หลังจากดูคาติ ประเทศไทย เปิดตัว All New Ducati Monster อย่างเป็นทางการ กับราคา 449,000 บาทที่มากับโปรโมชั่นอีกเพียบ ผมก็ได้มีโอกาสลองขี่เป็นครั้งแรก ต่างจากเดิมยังไง ดีไหม มีคำตอบ
มาดูสเป็คกันอีกที
เครื่องยนต์ L-Twin Desmodromic valve Testastretta 11˚ ขนาด 937 ซีซี ให้กำลังถึง 111 แรงม้า มีแรงบิด 93 นิวตันเมตร กับน้ำหนักตัวคือเพียง 166 กิโลกรัม ลดลงจากรุ่น Monster 821 ไปถึง 18 กิโลกรัม
น้ำหนักที่ลดลง 18 กิโลกรัม มาจาก 5 ข้อหลักๆ คือ
- ชุดเครื่องยนต์ถูกปรับปรุงและดีไซด์ใหม่ ใช้เครื่องยนต์แบบ L-Twin Desmodromic valve Testastretta 11˚ทำให้มีน้ำหนักลดลงไปถึง 2.4 กิโลกรัม
- ล้ออลูมิเนียมอัลลอยดีไซน์ใหม่ ทำให้มีน้ำหนักลดลงไปถึง 1.7 กิโลกรัม
- Double Side Swingarm ได้รับการพัฒนาทำให้มีน้ำหนักลดลงไปถึง 1.6 กิโลกรัม แต่ยังคงความแข็งแรงไว้ได้อย่างดี
- และเพื่อความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น New Monster ได้รับการถ่ายทอดจากเทคโนโลยีทางสนามแข่ง Moto GP นั่นคือเฟรมแบบ Monocoque จึงทำให้มีน้ำหนักลดลงไปถึง 4.5 กิโลกรัม
- ซับเฟรมด้านหลังใช้วัสดุ Glass Fiber Reinforced Polymer จึงทำให้มีน้ำหนักที่เบามากขึ้น 1.9 กิโลกรัม
ระบบอิเล็กทรอนิกส์เพียบ
- เริ่มจากโหมดการขับขี่ทั้งหมด 3 โหมด คือ Sport, Touring และ Urban
- Cornering ABS (เฉพาะล้อหน้า) ระบบที่ช่วยปรับแรงดันน้ำมันเบรกให้เหมาะสม โดยเซนเซอร์จะทำงานตรวจวัดการเอียงของรถในขณะเข้าโค้ง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเบรกในโค้งให้แม่นยำมากยิ่งขึ้น
- Traction Control ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของตัวรถ เมื่อรถเกิดการลื่นไถล หรือสูญเสียการควบคุม
- Wheelie Control ระบบควบคุมการยกของล้อหน้าและหลัง
- Launch Control เทคโนโลยีจากสนามแข่ง Moto GP ถูกเพิ่มเติมขึ้นมาใน New Monster ครั้งแรก ช่วยควบคุมการออกตัวรถด้วยความเร็วสูงอย่างมีเสถียรภาพ
- Quickshifter up & down ระบบเปลี่ยนเกียร์ทั้งขึ้นและลง โดยไม่ต้องบีบคลัทช์
สัมผัสกันเลย
เริ่มที่ดีไซน์ที่ต่างจากโมเดลเดิม(821)ชัดเจน โมเดลนี้หลายคนอาจจะเรียกว่า Monster 937 มาจากขนาดของเครื่องยนต์เช่นเดียวกับ Monster โมเดลที่ผ่านมา ส่วนตัวต้องบอกว่าสวยโฉบเฉียวมากขึ้นและกะทัดรัดกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
เบาะนั่งค่อนข้างเตี้ยและกระชับมาก จากตัวเลขเบาะนั่งมีความสูงจากพื้นที่ 775 มม. กอปรกับช่วงขาหนีบของรถที่มีความแคบ ทำให้ขาเหยียบพื้นได้เต็มเท้า คนที่สูงไม่ถึง 160 ซม. ก็วางเท้าได้มั่นใจเช่นกัน รวมกับน้ำหนักตัวที่เบาเพียง166 กิโลกรัม จุดนี้ถือเป็นจุดเด่นเลย
การได้ขี่ครั้งนี้ต้องยกให้กับคุณดอม เหตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมโตเร อิตาเลียโน จำกัด ที่จัดให้แบบไม่ทันตั้งตัว หมวกกันน็อคก็ต้องยืมเอาล่ะครับงานนี้ เส้นทางลองขี่คือถนนรอบๆ โชว์รูมดูคาติ สุวรรณภูมิ ระยะทางราวๆ 5 กิโลเมตรได้ โดยมีคุณดอมนั่นแหล่ะที่ขี่นำทางและให้ช่างภาพผมซ้อนถ่ายรูป
ทันทีที่ขี่ผมก็ลองบีบและเหยียบเบรกดูระยะและเช็คความปลอดภัยไปในตัว จากนั้นก็ออกจากโชว์รูมกัน ผมลองเลือกปรับโหมดขี่ ซึ่งก็ทำได้ง่ายนะ และสถานะบนเรือนไมล์ก็ดูง่ายและเข้าถึงได้ง่ายไม่ซับซ้อน
เลือกได้ที่สวิทซ์แฮนด์ซ้าย การจะเปลี่ยนโหมดขับขี่ระหว่างขี่ต้องยกคันเร่งก่อน จะมีแจ้งเตือนบนเรือนไมล์และเมื่อยกคัยเร่งระบบถึงจะเปลี่ยนโหมดให้ทันที แต่จะเข้าโหมดปรับระบบช่วยขี่ต่างๆ จอดรถก่อนเถอะครับ ผมแค่ลองปรับโหมดวนไปมา เลื่อนดูระบบอื่นๆ นิดหน่อย ตายังแทบจะไม่ได้มองถนน อันตราย แต่ถ้าคล่องแบบพิมพ์สัมผัส ตาไม่ต้องมองเรือนไมล์ก็จัดไป
ระบบ Quick Shifter ทั้ง Up และ Down ที่ให้มาทำงานได้ดีเลยล่ะเพิ่มหรือลดเกียร์ไม่ติดขัด ฉับไว ซิ่งได้มันส์ๆ ส่วนความคล่องตัวมาเต็มครับ ร่อนไปมาเบาหวิว ให้อารมณ์ซิ่งจริงๆ ช่วงล่างแน่นดีครับ เบรกแรงๆ รถก็ให้ความเสถียรไม่เป๋ข้าง
ที่ได้ลองเบรกแรงๆ เพราะผมลองกดเต็มคันเร่ง สั้นๆความเร็วพุ่งไป 180 กม./ชม. แล้ว taxi จะออกทางขนานเขยิบจะตัดหน้าแบบไม่บอกกล่าว เลยต้องกดเบรกหนักช่วยอ่ะนะ แต่ยังอยู่ในระยะที่ปลอดภัยรวมถึงกะไว้บางแล้ว
สรุปจากที่ได้ลองสั้นๆ
เบา เตี้ย คล่องตัว ระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบช่วยขับขี่ที่ให้มาแจ่ม ทันสมัย ช่วยให้ซิ่งได้อย่างปลอดภัยมากขึ้นเยอะ เหมาะกับมือใหม่ ไปจนมือเก๋า โหมดขับขี่จะช่วยให้มือใหม่ไม่ต้องระวังการใช้คันเร่งได้มาก รวมถึงระบบช่วยขับขี่ก็ช่วยอย่างเต็มพิกัด มีโอกาสได้ขี่ทดสอบเต็มๆ ผมจะมาเล่าให้ฟัง(อ่าน)อย่างละเอียดอีกครั้งครับ
All New Ducati Monster มีให้เลือก 2 สี คือ MONSTER RED ราคา 449,000 บาท และ MONSTER Aviator Grey ราคา 453,000 บาท
ดูคาติ ประเทศไทย ยังจัดแคมเปญพิเศษให้เพิ่มอีกต่างหาก กับดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 4 ปี ฟรีค่าจดทะเบียน และพรบ. หรือเลือกผ่อนสบายๆ เพียงเดือนละ 7,016 บาท เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีแบบดาวน์เพียงแค่ 67,350 บาท พร้อมรับประกันตัวรถ 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ฟรีค่าบำรุงรักษา 2 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร และให้ประกันภัยชั้นหนึ่งฟรี 1 ปี และฟรีค่าจดทะเบียนและ พรบ.
คลิป ทดสอบรีวิว Panigale V2 ที่ประเทศสเปน คลิก
ทดสอบ รีวิว Ducat Streetfighter V4S ที่สนามช้างฯ คลิก
ทดสอบ รีวิว Panigale V2 ถึงประเทศสเปน คลิก
รีวิว Ducati Scrambler Icon และ Desert Sled คลิก
คลิป Panigale V4S แต่งใส่ท่อ Austin