Harley Davidson Pan America รถ Adventure Touring รุ่นแรกของฮาลี่ย์ เดวิดสันและของทวีปอเมริกา ใส่เทคโนโนโลยีมาเพื่อต่อกรกับค่ายรถจากยุโรปและญี่ปุ่นเต็มรูปแบบฮาลี่ย์ เดวิดสัน ยอดรถครุยเซอร์ที่คุ้นเคย จากจุดกำเนิดของแบรนด์ที่เป็นรถลุยตั้งแต่ดั้งเดิม ตั้งแต่ยุคยังไม่มีถนนลาดยาง ไปจนถึงไปใช้ในสมรภูมิที่เป็นป่าเขา วันนี้กลับมาพัฒนารถ Dual Purpose อีกครั้งกับยุคสมัยที่เรียกรถประเภทนี้ว่า Adventure Touring จนถือกำเนิด Pan America ขึ้นมาในที่สุด
ถนนสายที่ยาวที่สุด
ชื่อรุ่น แพน อเมริกา ก็มาจากถนนสายที่ยาวที่สุดของทวีปอเมริกา ที่ต้องผ่านทั้งความหนาวเย็นจนติดลบไปจนถึงร้อนจัด ลากจากเหนือไปจรดใต้ของทวีป และเป็นเส้นทางที่ฮาลี่ย์ เดวิดสัน ใช้ทดสอบ แพน อเมริกา จริงๆ ภายใต้ภูมิประเทศและอุปสรรคที่หลากหลาย และนี่คือต้นกำเนิดรถ Adventure Touring รุ่นแรกของทวีปอเมริกา
เครื่องยนต์ Revolution Max 1250
เครื่องยนต์ Revolution Max 1250 เครื่องยนต์ใหม่ล่าสุดของ Harley Davidson เป็นเครื่องยนต์ V-Twin วางมุม 60 องศา ขนาด 1,252 ซีซี DOHC 8 วาล์ว มีระบบวาล์วแปรผัน VVT ให้แรงม้าถึง 150 แรงม้าที่ 8,750 แรงบิด 128 นิวตันเมตร ที่ 6,750 รอบ/นาที มีอัตราส่วนกำลังอัด 13.0:1 ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายน้ำทันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด ESP FI เกียร์ 6 สปีด
กระบอกสูบของเครื่องยนต์ Revolution Max ผลิตจากอลูมิเนียมชิ้นเดียวที่มีพื้นผิวเป็น นิกเกิ้ล ซิลิคอน-คาร์ไบต์ มีน้ำหนักเบาและทนทาน ลูกสูบอลูมิเนียมกลึงพิเศษ ฝาสูบอลูมิเนียมอัลลอยด์ 354 ส่วนฝาครอบโยก ฝาครอบเพลา ฝาครอบหลักทำจากแมกนีเซียม
ช่วงล่างไฟฟ้า
กันสะเทือนปรับได้เต็มระบบ โดยโช้คหน้าจะเป็นแบบ Upside Down ขนาด 47 มม. พร้อมปรับการควบคุมความหน่วงกึ่งแอคทีฟด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ โช้คหลังโช้คเดี่ยวติดตั้งบนชุดโยงพร้อมการควบคุมพรีโหลดอัตโนมัติด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และควบคุมความหน่วงในการยุบตัวและคืนตัวแบบกึ่งแอคทีฟ
ระบบควบคุมความหน่วงในการยุบตัวและคืนตัวแบบกึ่งแอคทีฟ
ระบบนี้จะตอบสนองต่อตำแหน่งของระบบกันสะเทือน ความเร็วรถ อัตราเร่งแนวดิ่ง มุมและอัตราการเอียง คันเร่ง การใช้เบรก โดยมี 5 โปรแกรมที่ตั้งมาให้เลือกใช้ดังนี้
- Comfort เน้นการทำงานของ ระบบกันสะเทือน มากขึ้น และให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องเผชิญกับสภาวะขรุขระบนท้องถนน
- Balanced เน้นความสมดุลระหว่างความสบายในการขับขี่และการควบคุมการขับขี่ สำหรับการขับขี่ทุกรูปแบบ
- Sport ให้การควบคุมการขับขี่ในระดับสูงสุด พร้อมอัตราการหน่วงที่สูงขึ้น
- Off-Road Soft ในทางออฟโร้ดเล็กๆ ลดการหน่วงในเบื้องต้นให้ระบบกันสะเทือนทำงานมากขึ้น เพื่อให้ซับแรงกระแทกเมื่อมีสิ่งกีดขวางขนาดใหญ่ได้ดีขึ้นและเพื่อลดการดีดตัวกลับ
- Off-Road Firm ในเส้นทางออฟโร้ดลุยๆ เพิ่มการหน่วงในเบื้องต้นเพื่อการขับขี่ที่ดุดัน หรือเมื่อต้องการใกล้ชิดกับพื้นผิวถนนมากขึ้น:
นอกจากนี้ ระบบนี้ยังทำหน้าที่ตรวจวัดน้ำหนักของผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และสัมภาระด้วยเซ็นเซอร์ เพื่อเลือกระยะยุบของระบบกันสะเทือนที่ดีที่สุดโดยจะปรับพรีโหลดด้านหลังให้โดยอัตโนมัติ
ระบบ Adaptive Ride Height (ARH)
ระบบปรับช่วงล่างให้ต่ำลงเมื่อจอดและยืดขึ้นในระดับปกติโดยอัตโนมัติ ช่วยผู้ขับขี่ได้อย่างมากเวลาจะจอดรถทั้งในทางหลวงปกติและในทาง Off Road โดยเฉพาะกับคนขี่ที่มีส่วนสูงไม่มากหรือช่วงขาสั้น พื้นไม่หายง่ายๆ แล้ว
โหมดขับขี่
Pan America มากับโหมดขับขี่ 5 โหมด คือ Road, Sport, Rain, Off-Road , Off-Road Plus และเจ้าของสามารถปรับตั้งค่าได้เองอีก 2 โหมด รวม 7 โหมดขับขี่ โดยโหมดขับขี่ 5 โหมดที่ให้มาจากโรงงานจะทำงานสัมพันธ์กับระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เป็นแพคเกจ
ระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ มีดังนี้
ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ให้มาถือว่าทันสมัยที่สุดไม่ว่าจะเป็น Cornering Enhanced Electronically Linked Breking, Cornering Enhanced Antilock Braking System, Cornering Enhanced Traction Control System, Cornering Enhanced Drag-Torque Slip Control System และ Hill Hold Control พร้อมระบบ Cruise Control
ซึ่งระบบอิเล็กทรอนิกส์ ช่วงล่างไฟฟ้า และไฟหน้าปรับตามมุมเลี้ยวอัตโนมัติ Advanced Daymaker ระบบทั้งหมดจะอ่านค่าโดย IMU แบบ 6 แกนเป็นหัวใจหลัก ประเมินมุมเลี้ยวมุมเอียงต่างๆ ของรถ ส่งค่าไปยัง ECU เพื่อสั่งการระบบต่างๆ
ฟังก์ชั่นล้ำสมัย
เรือนไมล์เป็นจอ TFT สีขนาด 6.8 นิ้ว ทัชสกรีน มีเมนูเป็นภาษาไทย บอกการทำงานของรถอย่างละเอียด มีบอกแรงดันลมยาง สามารถเชื่อมต่อแอพริเคชั่นและระบบนำทาง Harley Davidson App ซึ่งใช้ได้ทั้ง IOS และ Android ชิลด์บังลมสามารถปรับตั้งได้ด้วยมือ มีระยะ 4.6 ซม. ถังน้ำมันเชื้อเพลิงจุ 21.2 ลิตร ไฟส่องสว่าง LED รอบคัน
Test Ride ทั้ง On Road และ Off Road
การทดสอบขี่ครั้งนี้จัดให้โดย Harley Davidson Thailand วางรูปแบบการขี่โดยจะเป็น On Road ประมาณ 20 กิโลเมตรเดินทางจากลาดกระบัง ไปขี่ในรูปแบบ Off Road ต่อที่สนามรึแคร์ปาร์ค ย่านสุวินทวงศ์ และการขี่ Off Road จะเป็นการเข้าสถานีต่างๆ เพื่อใช้เทคโนโลยีของรถ
On Road ในระยะทาง 20 กิโลเมตร สิ่งที่พอจะบอกได้หรือได้ใช้สมรรถนะของรถอย่างแรกคือ เป็นรถที่ขี่ง่ายทีเดียวเลย เครื่องยนต์เดินราบเรียบกว่าจะเป็นฮาลี่ย์ แต่มีการออกแบบให้ยังมีแรงสั่นให้อารมณ์ความดิบอยู่บ้าง โหมดขับขี่เลือกกดขณะขี่ได้เลยทุกเวลา
แพน อเมริกา ให้ความคล่องตัวมากเลยทีเดียว รถเบากว่าขนาดที่เห็น แต่ตรงนี้จุดเด่นที่บอกได้คือเรื่องเครื่องยนต์ Revolution Max ที่แรงมากจริงๆ ในโหมด Sport กระแทกคันเร่งหน้ารถจะลอยท่าเดียวแต่ก็มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยไว้ แรงเร้าใจน่าประทับใจมาก
Off Road ทางของเขาเลย
อย่างที่บอกไปครับ การขี่ Off Road จะเป็นการขี่ตามสถานีต่างๆ เริ่มจากการขี่วนกรวยบนทางหินกรวด การเลี้ยวต่อเนื่องในความเร็วต่ำ ทำได้คล่องตัว บังคับเลี้ยวได้ง่าย สมู้ท ช่วงล่างเก็บงานได้ดีทีเดียว
การใช้กำลังเบรก 100% บนทาง Off Road โดยในขณะใช้เบรกต้องกำคลัทช์เพื่อตัดกำลังของเครื่องยนต์ออก 100% ให้ระบบเบรกทำงานได้เต็มที่ อ่านถึงตรงนี้ก็คงคุ้นๆ กับทฤษฎีและเทคนิคนี้ ใช่ครับเป็นแบบเดียวกับค่ายใบพัดจากเยอรมัน ซึ่ง แพน อเมริกา ก็ทำได้ดีซะด้วย กำเบรกหน้ามิดๆ บนทางกรวด สั่งรถหยุดได้สั้นมากและรถไม่เสียอาการ
ต่อด้วยการใช้ระบบ Hill Hold Control คือการขี่จอดบนทางลาดชันทั้งขึ้นและลง เมื่อจอดคาเนินให้กำเบรก 2 ครั้ง สัญลักษณ์ H ขึ้นบนเรือนไมล์ ระบบจะเบรกและหยุดรถอยู่กับที่ให้เอง โดยเราไม่ต้องเหยียบเบรกหลัง และปล่อยมือทั้ง 2 ข้างได้ มีช่วงหน่วงเวลาประมาณ 15 วินาที ระบบจะคลายตัวเองอัตโนมัติ ถ้ายังทำธุระไม่เสร็จหรือยังต้องหยุดรถคาเนินต่อก็บีบเบรกซ้ำไปอีก ระบบก็จะทำงานต่อ
จากนั้นก็เป็นการขี่ในทาง Off Road ช่วงสั้นๆ ทั้งขึ้นเนินแล้วหักเลี้ยว ลงบ่อน้ำ ขี่บนทางดินที่เปียกลื่น ซึ่งทั้งหมด แพน อเมริกา ก็ให้การควบคุมที่ดีมาก รถเบา ผ่านสถานีต่างๆ ได้ง่ายมาก รถไม่มีเสียการทรงตังและการควบคุม เรียกว่าขี่ง่ายเลยทีเดียว
สรุปเลย
แพน อเมริกา เป็น Adventure Touring ยุคใหม่อย่างแท้จริง ดีไซน์ของรถทุกส่วนสร้างมาเพื่อเอื้อต่อการใช้งาน ระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ทันสมัย ช่วงล่างเริศและฉลาดมาก
จุดเด่นเลยคือเครื่องยนต์ที่ให้กำลังแรงมาก ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ รถเบาคล่องตัวสูง ลงมาเล่นในตลาดนี้ และมาเต็มขนาดนี้ บอกเลยว่าไม่เป็นรองใคร
Harley Davidon Pan America 1250 มีให้เลือก 2 รุ่นคือ รุ่น Standard(ล้อแม็ก) ราคาเริ่มต้นที่ 899,000 บาท ส่วนอีกรุ่นคือ Special (ล้อซี่ลวด) ราคาเริ่มต้น 952,000 บาท
คลิปรีวิว ฮาลี่ย์ เดวิดสัน แพน อเมริกา
รีวิว 2021 Harley Davidson รวดเดียว 4 รุ่น
คลิปรีวิว BMW R1250GSA
คลิปทดสอบ 2021 CBR600RR
รีวิว BMW R1250GSA Shiftcam
คลิป ทดสอบรีวิว Honda CBR1000RRR SP เต็มๆ
รีวิว Honda CBR1000RR-R
รู้จักรหัส RR ของ CBR Series พิเศษขนาดไหน คลิก
Aprilia RSV4RF ตัวลิมิเต็ด โคลนจากรถแข่ง WorldSBK
Ducati Panigale V4 แต่งเต็ม ลงล่าแชมป์ SB2 ใน OR BRIC Superbike