รู้หรือไม่ครับว่า Yamaha YZF-R1 รถในฝันของใครหลายคนนั้น ไม่ได้เกิดมาจากตระกูล YZF ตั้งแต่ต้นต้องย้อนกันไปไกลกว่านั้นหลายปี เพราะก่อนหน้าที่จะเกิด Series YZF ทาง Yamaha ได้ผลิตรถในสาย Sport ใน Series FZR มาก่อนแล้ว
ปี 1987 เป็นปีแรกที่ Yamaha ส่งรถสาย Sport ตัวแรกสู่ตลาดในรุ่น FZR 1000 โดยเริ่มสายการผลิตตั้งแต่ ปี 1987-1995 หลังจากนั้นเพียงปีเดียวในปี 1988 ทาง Yamaha ยังส่งมาอีก 2 รุ่น FZR 400 และ 750 โดยพัฒนาจาก 5-Speed เป็น 6-Speed และถัดมาปีเดียวก็มี FZR 600 ตามมา ซึ่งตัวที่บ้านเรารู้จักกันมากที่สุดคือ FZR400RR เจ้าของฉายา “หมาบ้า” คือนอกเหนือจากมี exup และความแรงแบบจมไมล์ เจ้านี่กลัวน้ำ ล้างรถทีคาร์บูฯ รวนตลอด
หลังจาก Yamaha FZR เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในตลาด Yamaha ก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมาในปี 1993 เป็นครั้งแรกของการเปิดตัวรถในตระกูล YZF ขึ้นมา โดยรุ่นแรกที่ได้รับการผลิตคือ Yamaha YZF 750 ปี 1993-1997 ซึ่งในตระกูล YZF 750 นี่เองที่เริ่มมีการใช้ Deltabox Frame และมีการนำเอาระบบ Double Overhead Cams/Twin Cam (DOHC) มาควบคุมการจ่ายน้ำมัน แต่ยังคง exup-valve ที่เป็นเอกลักษณ์เช่นเดิม
หลังจากเปิดตัว YZF 750 ได้ 3 ปี Yamaha ก็เปิดตัวรถ model ใหม่ถึง 2 รุ่น พร้อมกัน ในปี 1996 คือ Yamaha YZF 1000 (Thunderace) และ YZF 600 (Thundercat) แต่ทั้ง 2 models ถือเป็นรถในสไตล์ Sport Touring ทั้ง 2 รุ่น
ในช่วงกลางถึงปลายยุค 90 ค่ายรถส่วนมากจะผลิตรถออกมาไม่เกิน 1000cc. หากรุ่นใดมีขนาด 1000cc. ขึ้นไปก็จะเป็นสาย Touring หรือ Sport Touring โดยส่วนใหญ่คลาสที่นิยมเล่นกันจะเป็น 250 400 600 750 และ 900cc. เช่น Honda CBR900RR, Kawasaki ZX-9, ZXR 750 หรือ Suzuki GSX-R 600, 750 เป็นต้น
ในปี 1998 ถือว่าเป็นช่วงสำคัญของการเปลี่ยนช่วงแรกที่ Yamaha ทำการเปิดตัวเจ้า Yamaha YZF-R1 โดยใช้เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 4 สูบเรียง ขนาด 998cc. ที่มาด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่น สไตล์รถ Super Sport ซึ่งถือว่าเป็นค่ายแรก ๆ ที่ ผลิตรถธงมาในพิกัด 1000cc. ท่ามกลางค่ายอื่น ๆ ที่ยังใช้เครื่องยนต์พิกัด 600-900cc. ในสไตล์รถ Super Sport
นับได้ว่าการเปิดตัวนี้ เป็นการเปลี่ยนยุคของรถเรือธงในทุกค่ายรถ ให้เปลี่ยนมาผลิตรถในพิกัด 1000cc. กันหมด อันนี้ไม่นับรวม Suzuki TL1000R ที่เป็นเครื่อง 2 สูบ หัวฉีดนะครับ ต่อมาในช่วงปี 2000-2001 ก็มีการ minor change ให้กับเจ้า “อาร์วัน” ให้ดูโฉบเฉี่ยว รถดูกระชับมากขึ้น ปรับปรุงคาร์บูเรเตอร์ให้จ่ายน้ำมันได้รวดเร็ว แม่นยำ
มาในปี 2002-2003 R1 มีการเปลี่ยนแปลงแค่เล็กน้อยทั้งแฟริ่ง และไฟท้ายที่เปลี่ยนเป็น LED เส้นตรง ส่วนของเครื่องยนต์ก็ปรับปรุบแค่ความแข็งแรงของลูกสูบเท่านั้น ซึ่งถือว่า model นี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยม และเป็นช่วงปลายของเครื่องยนต์คาร์บูเรเตอร์ ที่สำคัญค่ายอื่นเริ่มปล่อยเครื่องหัวฉีดแล้ว เช่น Suzuki GSX-R 1000 ปี 2001(K1) หรือค่ายปีกนกก็มี Honda CBR954RR ปี 2002 ซึ่งเป็นที่นิยมมากกว่า
หลังจากโดนคู่แข่งแซงนำไปก้าวนึง Yamaha ก็กลับมาได้อย่างสมศักดิ์ศรี โดยเปิดตัว Yamaha R1 ปี 2004 ที่เป็นเครื่องยนต์ใหม่ระบบหัวฉีด ขนาด 998cc. มีขุมกำลังถึง 180 แรงม้า Double Overhead Cams/Twin Cam (DOHC) 6-Speed และย้ายท่อไอเสียแบบเดียว ออกข้าง ไปเป็นท่อออกตูด แบบที่เรียกกัน ทำให้รูปลักษณ์ดูทันสมัยมากในยุคนั้น แถมเปลี่ยนสวิงอาร์มใหม่ Swingarm (Link suspension) และเพิ่มช่องแรมแอร์
หลังจากประสบความสำเร็จในการเปิดตัวในปี 2004 ต่อมาในปี 2007 ก็มีการพัฒนา โดยเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนตฺ์ 4 จังหวะ 4 สูบเรียง DOHC 4 วาล์วต่อสูบ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด YCC-T & YCC-I และเพิ่มความแม่นยำในการจุดระเบิดด้วยระบบ Digital TCI แถม model นี่เปลี่ยนมาใช้สลิปเปอร์คลัทช์ เฟรมอลูมิเนียมใหม่ DeltaBox V ระบบเบรคคาลิปเปอร์หน้าแบบเรเดียลเมาท์จาก 4 เป็น 6 พอต แรมมีขนาดใหญ่ขึ้น
มาถึงก้าวสำคัญที่ Yamaha นำเทคโนโลยีจากสนามแข่ง MotoGP มาไว้ในเจ้า “อาร์วัน” โฉมปี 2009 โดยเปลี่ยนจากเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง In-line Four มาเป็นเครื่องยนต์แบบ 4 สูบ Cross Plane แบบใน Yamaha M1 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่รวมข้อดีของทั้งเครื่อง 2 สูบ L-Twin กับ 4 สูบเรียงเข้าด้วยกัน ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรุ่นนี้ ซึ่งเป็นที่รู้จักว่าเป็นโฉม “เอเลี่ยน” มีขุมกำลังถึง 182 แรงม้าให้ใช้กัน
ปี 2012 อาร์วัน มีการปรับ minor change ไปเล็กน้อย ให้ดุสวยงาม ดุดันขึ้น ที่เห็นได้ชัดคือส่วนหน้าของ fairing มีเพิ่มไฟเดย์ไลท์ ส่วนฟังค์ชั่นในการขับขี่ก็มีมาอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ABS, Traction Control 7 ระดับ และ Drive-Mode 3 โหมด ซึ่งปี 2014 เป็นปีสุดท้ายของโฉม เอเลี่ยน
มาถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับ “อาร์วัน” ในปี 2015 ซึ่งเป็น Model Change ใหม่หมดทุกจุด โดยถอดแบบมาจาก Yamaha M1 ใน MotoGP ทั้ง Design และ เครื่องยนต์แบบ Cross Plane Crankshaft 998cc. ให้แรงม้าถึง 200 ตัว มาพร้อม Fairing ใหม่หมด เรือนไมล์สี LED อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีช่วยขับ เช่น Traction Control, Slide Control, Anti-Weelie Control, Quickshifter, Luanch Control, ABS รวมถึง Drive-Mode
ซึ่งใน Model ใหม่นี้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อ รถที่มีออฟชั่นเพิ่มเติมได้ในรหัส R1M ซึ่งมีความแตกต่างจาก R1 ธรรมดา ค่อยข้างเยอะ เช่น Carbon Fairing ทั้งคัน, โช๊คทั้งหน้า และหลังที่เป็น Öhlins ทั้งระบบ สามารถปรับตั้งค่าต่าง ๆ ได้ที่หน้าเรือนไมล์ รวมถึงสามารถเชื่อมต่อข้อมูลรถกับโทรศัพท์มือถือเราได้ เป็นต้น
ส่วน R1 และ R1M ในโฉมปี 2020 นี้ มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยในส่วนของ fairing และสีสันลาย Graphic ใส่วนของ function การขับขี่ต่าง ๆ ก็มีการพัฒนาให้สามารถทำงานได้ละเอียด และมีประสิทธิภาพตามความต้องการของผู้ขับขี่ ด้วยเหตุที่ทาง Yamaha มีการพัฒนารถอยู่อย่างต่อเนื่อง และบริการหลังการขายที่เป็นจุดเด่นทำให้เข้าไปครองใจของเหล่าสาวก รวมถึง Bikers ทุกรุ่น ที่ครั้งนึงในชีวิตอยากจะสัมผัสเจ้า R1 ดูสักครั้ง
รีวิว ทดสอบ 2020 Yamaha YZF-R1 คลิก
YZF-R7 รถสเป็คพิเศษ หนึ่งใน R Series คลิก
