดูไมล์เลย เพราะค่อนข้างกดเต็มคันเร่งทุกรอบและใช้สมาธิดูจุดเบรกไม่ให้พุ่งเข้าป่าไปแค่นั้น รวมถึงสนุกกับการขี่ บอกว่าน่าประทับใจกับอัตราเร่งเดิมๆ ที่มีมาให้มาก

ความสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ในรอบต่ำ จอดอยู่กับที่ หรือตอนออกตัวไปจนในรอบสูง “นิ่ม” มาก แทบจะไม่มีแรงสั่นมากวนใจ แถมมีความสมู้ทแต่หนึบแน่นก็ดีกว่าเดิมชัดเจน แว่วว่ามีการปรับภายในโช้คอัพหน้าใหม่ เห็นผลเลยทีเดียว

ระบบเบรกไว้ใจได้ ABS แยกทำงานหน้าหลังเต็มระบบ กำหนดจุดเบรกและเบรกลึก กดเบรกแรงจนยางเบียดกับพื้นเสียงลั่น ในช่วงระบบ ABS จับและปล่อย ก็เอาอยู่ ไว้ใจได้เลย ช่วงล่างวิ่งในสถานที่ทดสอบ สามารถพลิกรถเข้าโค้งแคบทั้งซ้ายขวาได้ไว คล่องตัว

ผมขี่เข้าสถานีทดสอบ HSTC ทุกรอบ(ทั้งที่ จนท.บอกให้วนเข้ารอบเดียวก็ได้) ระบบที่อยู่ใน 350 ทำงานได้ละเอียด ตัดต่อกำลังเมื่อล้อหลัง Over Spin อย่างเนียนกริ๊บ!! เจ๋งอ่ะ มันส์ถึงว่า วนเข้าทุกรอบเลยสิเรา

ลองขี่แล้วก็สรุปเลย

แม้จะเป็นระยะทดสอบสั้นๆ แต่ก็ให้เห็นความต่างได้ชัดเจน ทั้งพละกำลัง และสมรรถนะที่ดีขึ้นรอบคัน มีโอกาสผมจะเอาไปขี่เที่ยวทางไกลดูบ้าง จะได้เก็บข้อมูลจริงต่างๆ มาฝากกัน แต่ในเบื้องต้นที่ได้ลองแล้วขอบกว่า ไม่ได้มีแค่พละกำลัง ความสะดวกสบาย ก็ยังมากกว่าเดิม ฮอนด้าจัดให้การใช้งานหรือการเดินทางไกลดียิ่งขึ้นในทุกด้าน คุ้มค่าครับ อย่าลังเล จัดว่าเด็ดสุดในรุ่น

All New Forza 350 มีให้เลือก 4 สี คือ ดำ, ขาว-น้ำเงิน, แดง-ดำ และ น้ำเงิน-ดำ ราคาแนะนำพิเศษ 173,500 บาท   

Special Thank
บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด
ภาพถ่ายตัวผมจากพี่น้องสื่อมวลชน

รีวิว ขี่ Honda Forza 300 พร้อมชุดแต่ง เที่ยวทะเล คลิก
คลิป รีวิว ทดสอบ Forza 300 ในรูปแบบเที่ยว คลิก
คลิป รีวิว ทดสอบ Honda GL1800 Goldwing โดยละเอียด คลิก