รีวิว 2024 Yamaha MT-09 / MT-09SP เจนเนอเรชั่นที่ 4 โฉมล่าสุด

0

2024 Yamaha MT-09 / MT-09SP โฉมล่าสุดเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 ที่มีการอัพเกรดทั้งเรื่องดีไซน์ อุปกรณ์ และระบบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยขี่ที่ทันสมัยเข้ามา ผลิตและนำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งคัน ที่สำคัญ Yamaha Bigbike ทำราคาขายเพียงสี่แสนกว่าเท่านั้น

Master of Torque

MT ย่อมาจาก Master of Turque สื่อถึงคาแรคเตอร์ของเครื่องยนต์ที่เน้นแรงบิดผสานดีไซน์อันดุดันของตัวรถ กับสโลแกน The Dark Side Of Japan เป็นเหมือนตัวแทนด้านมืดที่ให้อารมณ์ดุ โหด เร้าใจ พร้อมกระตุ้นอะดรีนารีนของผู้ขี่ได้พลุ่งพล่าน

3 สูบ Crossplane

เครื่องยนต์ 3 สูบเรียง 890 ซีซี Crossplane Crankshaft หรือ CP3 เพลาข้อเหวี่ยง 270 องศา ให้แรงบิดสูงสุด 93 นิวตันเมตรที่ 7,000 รอบ/นาที ให้กำลังสูงสุด 119 PS ที่ 10,000 รอบ/นาที เกียร์ 6 สปีด เครื่องยนต์ผ่านมาตรฐานไอเสีย EURO5

ระบบอิเล็กทรอนิกส์เต็มคัน

YRC (Yamaha Ride Control) มี 3+2 โหมดขี่ คือ Sport, Street , Rain และ Custom 1 , Custom 2 ให้ปรับตั้งค่าระดับการทำงานของ Package Electronic ช่วยขี่ตามใจชอบ

จะมี IMU(Inertial Measurement Unit) แบบ 6 แกน ทำงานกับ Package Electronic ช่วยขี่ ที่ให้มาถึง 7 ระบบในรุ่นสแตนดาร์ด ส่วนในรุ่น SP จะให้มา 8 ระบบ คือระบบ PWR(Power Delivery Mode) หรือ Throttle Map คือการเลือกการตอบสนองของคันเร่งได้

ระบบ TCS (Traction Control System) , SCS (Slide Control System) , LIF (Lift Comtrol) , BC (Brake Control) , QSS (Quick Shift System) ซึ่ง Quick Shifter จะเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 แล้ว จะเพิ่มและลดเกียร์ได้ทุกจังหวะคันเร่ง ระบบจะทำงานตั้งแต่ 15 กม./ชม. เริ่ม Upshifts ได้ตั้งแต่ 2,000 รอบ/นาที Downshifts ได้ตั้งแต่ 1,600 รอบ/นาที

มีระบบ BSR (Back Slip Regulator) เป็นรุ่นแรกของยามาฮ่าที่มีระบบนี้เป็นระบบที่ช่วยเมื่อระบบ Slipper Clutch ไม่สามารถตอบสนองได้ ระบบ BSR จะเข้ามาช่วยปรับกำลังเครื่องยนต์ในขณะนั้นให้รถเกิดความเสถียรที่สุด ทำให้ปลอดภัยมากขึ้นเมื่อเราเชนเกียร์ลงบนถนนที่ลื่นมากๆ และอีกหนึ่งที่เพิ่มมาในรุ่น SP คือ EBM (Engine Brake Managment) และเกือบทุกระบบสามารถปรับระดับการทำงานได้

และการปรับตั้งระบบต่างๆ ทำได้ที่สวิตซ์แฮนด์ด้านซ้ายโดยเจนนี้ได้รับการเปลี่ยนสวิตซ์แฮนด์ใหม่เป็นปุ่มแบบจอยสติ๊ก 5 ทิศทาง การใช้งานไฟเลี้ยวเมื่อเปิดใช้แล้วภ้าไม่กดปิดไฟเลี้ยวจะดับเองใน 15 วินาทีหรือประมาณ 150 เมตร มีระบบ Emergency Stop Signaling Flasher ไฟฉุกเฉินจะทำงานทันทีเมื่อเราใช้เบรกหนัก ช่วยเตือนรถคันหลังได้

มีระบบ Cruise Control สามารถเปิดการทำงานได้ตั้งแต่เกียร์ 3 ถึงเกียร์ 6 กับความเร็วที่ 40 กม./ชม. ขึ้นไป ปรับค่าการทำงานได้ละเอียดคือเพิ่มหรือลดได้ทีละ 1 กม./ชม. สามารถล็อคความเร็วได้สูงสุดที่ 160 กม./ชม.ในเกียร์ 4 และที่ 180 กม./ชม. ในเกียร์ 5 และ 6 ตัดระบบด้วยการเบรก

Riding Position หรือ Ergonomic ใหม่ ปรับท่าขี่ต่างจากรุ่นเดิมองศาจะให้ความสปอร์ตมากขึ้น ด้วยท่าขี่ที่โน้มไปข้างหน้ามากขึ้นจึงมั่นใจมากขึ้นเมื่อขี่ในความเร็วสูงและสามารถควบคุมแฮนด์ได้ดีกว่า รวมถึงมุมเลี้ยวก็เปลี่ยนจาก 28 องศาในรุ่นเดิม เป็น 32 องศา ในความเร็วต่ำหรือเข็นเราจะหักแฮนด์เลี้ยวได้มากกว่าเดิม วงเลี้ยวแคบกว่า

ช่วงล่างในรุ่น Standard

ช้อคอัพเป็นของ KYB โดยช็อคอัพหน้าเป็นแบบ Upside Down ขนาด 41 มม. ช็อคอัพหลังเดี่ยว ทั้งช็อคอัพหน้าและหลังมีการปรับเปลี่ยนสปริงใหม่ และช็อคอัพหลังมีการปรับ Linkage หรือจุดที่ช็อคอัพต่อกับเฟรมและสวิงอาร์มใหม่ มีการปรับมุม Caster จาก 24.7 องศาเป็น 25 องศา คือมีความชันขึ้นเมื่อเทียบกับเจนก่อนหน้า

ดิสก์เบรกคู่หน้าขนาด 298 มม. มาสเตอร์เบรก(ปั้มเบรกบน) Brembo ขนาด 16 มม. คาลิเปอร์หน้า 4 ลูกสูบเรเดียลเมาท์ ดิสก์หลังเดี่ยวจับด้วยคาลิเปอร์ 2 ลูกสูบของ Nissin

ช่วงล่างในรุ่น SP

ช็อคอัพหน้า Upside Down ขนาด 41 มม. ของ KYB Premium ชุบแกน DLC-Coated สีดำ กระบอกทอง ปรับได้แบบ Full Adjustable ช็อคอัพหลัง Ohlins ปรับตั้งได้แบบ Full Adjustable เช่นกัน มีซับแทงก์และมีรีโมทแยกมาให้หมุนปรับตั้ง Preload ได้สะดวก

ดิสก์เบรกคู่หน้าขนาด 298 มม. มาสเตอร์เบรกหน้า(ปั้มเบรกบน) Brembo คาลิเปอร์หน้าจะเป็น Brembo Stylema Monoblock ครั้งแรกในรถยามาฮ่า ส่วนคาลิเปอร์หลังจะเป็น Nissin

ความต่างของรุ่น SP กับรุ่น Standard

นอกจากช่วงล่างและเบรกที่ต่างกันตามที่บอกไป ในรุ่น SP จะมีสีเดียว สีแบบเดียวกับ R1M เพราะได้ Inspiration มาเต็มๆ รวมถึงสีสวิงอาร์มที่เป็น Polished & Clear-Coated Aluminum

และจะเป็นกุญแจแบบ Keyless นอกจากปิดเปิดการทำงานของรถโดยไม่ต้องใช้ลูกกุญแจยังสามารถเปิดฝาถังโดยไม่ใช้ลูกกุญแจอีกด้วย รวมถึงข้อมูล Mapping ในแต่ละสนามหรือแต่ละการขี่จะถูกบันทึกในมือถือสามารถถ่ายโอนได้ตลอด

Equipment และ Feature ต่างๆ

เบาะนั่งใหม่แบบ 2 ชิ้นแยกส่วนเล่นระดับระหว่างผู้ขี่กับผู้ซ้อนท้าย ช่วงจุดเชื่อมต่อระหว่างเบาะนั่งกับถังน้ำมันมีความ Flat มากขึ้นผู้ขี่ขยับตัวเปลี่ยนท่าได้ดีขึ้น และในจุดนี้ยังมีความแคบลงอีกด้วยบวกกับความสูงของเบาะเท่าเดิมคือ 835 มม. ทำให้วางเท้าลงพื้นได้เต็มเท้ามากขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

ถังน้ำมันเชื้อเพลิง 14 ลิตรปรับเชฟใหม่และขึ้นรูปจากอลูมิเนียมทั้งใบ มือคลัทช์ปรับระดับได้ถึง 14 ระดับในระยะ 10.2 มม. เรียกว่าละเอียดยิบ ไฟหน้า Projector คู่แยกกันระหว่างไฟสูงกับไฟต่ำ เสริมด้วยไฟ LED คู่ที่ด้านล่างของหน้ากาก ไฟท้ายไฟเลี้ยวเป็น LED

หน้าจอ TFT สีมีให้เลือก 4 Themes คือ MT , Pure , Generative และ Pro (Pro จะคล้ายกับ R1) หน้าจอจะมี CCU ที่สามารถเชื่อมต่อกับมือถือได้ผ่านแอปพลิเคชั่น “MyRide” หน้าจอ TFT จะแสดง Turn By Turn ตัวนำทางของ Garmin Street Cross แบบ Build-in แสดงสายเข้า ข้อความ ฟังเพลง และรายงานสภาพอากาศได้ มีช่อง USB-C อยู่ใต้เบาะ โดยเบาะจะใช้กุญแจไขเปิด มีการเดินสายสำหรับติดตั้ง Heated Grip ไว้เรียบร้อย

2024 YAMAHA MT-09 รุ่นสแตนดาร์ดราคา 447,000 บาท มี 3 สีคือ Midnight Cyan , Icon Blue และ Tech Black
2024 YAMAHA MT-09SP ราคา 489,000 บาท มีสีเดียว

ทดสอบครั้งแรกในโลกที่สนามช้างฯ

Yamaha Bigbike โดยไทยยามาฮ่าเล่นใหญ่ จัดหนัก ปิดสนามช้างจัดกิจกรรมทดสอบ New MT09 แบบ Exclusive ถึง 2 วัน วันแรกจะเป็นรอบสื่อมวลชน วันที่สองจะเป็นรอบตัวแทนจำหน่ายหรือ Yamaha Riders’ Club ทั่วประเทศ

ผมเขียนถึงข้อมูลตัวรถอย่างเยอะแล้วที่นี้มาพูดฟีลลิ่งหลังจากขี่สั้นๆ แล้วกันครับ และเป็นฟีลลิ่งจากการขี่ในสนามแข่งขันนะครับ เริ่มจากท่านั่งที่สบายครับ ดีมากเลย รถไม่ใหญ่มีความกระทัดรัดคล่องตัวสูง ผมสูง 172 วางเท้า 2 ข้างพร้อมกันเหยียบพื้นได้เกือบเต็มเท้าทั้ง 2 ข้าง คนตัวเล็กขี่ได้สบาย

เครื่องยนต์ที่ให้ความสนุกแต่คุมง่ายมาก อัตราเร่งดีมาก ถีบตัวออกจากโค้งได้ไวตามสไตล์รถที่เน้นแรงบิด โหดดิบ คือถ้าเปิดคันเร่งแรงๆ เพื่อออกจากโค้งตั้งแต่รถยังเอียงหรือใน Apex โค้ง ท้ายรถมีสไลด์หรือดีดได้เลย รวมถึงอาการสะบัดเล็กๆ ที่แฮนด์ด้วย แม้รถจะตั้งตรงแล้วก็ตาม

ซึ่งไม่ใช่ข้อเสียอะไรนะครับเป็นตามปกติของรถสไตล์นี้ คือรถมีบุคลิคที่ต้องให้คนขี่ได้คุมความพยศบ้าง ซึ่งถ้ามีทักษะเรียกว่าขี่ได้สนุกและมันส์เลยทีเดียว คือถ้าเข้าใจในสไตล์รถก็จะรู้จังหวะจะทำให้ขี่ได้สนุกมากขึ้นครับ(ผมเทียบกับรถสไตล์เดียวกันค่ายยุโรปที่พกม้ากว่า 200 ตัว อันนั้นต้องเรียกว่าน่ากลัว)

ระบบช่วยขี่ต่างๆ เข้ามาจัดการข้อผิดพลาดได้ไว ที่ผมชอบคือ Quick Shifter ทำงานได้ไว เนียน และต่อเนื่องจะอัพหรือดาวน์ให้อารมณ์ที่เร้าใจด้วย เป็นรถเปลือยโต้ลมแต่ควบคุมในสนามแข่งได้ไม่เหนือยนัก ขี่ง่าย สนุกมาก คือติดใจเลยล่ะครับ ความเร็วทางตรง 1 กม. ของสนามช้าง ผมทำได้ 245 กม./ชม. ด้วยน้ำหนักตัว 86 กิโลกรัมไม่รวมชุดขี่ (มีน้องที่ตัวเบากว่าผมทำความเร็วได้เยอะกว่านี้นะ)

เป็นรถที่ผมต้องบอกว่าขี่สนุกมาก กระทัดรัดคล่องตัว คุมง่าย ขี่ไม่เหนื่อยคือไม่ต้องใช้แรงคุมรถเยอะ ทั้งที่เป็นรถเปลือยแถมอัตราเร่งและความเร็วทำได้ดีมากสำหรับในรถพิกัดและสไตล์นี้ ส่วนช่วงล่างในการขี่รูปแบบสนามแบบนี้กับน้ำหนักตัวผม ผมเห็นว่าต้องปรับช็อคหลังให้แน่นกว่านี้หน่อยก็จะดี ส่วนเรื่องเบรกถือว่าดีมากทั้งรุ่นสแตนดาร์ดและSP เหลือเงินไว้แต่ก็รุ่นสแตนดาร์ดแต่ถ้าให้มันจบๆ ไปก็รุ่น SP ไปเลย แล้วจะติดใจเชื่อเหอะ

คลิปรีวิว 2024 Yamaha MT09

คลิปรีวิว Yamaha R7
บทความรีวิว Yamaha R7

เปิดราคา Yamaha YZF-R7
Yamaha R7 แต่ง GYTR
คลิปรีวิว Yamaha YZF-R1
รีวิว All New Yamaha Aerox คลิก
MT07 แต่งสปอร์ต
คลิปทดสอบ รีวิว Yamaha WR155 คลิก
บทความ รีวิว ทดสอบ WR155 คลิก

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่