ผมไม่ลังเลที่จะเลือกขี่ Ducati Panigale V4S ไปทริปนี้เพราะไม่ได้ขี่ V4S มานานนับตั้งแต่ที่ไปงานเปิดตัวที่สนามเซปังฯ ประเทศมาเลเซีย โดยโมเดลปัจจุบันนี้มีจุดต่างหลักๆ จากโมเดลเดิมที่ผมเคยขี่ถึง 9 จุด
One Day Trip ครั้งนี้จัดให้โดย Ducati Thailand พร้อมรถหลายโมเดลให้่เลือกขี่ ผมก็จิ้มที่ Panigale อย่างไม่ลังเลตั้งแต่ก่อนวันเดินทาง รถสปอร์ตกับการเดินทางไกลเป็นประสบการณ์ที่ผมห่างหายไปนานเกือบ 10 ปีได้
Panigale V4S หนึ่งในสุดยอดรถสปอร์ตยุคนี้
เทคโนโลยีที่ท่วมคันมันคือเทคโนโลยีเดียวกับรถแข่ง MotoGP และ WorldSBK ที่ปี 2022 ที่ผ่านมา Ducati เข้าเหมาแชมป์ทั้ง 2 รายการ และในปีนี้ก็ยังเต็ง 1 ทั้ง 2 รายการเหมือนเดิม
ผมอาจไม่ลงดีเทลรายละเอียดของรถในคอนเทนต์นี้ เพราะเคยทำรีวิวเต็มๆ ไปแล้วตอนไปทดสอบที่สนามเซปังซึ่งสมัยนั้นผมยังรับเงินเดือนอยู่
เรื่องราวผมก็เลยถือว่าเป็นสิทธิ์ของผู้ให้เงินเดือนผมอ่ะนะ และแน่นอนเสิร์ซกูเกิ้ลก็มีให้อ่ายเยอะมาก (ที่จริงแล้วขี้เกียจพิมพ์ข้อมูลตามโบรชัวร์ไหมว่า ฮ่าาา)
9 จุดที่ต่างจากโมเดล 2021 เดิม
มาดูจุดต่างของโมเดลปี 2022 – 2023 กับโมเดลเดิม 2021 กันเลยดีกว่า ที่มี 9 จุดสังเกตมีอะไรบ้าง
- ปีคู่หน้าแบบใหม่ถอดแบบมาจากรถ F1 ดีไซน์ใหม่นี้ช่วยเพิ่มแรงกดได้ถึง 30 กก.ที่ความเร็ว 270 กม./ชม. และมากสุดถึง 37 กก. ที่ 300 กม./ชม.
- ถังน้ำมันเชื้อเพลิงดีไซน์ใหม่ มีความจุเพิ่มขึ้น 1 ลิตร รวมเป็น 17 ลิตร
- แฟริ่งต่ำลง เพิ่มช่อง Air Outlet ที่ด้านซ้ายจะใช้ในการระบายความร้อนให้กับ Ducati Quick Shift Sensor โดยเฉพาะ
- Version Logo หรือโลโก้ V4S ที่ด้านล่างของแฟริ่งสีแดงอยู่บนพื้นสีดำ
- ช่อง Air Outlet ใต้แฟริ่ง ช่วยลดอุณหภูมิ จัดระเบียบลมร้อนให้กระจายหรือระบายออกจากตัวผู้ขี่ สามารถระบายความร้อนได้ดีกว่าเดิม 6%
- เพิ่ม Tag หรือขีดสีแดงที่ล้อแม็ก (เฉพาะใน Version S)
- เบาะนั่งเป็น 2 สี ดำ-แดง
- ตัวหนังสือ DUCATI สีดำข้างแฟริ่ง
- มีกราฟฟิกเป็นธงชาติอิตาลีที่ขอบแฟริ่งบริเวณจุดเชื่อมต่อกับถังน้ำมัน
ก็เป็น 9 จุดต่างภายนอกที่สังเกตง่ายๆ ครับ ที่จริงทาง Ducati Thailand ให้มา 10 ข้อ ซึ่งข้อ 10 บอกว่าเป็นโช้ค Ohlins ซึ่ง Ducati ใส่โช้ค Ohlins เป็นมาตรฐานมายาวนานแล้ว แต่ใน Version S จะเป็นโช้คไฟฟ้า ซึ่งจะมีสายไฟที่หัวโช้ค แต่ในรุ่นธรรมดาจะไม่มีสายไฟนี้
สปอร์ตก็ใช้บนถนนได้
มาต่อกันเรื่องฟีลลิ่งขี่ถนนเที่ยว เบาะนั่งค่อนข้างสูงตามสไตล์รถสปอร์ตเรพพลิก้ายุคนี้ แต่ให้ความคล่องตัวสูงมาก ผมขี่มุดรถติดแบบติดหนักๆ ได้สบาย ขี่สนุกจริง
หลายคนอาจจะบอกว่าผมมีทักษะก็เลยขี่ได้คล่องก็เป็นได้ แต่อยากบอกว่าผมก็พึ่งจะเคยขี่ V4S ลงบนถนนครั้งแรกในชีวิตเนี่ย และเอาจริงๆ ใครได้ลองขี่แล้วจะรู้เลยว่า V4S ขี่ในเมืองรถติดได้คล่องตัว แถมควบคุมง่ายจริง ขี่ถนนได้สนุกเลยล่ะครับ จะมีเรื่องความร้อนใต้เบาะนั่งที่มาจาก 2 สูบหลังมากระทบบ้าง แต่ได้จังหวะทางโล่งหน่อยก็ระบายได้ไวอยู่
ทางโล่งยาวเป็นของถนัด ผมหวดคันเร่งปล่อยพลังได้สุดความเร็วของรถ จากเรือนไมล์บอกที่ 298 กม./ชม. ไมล์บอกความเร็วสุดแค่นั้นก่อนจะบอกเป็น “ขีด” ตามภาพ แต่กับความเร็วที่ยังรู้สึกว่ายังไหลไปเกินกว่า 300 กม./ชม.อย่างแน่นอน
ที่จริงความรู้สึกผมรู้สึกว่าไม่ค่อยเร็วนักเมื่อเทียบกับ ZX14 และ Haya ที่ผมเคยขี่จนสุดไมล์ แต่ความเร็วจริงคือ V4S เร็วมากด้วยเพราะเทคโนโลยีปีกที่สร้างแรงกดมากถึง 37 กิโลกรัมรถมีความนิ่งเกาะถนน ด้วยช่วงล่างที่ดีเยี่ยม ออกแบบมาให้ใช้ความเร็วได้สูงสุดและสามารถใช้เบรกหนักๆ ได้มั่นใจ
แต่ด้วยสไตล์รถท่าขี่จึงอยู่ในท่าคุดคู้ข้อมือแทบจะอยู่แนวเดียวกับหัวเข่าพร้อมแข่งสนามวนตลอดเวลา การเดินทางไกลมากๆ ด้วยท่าขี่แบบนี้ก็อยู่ที่กำลังกายและใจของแต่ละคนแล้วล่ะครับ
ขึ้นเขาใหญ่จากฝั่งนครนายก-ปราจีนฯ ทางโค้งคือทางถนัดของรถสปอร์ต แต่ๆ เราไม่ได้ขี่เร็วนะครับ ขบวนเราใช้ความเร็วที่กำหนดตามกฎและถ่ายรูปไปเรื่อยๆ โค้งบนเขาใหญ่แค่ขี่เลี้ยวไปธรรมดา ยาวจนลงฝั่งปากช่อง
เราแวะพักกินข้าวกลางวันกันจนอิ่มแปร้ ก่อนจะขี่ย้อนไปขึ้นเขาใหญ่อีกครั้งเพิ่มกลับทางปราจีน-นครนายก และเข้า กทม.อย่างปลอดภัยและมีภาพสวยทุกคัน ก็ต้องขอขอบคุณ Ducati Thaiand ที่จัดทริปดีๆ แบบนี้ให้ครับผม
DUCATI Panigale V4S ราคาเริ่มต้นที่ 1,329,000 บาท และรุ่น V4 ราคาเริ่มต้นที่ 1,060,000 บาท ดูคันจริงได้ที่ตัวแทนจำหน่ายดูคาติทั่วประเทศ
สัมภาษณ์พิเศษผู้บริหารดูคาติไทยแลนด์ชุดใหม่
พรีวิว ดูคาติ มอนสเตอร์ 937
เปิดตัว โมโตเร อิตาเลียโน
คลิป ทดสอบรีวิว Panigale V2 ที่ประเทศสเปน คลิก
ทดสอบ รีวิว Streetfighter V4S ที่สนามช้างฯ คลิก
ทดสอบ รีวิว Panigale V2 ถึงประเทศสเปน คลิก
รีวิว Scrambler Icon และ Desert Sled คลิก
คลิป Panigale V4S แต่งใส่ท่อ Austin