Honda X-ADV 750 กับเกียร์ DCT คือรถยังมีเกียร์อยู่ ควบคุมด้วยชุดคลัทช์ 2 ชุด มี 6 เกียร์ ระบบจะใส่เกียร์เอง ขึ้นเกียร์หรือเชนลงเป็นจังหวะตามรอบเครื่องและโหมดขับขี่ที่ใช้ และที่พิเศษคือคนขี่สามารถเพิ่มหรือลดเกียร์ได้เองทุกเวลาที่ต้องการเหมือนเกียร์ปกติ แค่กดที่สวิทซ์แฮนด์ โดยไม่ต้องบีบคลัทช์!!
ย้อนไปเมื่อสมัยที่ตัวผมเป็นนักทดสอบให้กับนิตยสารโมโตครอส Honda X-ADV 750 เป็นหนึ่งในรถที่ได้มาทดสอบเป็นคนแรกๆ (ไปหาคลิปทดสอบในยูทูปดูเอา) และสร้างความประทับใจให้ผมพอสมควร แม้จะเป็นรุ่นที่ทดสอบนั้นในปีนั้นยังไม่ได้ใส่ระบบ HSTC (Honda Selectable Torque Control) หรือ Traction Control มาให้ก็ตาม
และวันนี้ผมก็ได้ออกทริปกับ X-ADV อีกครั้ง ในรูปแบบท่องเที่ยว เริ่มต้นจาก Honda Bigwing BKK (เลียบทางด่วน) ไปยังจุดหมายที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมี “โค้ชพี่เล่” คุณเจษฎางค์ โชตนา อดีตแชมป์ประเทศไทยในสายเอ็นดูโร่ เป็นผู้วางเส้นทาง แน่นนอนว่าไม่ได้ไปบนเส้นทางหลวงทางหลักกันดีๆ แน่นอน
เส้นทางจาก Bigwing เลียบทางด่วน ออก ถ.แจ้งวัฒนะ ข้ามสะพานพระราม 4 ไปยังบางบัวทอง นครปฐม สู่ ทางหลวงหมายเลข 4 ผ่าน จ.ราชบุรี ข้ามแยกวังมะนาว ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปยัง “แก่งกระจาน”
80 กม./ชม. บนทางลูกรัง มันส์จริงๆ
เส้นทางก่อนถึง “แก่งกระจาน” ตามที่ว่า ไม่ใช้วิ่งแต่บนทางหลักนะครับ มีเข้าไปวิ่งเลียบคลองเป็นระยะทางร่วมๆ หรือมากกว่า 10 กิโลเมตรได้มั้ง ในช่วงเวลา 7 โมงเช้าอากาศดีมาก เส้นทางสวยมากเช่นกัน แต่เส้นทางที่ว่าเป็นทางลูกรังคละด้วยหลุมบ่อเล็กใหญ่มากมาย รถทั้งขบวนเป็น Africa Twin เกียร์ DCT ทุกคัน มีผมคนเดียวที่ขี่ Honda X-ADV 750 คันเดียว ไม่มีปัญหา ลุยสิครับ
เราขี่รูดทางลูกรังด้วยความเร็วพอสมควรทีเดียวล่ะ “คือไม่ช้า” ประมาณ 70-80 กม./ชม. ด้วยที่เป็นรถสกู๊ตเตอร์ ที่พักเท้าหรือตำแหน่งการขับขี่ต่างๆ ทำให้ยืนขี่ไม่ถนัดนัก ผมจึงต้องนั่งขี่เพราะจะมั่นคงกว่า(แต่ถ้าได้พักเท้าแต่งเฉพาะที่ใส่ใน X-ADV จะยืนได้ดีเลยล่ะ)
ด้วยช่วงล่างที่แตกต่างจากสกู๊ตเตอร์ทั่วๆ ไป คือมีระยะยุบยืดมากกว่า ทำให้การลุยบนทางลูกรังแบบนี้มันส์มาก กอปรกับฐานล้อที่ยาว ล้อหน้า 17 นิ้ว ล้อหลัง 15 นิ้ว ขับด้วยโซ่ทำให้แรงบิดไปปั่นล้อได้ฉับไว การเปิดคันเร่งในขณะรถเลี้ยวหรือเอียงเกิดพาวเวอร์สไลด์ได้ง่ายๆ ผมกดเลือกใช้เกียร์ DCT เป็น Manual แล้วกดขี่ในเกียร์ 3 กำลังดีในเส้นทางแบบนี้ ยกหรือเร่งมีแรงบิดและเอ็นจิ้นเบรก ไม่ต่างจากรถที่ต้องใส่เกียร์ปกติ
สบายที่สุดบนไฮเวย์
จากทางดินสู่ทางหลักทางดำ ผมปรับโหมดขับขี่เป็น D โหมด ระบบ DCT จะทำการเปลี่ยนเกียร์เอง โดยจะเปลี่ยนในรอบเครื่องที่ต่ำ ทำให้การขี่สบาย นุ่มนวล ไม่กระชาก แต่กำลังของเครื่องยนต์ยังมาเต็มปกตินะครับ ซึ่งโหมดขับขี่ที่ปรับเปลี่ยนได้นี่เป็นการเปลี่ยนการทำงานของระบบ DCT นะครับ ไม่เกี่ยวกับพละกำลังของเครื่องยนต์
และในโหมด S ระบบ DCT จะทำการเปลี่ยนเกียร์ให้สัมพันธ์กับรอบเครื่องที่สูงขึ้น คือเราสามารถลากรอบเครื่องได้สูงขึ้น และใช้เอนจิ้นเบรกได้มากขึ้น ที่สำคัญไม่ว่าจะโหมด D หรือ S เมื่อต้องเร่งแซงกะทันหัน ระบบ DCT จะมีการเชนเกียร์ลงและคาเกียร์ เพื่อให้ลากรอบเครื่องสูงขึ้นไปถึงเรดไลน์ โดยจะไม่มีการอัพเกียร์ขึ้น เพื่อให้แซงได้ฉับพลัน!!
อธิบายง่ายๆ ก็เหมือนระบบเกียร์ออโต้ในรถยนต์ครับ และการเร่งฉับพลับที่ว่า ก็เหมือนการ Kick Down!! บนรถยนต์ และการเปลี่ยนเกียร์ที่สวิทซ์แฮนด์ด้านขวาก็เหมือน “Paddle Shift” ที่พวงมาลัยรถยนต์ แต่นี่คือระบบ DCT บนรถมอเตอร์ไซค์หนึ่งเดียวในโลก เฟี้ยวล่ะสิ
เร่งพรวดเดียวเกือบ 180 กม./ชม.
การเดินทางบนทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) ใช้ความเร็วยืนพื้นที่ 120-140 กม./ชม. โดยประมาณ ในรูปแบบขบวนคาราวาน มองดูเพื่อนๆ รอบตัวในขบวน ผมน่าจะเป็นคนที่ได้รถที่ขี่สบายที่สุดแล้วล่ะครับ ฮ่าๆ และความเร็วสูงสุดที่ผมทำในทริปนี้ก็ประมาณ 177 กม./ชม. แบบสบายๆ
เลี้ยวจาก ถ.เพชรเกษม มุ่งเข้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน บนเส้นทางรอง ซึ่งเป็นทางลูกรังสลับลาดยาง ก่อนขึ้นไปถ่ายรูปบนสันเขื่อนพองาม บนทางลูกรังยิ่งขี่ก็ยิ่งมันส์ เปิดคันเร่งได้เต็มที่ ผมใช้โหมด S เพราะต้องการให้รถใช้รอบสูงหน่อย ก่อนที่ระบบ DCT จะเพิ่มหรือลดเกียร์เอง
แต่ถึงแม้ช่วงล่างจะมีการออกแบบมารองรับบนทางแบบนี้แล้วก็ตาม การนั่งขี่บนทางแบบนี้ก็ไม่สนุกนักเพราะเจอหลุมลึกก็จะโดนแรงกระแทกจากพื้นมาถึงบั้นท้ายเต็มๆ ถ้าใส่ของแต่งที่เป็นพักเท้าสำหรับเหยียบยืน ก็ยืนขี่ได้สบายๆ เพราะแฮนด์เดิ้ลบาร์กว้างเท่ากับหรือเป็นอันเดียวกับที่ใช้ใน Africa Twin อยู่แล้ว
ก่อนออกทางหลวงทางหลัก “โค้ชพี่เล่” ก็พาออกนอกเส้นทาง เข้าไปในป่าเป็นเส้นทางไปน้ำตก…? ชื่อน้ำตกอะไรผมก็จำมิได้ แต่เส้นทางเป็นทางดินซิงเกิ้ลแทร็ค แต่ก็เข้าไปได้ไม่ถึง เพราะเส้นทางไม่สามารถไปต่อได้ ทางแคบที่เหมาะกับรถเอ็นดูโร่ขนาดเล็กมากกว่า หรือเดินเข้าไปสะดวกกว่า หรือถ้าฝืนยกขบวน Adventure ใหญ่ๆ ขี่กันเข้าไปกว่า จะได้กลับลงมาได้คงจะดึกแน่นอน จึงต้องหันหัวกลับ และมุ่งหน้าเข้าที่พักกัน
ให้ระบบใส่เกียร์ หรือใส่เกียร์เองก็สบายสุดๆ
ระบบ DCT บททางไฮเวย์ยาวๆ ให้ความสบายสูง การเปลี่ยนเกียร์ของระบบ DCT ทำได้ใกล้เคียงกับใจที่เราคิดอยากใช้เกียร์นั้นๆ มากถึง 90% ระหว่างที่ให้ระบบเปลี่ยนเกียร์เองอัตโนมัติ ไม่ว่าจะอยู่ในโหมด D หรือ S นั้น เราก็สามารถกดเพิ่มหรือลดเกียร์ได้เอง โดยไม่ต้องสนใจว่าจะอยู่ในโหมดไหน และไม่ต้องอยู่ในโหมด Manual ด้วย และทั้งหมดคือไม่ต้องบีบคลัทช์ ไม่มีก้านคลัทช์ให้บีบนะจ๊ะ
การทำงานของ DCT
เทคโนโลยี DCT (Dual Clutch Transmission) คือระบบคลัทช์คู่ เกียร์จะมีชุดคลัทช์ 2 ชุดแยกกันแบ่งเป็นระหว่างเกียร์ 1,3,5 และอีกชุดของเกียร์ 2,4,6 โดยชุด ECU หรือสมองกลจะสั่งการทำงานว่าจะใช้เกียร์อะไรต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเกียร์หรือลดเกียร์ สัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์ การใช้คันเร่ง ความเร็วและโหมดขับขี่ที่ใช้ ทำงานอย่างต่อเนื่องกัน
สำหรับรถที่มีระบบ DCT ก็จะมีดังนี้
- Honda X-ADV 750 ราคา 420,000 บาท
- Honda CRF1000L Africa Twin ADV Sport ราคา 625,000 บาท
- Honda NC750X ราคา 364,000 บาท
- Honda NM4 ราคา 529,000 บาท
- Honda GL1800 Goldwing ราคา 1,280,000 บาท
ครั้งหน้าผมจะมารีวิวรถรุ่นไหน หรือไปทริปเส้นทางไหน อยากให้ติดตามกันต่อครับ
Special Thank : บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด , Honda Bigwing , Honda Bigbike Excited The World
ทดสอบ Honda CB150R Neo Sport รุ่นเล็กสุด แต่ออฟชั่น Bigbike
คลิปทดสอบ 2019 Honda Goldwing 1800 คลิกตรงนี้