Honda Goldwing ที่เปิดตัวแบบ All New คือปรับปรุงเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดในรอบ 17 ปี และผมเองก็ได้เห็นตัวเป็นๆ ครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นในงาน Tokyo Motorshow 2017 ก่อนจะมาเปิดตัวที่ประเทศไทย ในงาน 2018 Motorshow ที่เมืองทองธานี เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนปี 2018 ที่ผ่านมา
ด้วยกระแสการตอบรับอย่างดีทั่วโลก ในไทยเองนอกจากจะมีกลุ่มมีคลับที่ใช้ Honda Golewing อยู่มากมาย ยังมีผู้ที่จอง All New 2018 Honda Goldwing ตั้งแต่ยังไม่เปิดตัวเปิดราคากันหลายร้อยคัน(นี่รถมอเตอร์ไซค์ราคาหลักล้านบาทนะ) ล่าสุดทาง Bigwing พระราม 5 ก็จัดทริป All New Honda Goldwing สุดหรูขี่ไปปาร์ตี้เรือยอร์ชกัน
เช่นนี้เองผมจึงถือโอกาสนี้นำ Honda Goldwing 1800 โฉมสุดท้ายก่อนจะเปลี่ยนแปลงมาใช้ให้รู้กันว่า Goldwing รถที่มีสายการผลิตมายาวนานมากกว่า 40 ปีนั้นมีอะไรดี ถือว่าเรียกน้ำย่อยก่อนจะนำ All New 2018 Honda Goldwing โฉมล่าสุดมารีวิวให้รู้ถึงความเปลี่ยนแปลงกันอีกทีครับ
Luxury Touring หรูสุดๆ บนโลกของ 2 ล้อ
Honda Goldwing รถทัวริ่งระดับ Flagship ของฮอนด้า หรือระดับสูงสุดในค่ายนั่นเอง เป็น Luxury Touring ที่ไม่เพียงมีแต่ขนาดที่ใหญ่โต ยังเป็นรถที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมฟังก์ชั่นเพื่อความสะดวกสบายแก่ผู้ขับขี่และผู้ซ้อนรอบคัน
และ Goldwing ที่ผมได้มารีวิวคันนี้เป็นรถคู่กายของบอสใหญ่แห่ง Honda Bigwing พระราม 5 หรือ Honda Bigwing ราชพฤกษ์ เป็นรถปี 2015 โมเดลพิเศษสีทูโทน Candy-Red เป็นรุ่นฉลองครบรอบ 40 ปี Honda Goldwing ซึ่งจะมีรายละเอียดปลีกย่อยเพิ่มความพิเศษเข้าไปอีก ทรงคุณค่าเพิ่มความภูมิใจให้แก่ครอบครองอย่างยิ่ง
6 สูบนอนยัน
เครื่องยนต์แบบ Flat Engine 6 สูบนอนยัน ปริมาตร 1,832 ซีซี SOCH 12 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลัง 118 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดที่ 167 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที เกียร์ 5 สปีด ขับเคลื่อนด้วยเพลาขับ กับน้ำหนักตัว 419 กิโลกรัม พร้อมเกียร์ถอยหลัง!!
เรื่องสเป็คต่างๆ ข้ามไปก่อน เชื่อไหมว่ารถระดับ Flagship แต่ไม่มีระบบอิเล็กทรอนิกที่ซับซ้อน เพราะการสร้างที่สมบูรณ์แบบในทุกด้าน ทำให้การขี่และควบคุมรถมอเตอร์ไซสค์ 6 สูบกับน้ำหนักตัวที่มากกว่า 400 กิโลกรัมนั้นง่ายดาย จนไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีใดๆ บอกเลยว่านี่สิคือความสุดยอดที่แท้จริง!!
มาดูฟังก์ชั่นเด็ดๆ กันก่อนดีกว่า
- Cruise Control
- Electric Reverse ระบบเกียร์ถอยหลังไฟฟ้า
- ระบบ Intercom
- Auto Turn Signals ปิดไฟเลี้ยวอัตโนมัติ
- Radio เครื่องเสียงชุดใหญ่ เชื่อมต่อ USB พร้อมช่อง AUX เชื่อมต่อเครื่องเล่น CD ภายนอก… ความดังแปรผันตามความเร็วอัตโนมัติคือเมื่อเปิดเพลงที่ Volume เลข 8 เมื่อขี่เร็วมากขึ้น ความดังของเครื่องเสียงก็จะดังขึ้นตามความเร็วแบบอัตโนมัติ เพื่อให้เรายังคงได้ยินเสียงเพลงอย่างต่อเนื่อง แต่ Volume ยังอยู่ตำแหน่งเลข 8
- Airbag
- ปรับ Hydraulic Preload โช้คหลัง มีหน่วยความจำ 2 ตำแหน่ง
- ระบบเบรกแบบ Linked Braking พร้อม ABS
- Heat Grip และ Heat Seat ที่ปรับได้อย่างอิสระทั้งผู้ขี่และผู้ซ้อน รวมถึงช่องเปิด-ปิดสำหรับอุ่นบริเวณเท้าผู้ขับขี่
- กล่องหลังและกล่องข้างรวมพื้นที่กว่า 150 ลิตร กล่องหลังสามารถใส่หมวกกันน็อคแบบ Full Face ได้ 2 ใบ
- ช่องเก็บของย่อยๆ อีก 4 ตำแหน่ง
- ชิลด์บังลมหน้าขนาดใหญ่(มาก)ปรับระดับได้ มีช่องระบายอากาศตรงกลาง
- จอ LCD บอกการทำงานต่างๆ ทั้งระบบเครื่องเสียง intercom เตือนเมื่อปิดกล่องใส่ของทั้ง 3 ใบไม่สนิท ฯลฯ
- Fog Lamp พร้อมไฟ LED Daytime Running Light
- Center Stand ขาตั้งคู่
- สัญลักษณ์ 40th Anniversary ที่หน้ารถ พนักพิง ฝากล่องหลัง เพิ่มความขลังที่สุดในรุ่น
ผมเดินทางไปในระยะทางกว่า 2 พันกิโลเมตร บนอานของ Honda Goldwing ดูเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 25 ลิตร ผมสามารถวิ่งด้วยระยะมากกว่า 250 กิโลเมตรถึงจะจอดแวะเติมน้ำมัน การขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ 6 สูบกับระบบเพลาขับนุ่มนวลมากๆ แต่ดุดันเมื่อต้องกระชากคันเร่งแซง ไม่มีรอรอบฉุดเราเข้าสู่ 200 km/h อย่างรวดเร็ว
ช่วงล่างกับล้อยางหน้าขนาด 130/70 R18 ล้อหลังขนาด 180/60 R16 หนึบแน่นมากๆ ผมใช้ความเร็วยืนพื้นที่ 160 – 180 km/h นิ่งสนิท เพลินจนรู้สึกว่าไม่เร็ว บนโค้งนับพันโค้งใน จ.น่าน ยักษ์ใหญ่กลับเข้าโค้งได้อย่างง่ายดาย เลี้ยวง่ายพลิกรถง่าย ที่ต้องระวังก็เรื่องพักเท้ากับแผ่นเหล็กคลุมใต้เครื่อง(Diffuser)จะครูดพื้นในบางโค้งเท่านั้นเอง
ความแน่นอนของช่วงล่างนั้น ผมยังได้ลองในช่วงเดินทางกลับ บนทางหลวงหมายเลข 11 โค้งไฮสปีดช่วง อ.เด่นชัย อุตรดิตถ์-แพร่ ด้วยความเร็วยืนพื้นที่ 120-140 km/h ก็ยังเข้าโค้งได้ง่าย แม้ผมจะมีคนซ้อนและไม่ต้องจัดท่าทางเพื่อเข้าโค้งแต่อย่างใด
และในการเดินทางกลับนอกจากการทดสอบช่วงล่าง ผมยังต้องการทดสอบเรื่องสมรรถนะความคล่องตัวของรถและเครื่องยนต์ด้วยการ “ทำเวลา” ล้อหมุนออกจากตัวเมือง จ.น่าน 7.30 น อุปสรรคแรกคือถนนจากน่านไปแพร่กำลังทำ จึงไม่สามรถทำเวลาได้มากนัก
ผมแวะจอดอีกทีเมื่อผ่านไปประมาณ 100 กิโลเมตรที่ปั้ม ปตท. ย่านร้องกวาง เติมน้ำมันเต็มถังพร้อมอาหารเช้า จอดโอ้เอ้ไปประมาณ 1 ชม. ก็ออกเดินทางต่อ ผมขี่ยืนพื้นที่ 160-180 km/h บางจังหวะมีลากไปแช่ที่ 200 – 210 km/h ยาวๆ ช่วงแพร่ลงมาพิษณุโลก จะมีใช้ความเร็ว 120-140 ก็ช่วงโค้งที่เด่นชัย
ผมจอดเติมน้ำมันอีกที่ที่พิษณุโลกและเดินทางต่อเลย จนมาถึง ปั้ม ปตท. สิงห์บุรี เวลา 12.35 น. ดูทริปไมล์รวมเป็นระยะทาง 544 กิโลเมตร เริ่มตั้งแต่ อ.เมืองน่าน ถึงจุดนี้ ใช้เวลาไป 5 ชั่วโมงพอดีเป๊ะ หักเวลาที่จอดกินข้าวที่ ปตท.ร้องกวางไป 1 ชม. เท่ากับเวลาที่ผมขี่จริงๆ จะอยู่ที่ 4 ชั่วโมงเท่านั้น ถือว่าเร็วและคล่องตัวมากๆ
หลังมือกลางวันที่ ปตท.สิงห์บุรี ผมเติมน้ำมันและขี่ต่อจนถึงบ้านย่านเกษตร-นวมินทร์ เบ็ดเสร็จใช้เวลาไป 7 ชม. หักเวลาจอดพักกินออกไป 2 ชม.สรุปผมใช้เวลาในการขี่ 5 ชั่วโมงกับระยะทาง 673 กิโมเมตร เติมน้ำมันทั้งหมด 3 ครั้ง สุดยอดมากๆ
ประทับใจสุดๆ วัยรุ่นก็ติดใจ
เป็นรถอีกรุ่นที่เมื่อได้ลองแล้วติดใจ จนอยากมีไว้ในครอบครอง นอกจากเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง ความสะดวกสบายที่มีให้อย่างมากมาย การเดินทางด้วยระยะทางไกลๆ รวดเดียว ผมไม่มีอาการเหนื่อยล้าอย่างที่เคยเป็น
Honda Goldwing 1800 โฉมนี้ที่มีมา 17 ปี ในปี 2018 ก็ถือว่าตกรุ่นไปเรียบร้อยแล้ว แต่ผมว่ายังมีใครหลายๆ คนที่ยังชอบและหลงรักดีไซน์ของ Goldwing โฉมนี้อยู่ไม่มากก็น้อย ซึ่งถ้าไม่ติดเรื่องค่าตัวที่ซื้อโฉมใหม่ได้ ใน กทม. ก็ถามหาได้ที่ Honda Bigwing ราชพฤกษ์ หรือ Honda Bigwing พระราม 5 น่าจะสนอง Need ท่านๆ ได้อย่างแน่นอน
Special Thank : Honda Bigwing ราชพฤกษ์ (พระราม 5), MC Superbike
: บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด
: ชุดขับขี่ REV’IT จาก Panda Rider และกางเกง Badass