BMW R18 First Edition รถครุยเซอร์เครื่องยนต์ Boxer ขนาด 1,800 ซีซี ใหญ่และทรงพลังที่สุดที่ BMW Motorrad เคยสร้างมา เทคโนโลยีผสานความดิบ ด้วยแรงบันดานใจที่มาจาก BMW R5 ปี 1937 เอกลักษณ์ที่เป็นที่สุดของมอเตอร์ไซค์ BMW Motorrad
แรงบันดาลใจจาก BMW R5
BMW R5 รถมอเตอร์ไซค์ที่ผลิตขายในปี 1936/1937 เป็นรุ่นที่ถูกบรรจุเทคโนโลยีการขับขี่ที่ทันสมัยที่สุดในโลกของยุค ค.ศ.นั้น กับเครื่องยนต์แบบ Boxer Twin รวมถึงดีไซน์ เรียกว่าเป็นที่สุดของเอกลักษณ์ของรถมอเตอร์ไซค์ BMW ก็ว่าได้
รถ Cruiser ของ BMW
และสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ BMW สไตล์ Cruiser ก่อนหน้าที่จะเป็นรุ่น R18 พระเอกในบทความนี้ ก็จะเป็นรุ่น R1200C ที่ผลิตและขายมาในปี ค.ศ. 1997 และยุติการผลิตไปในปี ค.ศ. 2004 และที่สำคัญ R1200C ยังได้ถูกนำไปเป็นรถของ James Bond 007 ในภาค Tomorrow Never Dies ที่มี Pierce Brosnan รับบทเป็น เจมส์ บอนด์ พระเอกของเรื่อง
R18 First Edition
จากโปรเจ็คที่คิดกันมาข้ามปีของทีม BMW Motorrad มีเวอร์ชั่น “เสมือนจริง” คือเหมือนคันที่จะผลิตขายจริงออกมาให้ได้เห็นตามโซเชียลกันพักใหญ่ ด้วยดีไซน์ทุกอย่างของ R18 ทำเอานักบิดส่วนใหญ่หลงใหล หรืออย่างน้อยผมก็คนนึงล่ะ เตี้ย ยาว เครื่องใหญ่ มันช่างจ้าซะเหลือเกิน
ซึ่งก่อนหน้าจะเปิดตัว R18 อย่างเป็นทางการทาง BMW Motorrad Thailand ก็เชิญกลุ่มลูกค้าไปดู “รูป” แบบไพรเวท ห้ามพกมือถือเข้างาน? ซึ่งตัวผมเองไม่ได้รับเชิญอ่ะนะ เป็นผู้ใหญ่ที่นับถือกันกับผมเขาได้รับเชิญเขาบอกผมมา ทาง BMW ก็คงอยากให้เห็นกันก่อนมั้ง? เดาว่างั้น
และก็ได้เวลาเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2020 ปลายปีที่ผ่าน กับดีไซน์ที่ไม่ต่างจากคลิปที่เผยแพร่มาก่อนไม่มากนัก เตี้ย ใหญ่ ยาว เครื่อง Boxer เปลือยเพลาขับ โดนใจผมมาก หล่อจริงๆ
และด้วยคำว่า First Edition ของรุ่น ก็เดาได้ว่าอนาคตน่าจะมีเวอร์ชั่นอื่น ติดออฟชั่นต่างกัน ตามออกมาอีก(ซึ่งในคลิปเมืองนอกก็มีให้เห็นนะ) แต่ไม่รู้เมื่อไร และจะมีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ที่รู้คือใครถูกใจก็ไม่ต้องรอครับเพราะ R18 First Edition มันแจ่มมาก ไปกันต่อเลย
ดีไซน์เด็ด งานประกอบสุดพรีเมี่ยม
ดีไซน์ได้มาจาก BMW R5 ความคลาสสิกผสานกับความร่วมสมัย ด้วยโครงสร้างเหล็กสองชั้น ถังน้ำมันเชื้อเพลิงทรงหยดน้ำ เปลือยให้เห็นเพลาขับ ทำสีทำลายเส้นที่รับกันส่วนโครงสร้างถังน้ำมันไปถึงซุ้มล้อหลัง ชิ้นส่วนหรือวัสดุที่ใช้ผลิตเป็นโลหะทั้งคัน แปะคำว่า BERLIN BUILT ไว้หลายจุด นอกจากจะดูพรีเมี่ยมยังบอกว่า R18 ผลิตในโรงงาน BMW ที่เบอร์ลิน ประเทศเยอรมันทุกคัน
Boxer Twin ใหญ่ที่สุดในจักรวาล Motorrad
ความพิเศษแรกที่ต้องพูดถึงคือเครื่องยนต์ของ R18 เป็นแบบ Boxer Twin เอกลักษณ์ของมอเตอร์ไซค์ BMW ที่พิเศษคือเป็นเครื่องยนต์ Boxer ที่ใหญ่และทรงพลังที่สุดที่ BMW Motorrad เคยสร้างหรือผลิตมา มีกระบอกสูบ x ช่วงชักที่ 107.1 x 100 มม. มีปริมาตรความจุ 1,802 ซีซี. มีกำลังอัด 9.6:1 ระบายความร้อนด้วยอากาศ พร้อมเหน็บ Oil Cooler ขนาดกะทัดรัดช่วยระบายความร้อนของน้ำมันเครื่อง
เครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 67 กิโลวัตต์ หรือ 91 แรงม้าที่ 4,750 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูงสุด 158 นิวตันเมตรที่ 3,000 รอบ/นาที แต่เครื่องยนต์ถูกเซ็ตให้ทำงานรอบต่ำเพียง 2,000 ถึง 4,000 รอบ ก็มีแรงบิดจะมีให้ใช้มากกว่า 150 นิวตันเมตรแล้วเสมอ คือสามารถใช้แรงบิดสูงได้ตั้งแต่รอบต่ำและได้อย่างต่อเนื่อง
ช่วงล่างดั้งเดิมกับเซ็ตติ้งที่เฉียบขาด
ช่วงล่างของ R18 คงความดั้งเดิมด้วยช่วงล่างแบบเทเลสโคปิกแทนการใช้แบบการควบคุมด้วยไฟฟ้า มีคานรับน้ำหนักกลางที่ปรับตั้งค่าความหนืดและการยุบตัวของสปริงได้ เพื่อการควบคุมที่ดีและยังนุ่มสบาย และยังคงไว้ซึ่งความคลาสสิก โดยแกนโช้คหน้าขนาดจะมี 49 มม. เบรกหน้าเป็นดิสก์เบรกคู่ ด้านหลังเป็นดิสก์เดี่ยว คาลิเปอร์เป็นแบบ 4 ลูกสูบทุกตัว
ระบบอิเล็กทรอนิกส์มาเต็มสมกับเป็นค่ายใบพัด
ระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือระบบช่วยขับขี่ก็ให้มาเต็มตามมาตรฐาน BMW ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ASC) ระบบป้องกันการลื่นไถลล้อหลังจากการชะลอตัวหรือลดเกียร์ (MSR) ระบบช่วยออกตัวช่วยเบรกในทางลาดชัน (Hill Start Control) ระบบเกียร์ถอยหลัง (Reverse Gear) ระบบสัญญาณกันขโมย ระบบป้องกันรถกระชาก (Anti-Hopping Clutch) ระบบช่วยเบรกหลัง (Dynamic Brake Control หรือ DBC) ระบบกุญแจ Keyless Ride และยังมีระบบล็อกฝาถังน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มปลอดภัย
Option ดี ทันสมัยรอบคัน
เริ่มที่เรือนไมล์ทรงกลมบอกความเร็วแบบเข็มอนาล็อก มีจอ LCD แสดงโหมดการขับขี่ ตำแหน่งเกียร์ รอบเครื่องยนต์ ระยะทาง ฯ แบบดิจิตอลฝังอยู่ในเรือนไมล์อีกที ไฟหน้า Adaptive LED ปรับมุมไฟที่ส่องออกไปได้เอง พร้อมกับ Daytime Riding Light และ Headlight Pro โคมไฟเป็นโลหะ ไฟเลี้ยว LED ในส่วนของไฟท้ายจะรวมเข้าด้วยกันทั้งไฟเลี้ยว ไฟท้ายและไฟเบรก ไฟท้ายแบบนี้ผมเห็นในครุยเซอร์อเมริกันมาซักพักแล้วอ่ะนะ เท่ มองได้ชัดปกติและประหยัดพื้นที่ดี แต่ถ้าเอามาแต่งแล้วถอดไฟเลี้ยวออก ท้ายรถจะไม่มีไฟสัญญาณใดๆ เลย
ไปลองขี่กันเลย
ผมเลือกที่จะทดลองขี่ R18 ออกต่างจังหวัดมากกว่าที่จะใช้งานในเมือง ไม่ใช่ใช้งานไม่ได้ แต่จากประสบการณ์แค่ดูขนาดความกว้างของแฮนด์ ความยาวของรถ ความกว้างของวงเลี้ยว และที่สำคัญที่สุดคือกระบอกสูบเครื่องยนต์ Boxer ที่กางออกมาพอๆ กับความกว้างของแฮนด์ก็พอจะตอบได้ว่าเหมาะหรือไม่ “เหมาะ”กับ”ใช้ได้” คนละเรื่องกันนะครับ คือมันก็ใช้ได้ไง แถมหล่อละเด่นมากๆ ซะด้วย เอ๊ะยังไง
Keyless Ride กับ Feature สัญญาณกันขโมย
มาดูที่กุญแจหรือที่ BMW เรียก Keyless Ride กันก่อน คือไม่ต้องเสียบเพื่อจุดระเบิดอันนี้น่าจะเป็นมาตรฐานเกือบทุกยี่ห้อและเกือบรุ่นแล้ว แต่ Keyless Ride มีมากกว่านั้น นั่นก็คือระบบกันขโมย เมื่อเรากดเปิดการทำงานระบบกันขโมยที่รีโมท(ตัว Keyless Ride) หลังดับเครื่องยนต์แล้ว ระบบจะใช้เวลาเซ็ตตัวเอง 26 วินาที พอเราห่างจากรถไปและมีคนมาขยับรถสัญญาณที่รถก็จะดังทันที เราก็ปิดระบบได้ที่ตัว Keyless Ride นั่นแหล่ะ
ยังสามารถเซ็ตการทำงานระบบกันขโมยแบบ Auto ได้ คือเมื่อดับเครื่องแล้วไม่ต้องมากดที่ตัว Keyless Ride แบบที่อธิบายไป แต่ต้องเข้าไปเซ็ตระบบที่เรือนไมล์ให้เป็น On ก่อน พอเราดับเครื่องยนต์เตะขาตั้งลงระบบจะทำงานอัตโนมัติใน 30 วินาที ข้อดีคือไม่ต้องกลัวว่าจะลืมกดบนรีโมท แต่ข้อเสียคือถ้าในที่จอดรถในบ้านเป็นจุดที่คนในบ้านเดินมาโดนตัวรถได้ง่ายๆ ระบบมันจะร้องเตือนตลอด ดังนั้นในกรณีนี้เข้าไปเซ็ตระบบเป็น Off จะดีกว่าครับ
ฝาถังน้ำมันเชื้อเพลิงและล็อคคอรถ
ตัว Keyless จะมีดอกกุญแจเหน็บมาให้ด้วยนะครับ สำหรับล็อคคอรถที่ BMW ตั้งใจให้เป็นแบบแมนนวลคลาสสิค และใช้สำหรับล็อคฝาถังน้ำมันเชื้อเพลิง คือฝาถังน้ำมันเชื้อเพลิงสามารถหมุนเปิด-ปิดได้ไม่ต้องไขกุญแจใช้งานได้สะดวกแล้วนั้น แต่ถ้าเราใช้กุญแจล็อค เมื่อเราหมุนฝาถังฝาถังจะหมุนฟรีไม่สามารถหมุนเปิดได้ ต้องใช้กุญแจเพื่อเปิดอีกครั้ง
การใช้งานหน้าจอเรือนไมล์ ก็เลือกฟังก์ชั่นต่างๆ ที่สวิทซ์แฮนด์ด้านซ้าย เลือกใช้งานได้ละเอียด รวมถึงการเลือกใช้โหมดขับขี่ เว้นแต่ตัวบอกปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่มีให้ดู เมื่อน้ำมันใกล้หมดจะมีไฟสัญลักษณ์ขึ้นเตือน ซึ่งถ้าไฟเตือนขึ้นก็ยังสามารถขี่ต่อได้อีกประมาณ 50 กิโลเมตรเพื่อหาปั้มน้ำมันครับ
เกียร์ถอยหลัง ของดีที่มีในรถเตี้ยๆ หนักๆ
หนึ่งในระบบที่ผมชอบเป็นพิเศษของ R18 ก็คือมีการให้เกียร์ถอยหลังมาด้วย การใช้งานก็คือรถต้องอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่างก่อน และตัวเข้าเกียร์ถอยหลังจะเป็นคันโยกเล็กๆ อยู่ฝั่งซ้ายของรถ บริเวณใต้ที่นั่งคนขี่ลงมา เมื่อรถอยู่ในเกียร์ว่างก็กดคันโยกลง แต่ต้องกดแรงหน่อย ฟีลการกดคันโยกจะเหมือน 2 สเต็ป ออกแรงกดให้สุด
ตำแหน่งเกียร์บนเรือนไมล์จะขึ้น R (Reverse) บอกสถานะเกียร์ถอยหลัง จะถอยก็ต่อเมื่อเรากดปุ่มถอย ซึ่งเป็นปุ่มเดียวกับสวิทซ์สตาร์ทเครื่องยนต์ที่แฮนด์ด้านขวา จังหวะแรกรถจะมีแรงกระตุกเพื่อดึง ให้ระวังจังหวะนี้ไว้หน่อยเพราะกระตุกแรงอยู่ เพื่อฉุดรถไซส์ยักษ์ให้ถอยหลัง และจากนั้นจะสมู้ทดีเลยล่ะ ไม่เร็วไม่ช้าเกินไป ใช้ขาประคองถอยง่ายๆ เลย
เกียร์ถอยหลังถือเป็นสิ่งจำเป็นมากในรถขนาดใหญ่ๆ หนักๆ และต้องเตี้ยซะหน่อยนะครับ ถ้าอยู่ในรถสูงๆ หนักๆ แนว Adventure ใหญ่ๆ เท้าเราจะประคองน้ำหนักรถที่กำลังถอยหลังยากหน่อย เพราะทั้งสูงทั้งหนัก เสี่ยงจะล้มแปะเพราะแรงฉุดถอยหลังได้เลยล่ะ …แต่! จริงๆ มีไว้ก็ดีแหล่ะ ไว้เลือกใช้เมื่อจำเป็น ฮ่า
สตาร์ทกับ 3 โหมดขับขับขี่
R18 มี 3 โหมดขับขี่ คือ Rock Roll และ Rain ความต่างหรือคาแรกเตอร์การตอบสนองจะต่างกันตั้งแต่สตาร์ทเครื่องยนต์! เมื่อรถอยู่ในโหมด Roll หรือ Rain ตอนสตาร์ทจะไม่ต่างกันนัก แต่ด้วยเครื่องยนต์ Boxer ลูกสูบใหญ่ การเคลื่อนตัวของลูกสูบขนาดใหญ่ไปซ้ายและขวาในรอบต่ำมากๆ จึงเกิดแรงเหวี่ยง ให้อารมณ์สะบัดเล็กๆ เป็นเอกลักษณ์มาก เมื่อเครื่องยนต์ติดแล้วจะมีความสมู้ทไม่สั่น
แต่เมื่ออยู่ในโหมด Rock แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ แรงเหวี่ยงที่เกิดขึ้นจะมีมากกว่าทั้ง 2 โหมดที่พูดไปอย่างชัดเจน และเมื่อเครื่องติดแล้วรอบเดินเบาจะเดินเบากว่าใน 2 โหมดแรกด้วยเช่นกัน การสะบัดที่เกิดจากแรงถีบของลูกสูบใหญ่ๆ ก็มีมากกว่า คล้ายเครื่องจะดับแต่ไม่ดับ รอบเดินเบาลงไปถึง 850 รอบ/นาที (อันนี้ก็จะเหมือนครุยเซอร์อเมริกันแต่ฟีลสะบัดคนละอย่างเพราะเครื่องยนต์คนละแบบ) ไม่สมู้ท ให้อารมณ์ดิบมากๆ เฟี้ยว ผมชอบโหมดนี้ที่สุดครับ ฮ่า
แต่ประโยชน์จริงๆ ของโหมดทั้ง 3 โหมดคือการตอบสนองของรถตอนขับขี่ ในโหมด Rain จะให้ความสมู้ทมากที่สุด ทั้งรอบเครื่องยนต์ กำลังเครื่องยนต์ เหมาะกับการควบคุมรถในขณะเจอถนนลื่น หรือลุยฝนตามชื่อโหมด
โหมด Roll ยังคงสมู้ทอยู่แต่ให้กำลังหรือการตอบสนองของคันเร่งมากกว่าโหมด Rain เมื่อใช้โหมดนี้ในการเดินทางไกลค่อนข้างเหมาะ เพราะให้ความสมู้ทแต่ยังคงให้กำลังอัตราเร่งที่ดุดัน ขี่สบาย ไม่ทำให้คนขี่ต้องสั่นสะเทือนตามกำลังหรือรอบเครื่องยนต์ที่ใช้
โหมด Rock อันนี้ดิบสุด อย่างที่บอกว่าเริ่มตั้งแต่สตาร์ทเครื่องเลย และการตอบสนองของคันเร่งและรอบเครื่องก็ดิบด้วย รุนแรง เร้าใจ ดิบ เถื่อน สมกับที่เป็นครุยเซอร์มากที่สุด ผมเองก็ชอบโหมดนี้มากที่สุด
จากเมืองสู่ไฮเวย์ยาวๆ
ถึงจะบอกว่าเป็นการทดลองขี่ทางไกล แต่ก็ไม่พ้นที่ผมต้องขี่ใช้งานในเมืองอยู่ดี ตั้งแต่รับรถ ก็อย่างที่ผมบอกครับใช้ในเมืองได้ แต่เจอรถติดก็ใจเย็นหน่อย ด้วยแฮนด์ที่กว้างแต่ที่กว้างกว่าคือเสื้อสูบที่ยื่นออกมา อันนี้ต้องระวังมากเวลาเลี้ยวลัดเลาะรถติด ระวังโดนรถที่ติด ถ้าขี่ชิตฟุตบาทก็ต้องระวังฟุตบาทด้วยนะ ถึงได้บอกว่าใช้ในเมืองได้แต่ไม่เหมาะนัก แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้คือ R18 หล่อสุดแล้วครับ
พละกำลังและการตอบสนองของเครื่องยนต์ทำได้น่าประทับใจ ใช้แรงบิดสูงได้ในรอบต่ำ เช่น การขี่คลานที่ 60 กม./ชม. แล้วเร่งแซงทันทีไปที่ความเร็วกว่า 120 กม./ชม อย่างรวดเร็ว โดยใช้เกียร์ 4 เกียร์เดียว หรือใช้เกียร์ 5 และ 6 ได้เลยโดยไม่ต้องเชนเกียร์ลง หรือขึ้นเนินสูงชันกับความเร็วต่ำๆ ด้วยเกียร์ 6 ได้เนียน นี่คือแรงบิดที่ดีในรถครุยเซอร์ขนายยักษ์แบบนี้
การใช้งานเดินทางไกลแน่นอนทำได้อย่างสบายมาก พละกำลังเหลือเฟือ เลือกใช้โหมดขับขี่ที่ต้องการได้ตลอดเวลาที่สวิทซ์แฮนด์ ผมชอบ โหมด Rock มาก เพราะให้อารมณ์ความดิบสูง มีแรงเหวี่ยงของเครื่องยนต์ให้รู้สึกได้ชัดเจน และลากรอบเครื่องยนต์ในแต่ละเกียร์ได้เร้าใจ ความเร็วสูงสุดที่ผมได้กดเพลินๆ ไปหลายครั้ง ความเร็วไปหยุดที่ราวๆ 192 กม./ชม
การใช้โหมด Rain ตอนลุยฝนออกจากย่านบางนา ทำให้ควบคุมรถที่มีขนาด น้ำหนักตัวและแรงบิดมากๆ แบบนี้ได้ดี ร่วมกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยขับขี่ต่างๆ ที่มาเป็นแพคเกจ การขี่บนถนนลื่น ในขณะฝนตก เป็นเรื่องง่ายขึ้น เรื่องที่ต้องระวังเช่นการลื่นหรืออาการท้ายปัด ก็คลายความกังวลไปได้เลย
ในขณะที่โหมด Roll การตอบสนองของคันเร่งและเครื่องยนต์จะสมู้ท รวมถึงแรงสั่นสะเทือนหรืออารมณ์ความดิบแทบไม่มี แต่ยังให้อัตราเร่งที่ทันใจ ขี่สบาย คือเนียนเรียบกว่าโหมด Rock แต่มากกว่าโหมด Rain
ช่วงล่างและเฟรมที่แข็งแรง รองรับกำลังเครื่องยนต์และการขี่ได้ดี ผมลองขี่สลาลม ร่อนไปมา รถยาวๆ หนักๆ แต่ยังให้ความหนึบแน่น ไม่ยวบย้วย คอนโทรลได้ตามที่คิด รูดผ่านทางขรุขระหรือแม้บนทางลูกรังก็ไม่หวั่นนะ เข้าโค้งไฮสปีดช่วงล่างก็เก็บได้เนียน เปิดคันเร่งดันเข้าไปได้เลย รวมถึงเบรกที่ไว้ใจได้ตามมาตรฐาน BMW
Conclusion
ก็ต้องบอกเลยว่าผมประทับใจกับ BMW R18 มาก โดยเฉพาะดีไซน์กับเครื่องยนต์ Boxer ก็ชนะใจผมไปกว่าครึ่งแล้ว มีเกียร์ถอยหลังสะดวกมากในรถหนักแบบนี้ เปลือยเพลาขับให้เห็นการทำงานยิ่งน่าหลงไหล และแน่นอนนำไปคัสตอมได้อีกมากมาย แต่สิ่งที่เป็นข้อสังเกตก็มี นั่นคือพักเท้าคนขี่ที่วางใต้เสื้อสูบ ทำให้คนที่มีเท้าใหญ่หรือใส่รองเท้าหัวใหญ่เมื่อสอดเท้าเข้าไปเท้าจะติดและขยับไม่ถนัดนัก และมันก็ไม่เหมาะกับการมุดซองรถติดในเมืองนัก แต่ถามว่าใช้ได้ไหม ก็ขอตอบว่า “ได้” ใช้ได้ตามสะดวกเลยครับผม
- BMW R18 First Edition ราคา 1,150,000 บาท
- BMW R18 Classic First Edition ราคา 1,250,000 บาท
คลิป รีวิว BMW R18
คลิป เรียน California Superbike School คลิก
บทความเรียน California Superbike ที่สนามช้างบนรถ S1000RR
ทดสอบ ขี่ BMW C400X ออกทริป คลิก
ทดสอบ 2019 BMW R1250GSA คลิก
ทดสอบ 2018 BMW F850GS / F750GS คลิก
คลิปทดสอบ BMW R1250GSA คลิก
คลิปทดสอบ BMW C400X คลิก