Royal Enfield METEOR 350 มอเตอร์ไซด์ครูซเซอร์พันธุ์แท้ สำหรับผู้ที่รักอิสระในการเดินทางด้วยเจ้า 2 ล้อ ที่มีรูปลักษณ์สไตด์คลาสสิก แต่แฝงไว้ด้วยสมรรณะ และฟังค์ชันการใช้งาน ที่จะสามารถพาคุณสนุกไปกับการเดินทางได้อย่างลงตัว ตามแบบฉบับของ Royal Enfield
มาดูขุมกำลังกันหน่อย ด้วยเครื่องยนต์ แบบใหม่ล่าสุด ระบายความร้อนด้วยอากาศ สูบเดียว ขนาด 349 ซีซี เครื่องยนต์ SOHC 2 วาล์ว ที่มีช่วงชักยาว (Long Stroke) ออกแบบพิเศษเพื่อให้พละกำลังที่ต่อเนื่อง และราบลื่นขึ้น ลดอาการสั่นของตัวเครื่อง ที่เคยเป็นปัญหาในเครื่องยนต์รุ่นเก่าได้ดีขึ้น ระบบหัวฉีดควบคุมด้วยไฟฟ้า (EFI) เพิ่มความแม่นยำในการจ่ายเชื้อเพลิง เพื่อการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ที่สุด
ถึงแม้จะเป็นรถแบบ “มินิ ครุซเซอร์” แต่ด้วยมิติตัวรถที่ดูใหญ่ เพราะขนาดของถังน้ำมันที่ให้มาถึง 15 ลิตร และน้ำหนักรถที่มากถึง 191kg. ทำให้รู้สึกว่าจะหนักไปมั้ยสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยจับรถสไตด์นี้เลย แต่พอได้ลองคร่อมดูเท่านั้นแหละ แม่เจ้า!!! ผมสามารถนั่งบนรถ แล้วเข็นเดินหน้า ถอยหลังได้อย่างสบายมาก เพราะด้วยความสูงจากเบาะแค่ 765มม. ทำให้สามารถวางเท้าบนพื้นถนนได้อย่างเต็ม ๆ อีกทั้งมีการวางแชสซีที่ดีทำให้การบาลานซ์รถทำได้ง่ายมาก ถึงแม้ในยามที่ต้องใช้งานในเมืองที่การจราจรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ
ทริปนี้ผมได้มีโอกาสทดสอบเวอร์ชั่น Supernova ซึ่งถือว่าเป็นตัวท๊อปสุดของรุ่น โดยทั้ง 3 รุ่น ที่มีวางจำหน่ายนั้น ใช้พื้นฐานเครื่องยนต์เดียวกันทั้งหมด จากที่สัมผัสจริงในครั้งแรกผมค่อนข้างประทับใจในรูปลักษณ์ตามสไตด์วัยรุ่นยุค 80-90 ผสมผสานความเป็นครูซเซอร์ และช๊อปเปอร์ได้อย่างลงตัว
อีกทั้งฟังค์ชั่นการขับขี่ที่ให้มาถือว่าเด็ด นั่นคือ Tripper Navigator โดยสามารถเชื่อมต่อการใช้งานกับมือถือ ผ่าน App ของ Royal Enfield กับ Google Map ซึ่งถือว่าใช้งานจริงได้ดีทีเดียว ในส่วนของการเดินทางไกล หากกลัวโทรศัพท์แบตเตอรี่หมดก็มีช่อง Power Outlet ให้มาพร้อมใช้งานกันเลย
ในส่วนของการขับขี่นั้น ถือได้ว่าเป็นรถที่เข้าถึงได้ง่ายมากถึงแม้จะเป็นมือใหม่ หรือจะเป็นสุภาพสตรีก็ตาม ด้วยความที่รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ บาลานซ์รถดี ทำให้สามารถควบคุมรถได้ง่าย อีกทั้งไม่ต้องใช้ใบอนุญาตขับขี่พิเศษ เพราะรถมีขนาดไม่เกิน 400 ซีซี โดยความเร็วสูงสุดที่ทำได้ประมาณ 120 กม./ชม.
จุดนึงที่ผมค่อนข้างประทับใจเจ้า METEOR 350 ก็คือ ระบบช่วงล่างที่ค่อนข้างนิ่มนวล ขับขี่สบาย ไม่มีอาการเมื่อยล้าให้ต้องแวะนวดระหว่างเดินทาง ด้วยตำแหน่งการวางแชสซี ทำให้ท่านั่งสบาย ความนี่มนวลจากโช๊คหน้าแบบเทเลสโคปิค ขนาด 41มม. ช่วงยุบถึง 130มม. ทำงานร่วมกันกับโช๊คหลังคู่ (ปรับพรีโหลดได้ 6 ระดับ)
ในส่วนของความปลอดภัยก็ให้มาแบบจัดเต็ม โดยนอกเหนือจากระบบดิสค์เบรคแบบมาตรฐานทั่วไป ยังให้ ABS หน้า-หลัง มาพร้อม แถมยางที่ติดรถมาขนาดหน้า 100/90 ขอบ 19″, หลัง 140/70 ขอบ 17″ ก็ถือว่ายึดเกาะถนนได้ดีทีเดียว
ในส่วนของรายละเอียดอื่นก็ถือว่าทำได้ดี เช่น ก้านเกียร์ออกแบบให้สามารถงัดหน้า และกดด้านหลังก็ได้ หรือการ Design รถให้สามารถเอาไปต่อยอดในการแต่งเพิ่มได้ มีข้อสังเกตนิดนึง คือ ตัวรถน้ำหนักมากอาจจะลำบากในการยกรถหากมีการล้ม และขาตั้งที่ปลายเล็กไปนิด หากพื้นยุบจะจอดลำบาก
บทสรุปถือว่าเป็นรุ่นที่มีความปราณีต และใส่ใจในการผลิตออกมาตอบโจทย์การใช้งานได้ดีอีกรุ่น แต่หากคุณเป็นสายความเร็วแล้วละก็ มองข้ามมันไปได้เลย คันที่ผมนำมาทดสอบนี้เป็นรุ่น Supernova ตัวท๊อป จะเป็นสีทูโทน มีชิวบังลม กับพนักพิงให้มาด้วย
ในส่วนรถทีมีวางจำหน่ายนั้น Royal Enfield METEOR 350 จะมีด้วยกัน 3 รุ่น ได้แก่ Fireball ราคา 150,000 บาท, Stellar ราคา 155,000 บาท และ Supernova ราคา 159,500 บาท รายละเอียดอื่น ๆ สามารถเข้าไปดูได้ที่ https://www.royalenfield.com/th/th/motorcycles/
รีวิว Royal Enfield Himalayan ขึ้นเขาไผ่
Ducati Panigale V4 แต่งเต็ม ลงล่าแชมป์ SB2 ใน OR BRIC Superbike
รีวิว ทดสอบ Honda CBR250RR แบบเต็มๆ คลิก
คลิป รีวิว ทดสอบ CBR250RR คลิก
CBR400RR และ VFR400R ตำนานรถ 400 ซีซี คลิก
ทดสอบ รีวิว CBR Series คลิก