Honda CBR1000RR-R SP ปี 2025 แต่ที่จริงโฉมนี้คือปี 2024 ที่เปิดตัวครั้งแรกในงาน EICMA 2023 ประเทศอิตาลี ช่วงปลายปีที่แล้ว และที่เข้ามาไทยตอนนี้ก็ตรงปีนับเป็นโฉมปัจจุบันที่จะขายต่อไปในอนาคตคือปี 2025 และปีต่อๆ ไปอย่างน้อยอีก 4 ปี ใส่สเปคล้ำอนาคตอะไรมาบ้าง ถึงได้ต่างจากเดิมที่ดีอยู่แล้ว บอกเลยว่าเพียบ
การทดสอบครั้งนี้ฮอนด้าจัดให้เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2567 หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการใน ThaiGP 2024 หรือ MotoGP สนามช้างฯ เพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น เรียกว่ารถเข้ามารอพร้อมเต็มพิกัดอยู่ก่อนแล้ว และอย่างที่เห็นหน้าตาคร่าวๆ หลายคนคงคิด “ก็ไม่เห็นจะต่างจากโมเดลก่อนหน้าเท่าไหร่” บอกเลยว่าคิดผิดนะครับ ผมจะเหลาข้อให้อ่านกันก่อน ยาวนะบอกก่อนเลย
Performance เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 999 ซีซี DOHC 16 วาล์ว มีแรงม้า 214.56 แรงม้าที่ 14,000 รอบ/นาที แรงบิด 113 นิวตันเมตรที่ 12,000 รอบ/นาที แรงม้าที่มากมายนี่คือสเปคเต็ม แต่ตัวที่ขายในไทยถูกตอนม้าไว้ที่ 162 แรงม้าเพราะต้องผ่านมาตรฐานไอเสีย EURO5 ถึงจะขายในไทยได้
โดยของที่ใส่มาเพื่อตอนม้ามี 3 อย่างคือ ท่อ Akrapovic ตัวเดียวกับที่ขายยุโรป ชุดสายไฟ และสุดท้ายกล่อง ECU ซึ่งของอัพเกรดให้เป็น 214 ม้าหาได้และช่างไทยทำได้ไม่ใช่ปัญหา แต่ผมบอกเลยว่าเดิมๆที่ขี่กันคือรถแรงมาก และทำเวลาต่อรอบได้ดีกว่าโมเดลก่อนหน้าด้วย ฉะนั้นลองขี่ดูก่อนครับ เรามาดูสิ่งที่เปลี่ยนใหม่ในเครื่องยนต์กันต่อ
แคมชาร์ปหรือเพลาลูกเบี้ยวองศาใหม่ เพิ่มระยะยกวาล์วไอดีและไอเสียใหม่ สปริงวาล์วออกแบบใหม่ วาล์วไอดีเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ใบวาล์วบางลงและเบากว่าเดิมสปริงวาล์วจะทำงานได้ดีขึ้นไม่เป็นภาระ ทำห้ Performance เพิ่มขึ้น
ไฮไลท์ที่เรือนลิ้นเร่งจะมีมอเตอร์สองตัวแยกทำงาน มอเตอร์ตัวแรกคุมปีกผีเสื้อที่สูบ 1 กับ 2 และมอเตอร์ตัวที่สองคุมปีกผีเสื้อที่สูบ 3 กับ 4 หลักการทำงานคือเมื่อต้องเปิดคันเร่งในโค้งมอเตอร์ตัวที่สองจะทำงานคือเปิดให้สูบ 3 และ 4 ก่อน แต่มอเตอร์ตัวแรกจะยังไม่ทำงานจะรอที่มุมเดินเบา ทำให้เราเปิดคันเร่งในโค้งได้ดีขึ้น(มาก) เปิดได้เต็มรถไปได้ไว และมอเตอร์ตัวที่ 1 ที่คุมปีกผีเสื้อสูบ 1 กับ 2 จะทำงานเมื่อ IMU จับได้ว่ารถเริ่มตั้งตรงมอเตอร์ทั้ง 2 ตัวก็จะเปิดปีกผีเสื้อเต็มที่ทั้ง 4 สูบอีกครั้ง
ระบบนี้ทำให้การขี่ในโค้งสมู้ทมากขึ้นและไปได้ไวมากขึ้น ต่างจากโมเดลก่อนหน้าที่เปิดคันเร่งหรือคุมคันเร่งในโค้งใด้ยากกว่าเพราะกำลังเครื่องยนต์จะทะลักกันออกมา คนขี่ต้องระวังกั๊กๆ คลอๆ คันเร่งในโค้งไปจนออกโค้งเอาเอง
ลูกสูบออกแบบใหม่ ใช้วัสดุใหม่แข็งกว่าอลูมิเนียม A2618 เดิม พร้อมเปลี่ยนรูปทรงหัวสูบใหม่เพิ่มกำลังอัด เปลี่ยนทรงห้องเผาไหม้ใหม่รวมถึงฝาสูบ พอร์ทไอดีใหม่ให้ดูดไอดีได้เร็วกว่าเดิม ได้กำลังอัดใหม่จะอยู่ที่ 13.6 จากเดิม 13.4
เรือนเครื่องยนต์ออกแบบใหม่และลดน้ำหนักเบาลงกว่าเดิม 250 กรัม ก้านสูบเปลี่ยนดีไซน์และลดน้ำหนักลงเบาลงก้านละ 5 กรัม (4 ก้านรวม 20 กรัม) เพลาข้อเหวี่ยงก็ออกแบบใหม่และมีการลดน้ำหนักของทริมหรือสลักก้านสูบด้านล่างลงด้วยทำให้น้ำหนักโดยรวมลดลงถึง 450 กรัมหรือเกือบครึ่งกิโลฯ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า เมื่อจุดส่งกำลังเริ่มต้นมีน้ำหนักน้อยละมีภาระน้อยลงทำให้หมุนได้เร็วขึ้นกำลังแรงม้าแรงบิดก็จะมาเร็วขึ้น
อัตราทดเกียร์ใหม่ทำให้เกิดความต่างที่ชัดเจน โดยที่เกียร์ 1 มีความต่างไม่มากนัก แต่เกียร์ 2,3,4 คือต่างกันมาก โดยเฉพาะในเกียร์ 3 และ 4 (จากกราฟที่ฮอนด้าให้ดู) เปิดคันเร่งง่ายและการต่อเกียร์ต่อย่านกำลังดีกว่าเดิมชัดเจน เห็นผลในสนามแข่งรายการเอเชียโร้ดเรซซิ่งหรือในมาเลเซียซูเปอร์ไบค์ที่ “ชิพ นครินทร์” ขี่ 3R รุ่นใหม่ เหนือกว่าคู่แข่งต่างจากปีก่อน
Winglet ปีกใหม่เฉียบกว่าเดิม
แน่นอนว่าเกี่ยวกับ Aerodynamics และได้แนวคิดมาจากรถแข่ง MotoGP ซึ่งเดิม Winglet จะอยู่ด้านข้างและออกแบบเหมือนซ่อนไว้อีกชั้นในชุดแฟริ่ง โมเดลใหม่นี้ก็ได้ทำการย้ายมาที่ด้านหน้าและเปิดโล่งให้เห็นปีกวิงเลต ตัววิงเลตก็มีรูปทรงที่กระทัดรัดกว่าเดิม ดูจากด้านหน้าจะไปคล้ายกับ CBR600RR
การที่ออกแบบวิงเลตใหม่ที่มีขนาดเล็กลงรวมถึงใช้ชิ้นส่วนน้อยลงและเบาลงจากรุ่นเดิม แต่ประสิทธิภาพการเพิ่มแรงกดของอากาศขณะใช้ความเร็วหรือ Downforce จะยังคงเหมือนเดิม แถมลดแรงเฉื่อยลงได้ถึง 10% คือแรงต้านน้อยลงกว่าเดิมรถจะไหลได้ดีกว่าเดิม และยังมี Undercowl ดีไซน์ใหม่อยู่ที่ใต้รถหน้าล้อหลัง คุมการไหลเวียนของอากาศที่รอบยางหลังให้ล้อหลังยึดเกาะได้ดีขึ้น
ภายนอกออกแบบใหม่รอบคัน
เริ่มที่ตำแหน่งแฮนด์ที่อยู่สูงขึ้นกว่าเดิมและพักเท้าก็ต่ำกว่าเดิมด้วย เรียกว่าท่านั่งขี่สบายขึ้นโดยที่ความยาวสวิงอาร์ม 621.8 มม. มุมแคสเตอร์ที่ 24°07 ระยะเทลที่ 101.9 มม. ฐานล้อ 1,455 มม. ยังเท่าเดิมทั้งหมด แต่เมนเฟรมหรือเฟรมตัวถังใหม่ ทรงไดทอนด์น้ำหนักเบาลง 1,100 กรัม ออกแบบให้มีความหนาส่วนคอรถมากขึ้น จุดหิ้วเครื่องเปลี่ยนมาใช้โบลท์ยึดหิ้วเครื่องยนต์จากเดิมที่เป็นเพลา
โช้คหน้าหลัง Ohlins Smart EC 3.0 รุ่นใหม่ล่าสุด
โช้คอัพหน้า Ohlins NPX Smart EC3.0 (สปูลวาล์ว) ขนาด 43 มม. โช้คอัพหลัง Ohlins TTX36 Smart EC3.0 (สปูลวาล์ว) ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ลดการเกิดฟองอากาศในแดมเปอร์ในขณะทำงานให้เหลือน้อยที่สุด ทำให้มีความเสถียรและแม่นยำตลอดการขี่
Brembo รุ่นใหม่
คาลิเปอร์หน้าเปลี่ยนเป็น Brembo Stylema R ภายนอกจะเห็นมีขีดสีแดงเพิ่มมาแต่ลูกสูบปั้มจะมีการเจาะรูระบายความร้อนได้ดีกว่า จับกับจานดิสก์ขนาด 330 มม. หนา 5 มม. ให้การเบรกดีขึ้นเสถียรขึ้น เบรกหนักๆ ไว้ใจได้มากขึ้น ด้านหลังจะเป็น Brembo ชุดเบรกเหมือนกันกับโมเดลก่อนหน้า
เรือนไมล์ TFT มีฟังก์ชั่นมากกว่าเดิม พร้อมระบบเซฟเครื่องยนต์
เซฟเครื่องยนต์หรือช่วยรักษาเครื่องยนต์คือถ้าสตาร์ทในขณะที่เครื่องยนต์เย็นหรืออุณหภูมิน้ำในเครื่องยนต์ต่ำ(อุณหภูมิแสดงบนเรือนไมล์) รอบเครื่องยนต์จะถูกจำกัดให้เร่งได้ไม่เกิน 8,000 รอบ/นาที บนเรือนไมล์เรดไลน์ก็จะมาอยู่ตรง 8,000 รอบ ถึงเราบิดคันเร่งแรงๆ ก็จะถูกตัดเมื่อถึง 8,000 รอบเพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์เสียหาย แต่ถ้าอุณภูมิน้ำของเครื่องยนต์สูงตั้งแต่ 71 องศาเซลเซียสขึ้นไปก็จะเร่งได้ตามปกติ และบนเรือนไมล์เรดไลน์ก็จะย้ายไปที่ 14,500 รอบตามปกติ
เรือนไมล์สี TFT Full Color ขนาด 5 นิ้ว ยังคงตั้งค่าต่างๆ ได้ง่าย มีภาษาให้เลือกใช้มากกว่าเดิมคือ อังกฤษ เยอรมัน สเปน ฝรั่งเศส อิตาลี โปรตุเกส ตุรกี และญี่ปุ่น จากเดิมมีเพียงอังกฤษและตุรกีเท่านั้น
เรือนไมล์มีฟีเจอร์มากมายปรับสี Blackground ขาว/ดำ กลางวันกลางคืนแบบออโตเมติกหรือจะเลือกตั้งเองก็ได้ หน้าจอมีธีมให้เลือก 5 ธีมคือ Digital , Analog , No Rev , BAR และ Practice และในแต่ละธีมยังเลือกให้แสดงผลได้ 3 รูปแบบคือ Standard , Sport และ Race ซึ่งจะแสดงข้อมูลบนเรือนไมล์ต่างกันให้ตรงการใช้งาน เช่นถ้าเลือกธีมแบบ Digital เลือกรูปแบบ Standard ที่หน้าจอจะมีบอกความเร็ว แต่ถ้าเลือก Sport มีตัวจับเวลาเพิ่มขึ้นมา หรือเลือก Race จะไม่มีบอกความเร็วแต่จะมีตัวจับเวลาที่ใหญ่ขึ้น
ไฮไลท์ของช่วงล่างใหม่ ที่ปรับได้บนเรือนไมล์
โช้คอัพไฟฟ้า(ในรุ่น SP) สามารถใส่ค่าน้ำหนักผู้ขี่เข้าไปที่เรือนไมล์แล้วระบบจะคำนวนว่าจะไขปรับตั้งโช้คอัพหน้าหลังเท่าไหร่ที่จะเหมาะกับน้ำหนักตัวผู้ขี่ และในสถานะการณ์ที่ผมไปทดสอบในรูปแบบ endurance ผลัดกันขี่ 3 คน ก็เอาน้ำหนัก 3 คนมารวมกันและหารหาค่าเฉลี่ยและก็ใส่ลงไปบนเรือนไมล์ก็ได้ และในรุ่นนี้ยังสามารถปรับตั้งค่า ACC และ Corner ของโหมด Rain และโหมด Sport ได้ ปรับได้ในโหมดกันสะเทือน A Mode ซึ่งรุ่นก่อนหน้าไม่สามารถปรับได้
โหมดการขี่ที่ต่างจากเดิม
Riding Mode จะมี 3+1 โหมดคือ Race (Mode 1) Track (Mode 2) Standard (Mode 3) และ +1 คือ User ใน 3 โหมดทำงานเป็นแพ็คเกจกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ความปลอดภัยต่างๆ ที่ตั้งค่ามาให้เหมาะกับแต่ละโหมดแล้วคือ Power Mode หรือ P จะมีให้เลือก 5 โหมดตั้งแต่ P1 (High) ถึง P5 (Low) ,
HSTC (Honda Selectable Torque Control) หรือ T เลือกได้ 9 ระดับและปิดระบบได้ ระดับ 1 คือ Low , Wheelie Control หรือ W เลือกได้ 3 ระดับ ปิดระบบได้ ระดับ 1 คือ Low และ Engine Brake หรือ EB เลือกได้ 3 ระดับ ระดับ 1 คือ Stong เยอะสุด ระดับ 3 คือ Weak อ่อนสุด สามารถเข้าไปเลือกปรับตั้งค่าต่างๆ ได้อิสระ แต่ใน User Mode จะให้ตั้งค่าเองทุกระบบ
มีการปรับค่าการทำงานของระบบ HSTC หรีอ T ในระดับ 4 และ EB ในระดับ 1 ที่ให้ค่าการทำงานต่างจากโมเดลเดิม และ Power Mode ทั้ง 5 จะทำงานสัมพันธ์กับมอเตอร์เปิดปิดลิ้นผีเสื้อที่ติดตั้งมาใหม่ทั้ง 2 ตัวรวมถึงระบบ EB หรือ Engine Brake ด้วย เมื่อปิดหรือยกคันเร่งมอเตอร์ตัวที่ 2 ที่คุมลิ้นปีกผีเสื้อในสูบ 3 และ 4 จะเปิดเพื่อเพิ่มการไหลของอากาศมาสร้างแรงบิดให้เกินแรงดึงเพื่อการชลอความเร็ว โดยใน EB1 และ EB2 จะสร้างแรงดึงได้มากกว่าโมเดลปัจจุบัน
ABS เลือกได้ 3 โหมดละเอียดมากกว่าเดิม
ABS ในรุ่นใหม่นี้จะมีให้เลือก 3 โหมดคือ Race Track และ Standard (รุ่นเดิมจะมีแค่ Track กับ Sport) และจะมีอีก 2 ระบบคือ Honda RR Lift Control กับ Honda Cornering ABS Control ที่ทำงานร่วมกันด้วย
เช่น ABS ในโหมด Race ที่เบรกหน้าการทำงานคือ Low หรือต่ำมากๆ จนอาจไม่รู้ว่า ABS ทำงานอยู่หรือเปล่า ส่วนเบรกหลังคือไม่มีและอีก 2 ระบบก็ไม่ทำงานเช่นกัน แต่ในโหมด Standard ทุกอย่างจะทำงานเต็มกำลังในสภาวะ High ไม่ว่าจะเป็น ABS ทั้งหน้าหลังและอีก 2 ระบบที่ทำงานร่วมกันอยู่ เลือกใช้หรือปรับตามความถนัดและเหมาะสมของแต่ละบุคคลคนได้เลย
มีระบบ ESS (Emergency Stop Signal) เมื่อเบรกระทันหันที่ความเร็วเกินกว่า 50 กม./ชม. ขึ้นไป ไฟฉุกเฉินก็จะกระพริบเตือนรถด้านหลังให้รับรู้ ซึ่งระบบนี้ก็น่าจะเป็นมาตรฐานคสามปลอดภัยของรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเขาไปแล้วนะ มีเกือบทุกรุ่น
CBR1000RRR ปี 2025 เปลี่ยนอะไรบ้าง
เมนเฟรมใหม่ ห้องเผาไหม้ใหม่ เรือนเครื่องยนต์ใหม่ เพลาข้อเหวี่ยงใหม่ ก้านสูบใหม่ ลูกสูบใหม่ วาล์วใหม่ เรือนลิ้นเร่งมีมอเตอร์คู่ เปลี่ยนอัตราทดเกียร์ใหม่ทั้ง 6 เกียร์ ภายนอกเปลี่ยนวิงเลตใหม่ ชุดแฟริ่งหน้า ไฟหน้าใหม่ อกล่างใหม่ ตำแหน่งแฮนด์พักเท้าใหม่ได้ท่าขี่ใหม่ โช้คอัพหน้าหลังใหม่ คาลิปเปอร์เบรกหน้าใหม่ ระบบอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มใหม่ ฟังก์ชั่นบนจอ TFT ใหม่ คร่าวๆ ประมาณนี้
Honda CBR1000RR-R SP ปี 2025 มีราคา 1,134,000 บาท และขายเวอร์ชั่น SP ล้วนๆ และจริงๆ คือโมเดลปี 2024 ถ้านับแบบสากลทั่วโลกอ่ะนะ
ลองขี่แบบจำลองการแข่ง Endurance ที่สนามช้าง
ผมเองมีโอกาสขี่ CBR1000RRR ค่อนข้างหลายครั้งจนคุ้นเคยพอสมควร เป็นหนึ่งในรถที่ผมขี่ทำเวลาต่อรอบได้ดี(เพราะส่วนใหญ่ขี่อยู่รุ่นเดียว ฮ่า)จะมีได้ลองรถจากยุโรปอยู่บ้างให้ได้เปรียบเทียบกันไป อย่าง S1000RR หรือ Panigale V4S ก็ได้ลองขี่มาไม่นานนักส่วน RSV4 หรือ R1 ได้ขี่แต่ก็หลายปี ที่ผมเกริ่นถึงเพราะในใจผมหรือใครก็ตามที่ได้ลองหลายรุ่นก็ต้องเอามาเปรียบเทียบกันแน่นอน รถที่กล่าวมาเปิดดูรีวิวในยูปทูป MotoMotion ของเราได้ครับ
และต้องบอกว่าคาแร็คเตอร์ 3R ไม่ใช่คำที่พูดๆ กันว่า “คนดีขี่ฮอนด้า” ซึ่งมาจากที่เป็นรถที่ไม่พยศและขี่ง่ายและถ้าคิดแบบนี้คือคิดผิดถนัด! ถ้าใครได้ลอง 3R จะได้สัมผัสเร็ว แรง พยศ บู้ ดุดันต่างจากฮอนด้าที่หลายคนรู้จักมากมาย แต่ก็มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัยมาช่วยให้ขี่ได้สมู้ทและมันส์และอาจไปถึงขั้นเสียวแบบซู้ดปาก
ในโมเดล 2025 หรือ 2024 ที่ลองกันนี่ฟีลลิ่งเกือบทุกอย่างต่างจากโมเดลก่อนหน้ามาก เริ่มจากท่านั่งก็ไม่เหมือนเดิม ฟีลลิ่งการขี่ในสนามก็กลมกล่อมมากกว่าเดิม การออกแบบมอเตอร์ 2 ตัวมาคุมการปิดเปิดลิ้นปีกผีเสื้อ เห็นผลชัดตอนเลี้ยวโค้ง สามารถเปิดคันเร่งได้แบบเดือดๆ ไม่ต้องกลัวล้นต่อเนื่องไปจนรถเกือบจะตั้งตรงและเตะเพิ่มเกียร์ให้รถพุ่งทะยานออกไปแบบดุดัน แก้ปัญหาที่ต้องระวังในการเปิดคันเร่งตอนรถเองในเป็กโค้ง หรือที่บางคนต้องใช้เซ้นหรือประสบการณ์ในการเปิดคันเร่งไต่ในโค้งได้หมดจด
เบรกใหม่หยุดได้ดีกว่าเดิมมาก กับการทดสอบในรูปแบบ Endurance 4 คนผลัดกันขี่ตลอด 1 ชม.ไม่มีหยุดพัก และยังต่อเนื่องให้ลองขี่กันแบบเต็มวันแบบไม่พักรถ เบรกยังหนึบแน่น รวมถึงหลายคนคุ้นชินกับรถก็ยิ่งใช้เบรกหนักเพื่อลึกเข้าไปได้อีก เบรกก็ยังสั่งได้ไม่มีเฟดไม่มีอาการให้เหวอ
โช้คไฟฟ้ามีฟังก์ชั่นให้ปรับให้เหมาะกับน้ำหนักตัวผู้ขี่ได้อันนี้ดีงามชนะเลิศ เป็นไกด์นำทางก่อนได้เลยไม่ต้องมาเดาเพื่อหมุนปรับเอง และกำลังกับม้าที่โดนตอนที่หลานคนอาจจะบูลลี่ แต่ผมบอกเลยว่าที่ขี่กันนี่ก็โคตรเร็วแรงมาก หลายคนทำเวลาได้ดีกว่าโมเดลเดิมที่ทำม้าเต็มซะอีก รถเดิมแบบนี้ 162 ม้าแบบนี้ เปลี่ยนยางสลิคของบริสโตนอย่างเดียวที่สนามช้างพี่บอย MotoWish วิ่ง 1.45 รถสองร้อยม้าบางคันหรือหลายคันยังตามไม่ทัน
ผมเองขี่โมเดลก่อนหน้ารถเดิมเคยได้ที่ 1.50 แต่มาขี่โมเดลใหม่นี่ดันทะลุไป 1.55 ไม่แก้ตัวแต่ก็ต้องบอกเพราะไม่ใช้รถไม่ดีแถมยางสลิคด้วย เป็นที่ตัวผมคนขี่คือไม่ฟิตไม่มีแรงขี่และกลางคืนตาผมมองไม่ทันกดเบรกเพี้ยนไปหมดก็ต้องรับสภาพ แต่ด้วยสภาพร่างกายอ่อนแบบนี้ ขี่มืดแบบนี้
เป็นการจำลองการแข่งขันด้วย ผมขี่ยืนเวลา 1.55-1.56 ตลอดที่หวด 9 รอบ+ เหนื่อยมาก แต่รถช่วยมากโดยเฉพาะช่วงล่าง เบรก และในโค้งที่รถดูดพาเข้าไปง่ายกว่าเดิมและไม่ต้องห่วงเรื่องเปิดคันเร่ง แต่ถ้าเป็นโมเดลก่อนหน้าสภาพแบบนี้คงมี 2 นาทีให้เห็นแหงๆ อ่อนจัด
เอาเป็นว่าสปอร์ต 1000 ตอนนี้เวลานี้จากที่ผมเคยขี่มาหลายรุ่น ถ้าผมมีเงินผมซื้อ CBR1000RRR โมเดลใหม่นี่แน่นอนเอาจริงๆ ด้วย หรือถ้าถูกหวยรวยเบอร์ขึ้นมาตอนนี้ผมซื้อแล้วโพสอวดแน่นอนว่าซื้อจริงๆ ถ้าไม่เป็นตามผมพูดไว้ อมขี้มาพ่นใส่หน้าผมได้เลย ฮ่าาาา
คลิปรีวิว 2024 Honda CBR1000RR-R SP โมเดลล่าสุด
คลิปรีวิว 2020 Honda CBR1000RR-R โมเดลก่อนหน้า
รีวิว 2020 Honda CBR1000RR-R เปลี่ยนโฉม
เปิดตัว 2024 New CBR1000RR-R ที่ ThaiGP 2024
รีวิว Honda CBR650R Eclutch ใช้งานทั่วไป
รีวิว 2024 Honda CB650R E Clutch
คลิป รีวิว 2024 Honda CB650 E Clutch