Kawasaki Ninja ZX-4R รถสปอร์ต 400 ซีซี เครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง ปั่นม้าได้ถึง 75 แรงม้า และถ้าระบบแรมแอร์ทำงานก็จะได้เพิ่มเป็น 77 แรงม้า มาพร้อมความเร็ว แรง แต่ก็ควบคุมได้ง่าย ขี่สบาย มีให้เลือก 2 รุ่น ค่าตัว 3 แสนกว่าตอบโจทย์ใคร
ZX-4R โมเดลที่พัฒนาจากประสบการณ์และความสำเร็จทั้งจากบนถนนและในสนามแข่งที่สะสมมายาวนาน ส่งต่อมาเป็นไฮไลท์ของรุ่นคือเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียงที่ให้กำลังได้มากถึง 75 แรงม้า พร้อมระบบอิเล็กทอรนิกส์ เทคโนโลยี เฟรม ช่วงล่าง ที่ทันสมัย
ถ้าย้อนไปในช่วงปลายยุค 80 จนถึงยุค 90 ความซากิมี ZXR400 เป็นรถสปอร์ตเรพลิก้าในคลาส 400 ที่โดดเด่นเรื่องพละกำลังที่ทรงพลัง แม้ในยุคนั้นรถสปอร์ตในคลาส 400 ซีซี จะมีตัวเลขแรงม้าที่ 59 แรงม้าเท่ากันทุกค่ายก็ตาม
เครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียงของคาวาซากินอกจากจะถูกพัฒนามายาวนาน ในปัจจุบันยังใช้ในรถสปอร์ตโมเดลท็อปของค่ายทุกรุ่นไม่ว่าจะเป็นรถซูเปอร์สปอร์ตอย่าง Ninja ZX-6R หรือ Ninja ZX-10RR ดีกรีแชมป์ WorldSBK หลายสมัยและเป็นแชมป์ประเทศไทยหลายสมัยเช่นเดียวกัน เครื่องยนต์ 4 สูบเรียงยังอยู่ในรถที่มีระบบ Supercharge ทุกรุ่น H2R , H2 , ZH2 และ H2SX
จากเครื่องยนต์ที่ทรงประสิทธิภาพ ยังมีระบบ Ram Air ที่คาวาซากิพัฒนาคู่กันมาอย่างยาวนาน และด้วยการพัฒนาที่กล่าวไปแล้วบวกกับความสำเร็จ คาวาซากิก็เป็นค่ายเดียวที่นำเครื่องยนต์ 4 สูบมาใช้ในรถสปอร์ตขนาดเล็ก เริ่มจาก Ninja ZX-25R และมาต่อที่ Ninja ZX-4R ที่เราได้ทดลองขี่ในครั้งนี้
Inline 4
เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 4 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ 399 ซีซี DOHC 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 75 แรงม้าที่ 14,500 รอบ/นาที และเมื่อผสานกับระบบ Ram Air ขณะขี่จะทำให้กำลังพุ่งขึ้นไปที่ 77 แรงม้าที่ 14,500 รอบ/นาที มี Redline สูงถึง 15,000 รอบ/นาที มีแรงบิดสูงสุดที่ 37.6 Nm ที่ 12,500 รอบ/นาที
ECU พื้นฐานเดียวกับรุ่น Z H2 และมี ETV (Electronics Throttle Valves). หรือลิ้นปีกผีเสื้อมีขนาดใหญ่ถึง 34 มม. พอร์ทไอดีออกแบบคล้ายในรุ่น ZX- 10R การดีไซน์คอทอ่ไอเสียก็ได้เทคโนโลยีมาจาก Ninja ZX-6R รีดกำลังได้ดีและยังมีเสียงที่หวานแต่เร้าใจ เครื่องยนต์มี Assist & Slipper Clutch มาเป็นมาตรฐาน
เฟรมแบบ Trellis Frame แข็งแรงให้ความสมดุลในการขับขี่ ควบคุมง่าย และทำให้รถมีน้ำหนักเบา โช้คอัพหน้าแบบ Upside Down ระบบ SFFBP ของ Showa ปรับ Preload ได้ โช้คอัพหลังเดี่ยวติดตั้งแบบ Horizontal Back-Link เทคโนโลยีเดียวกับ ZX10R
ดิสก์เบรกหน้าคู่ จานดิสก์แบบ Semi Floating ขนาด 290 มม. คาลิปเปอร์หน้า Monoblock ขนาด 4 ลูกสูบยึดแบบ Radial Mount ดิสก์เบรกหลังเดี่ยวขนาด 220 มม. มีระบบ ABS ทั้งหน้าหลัง ยางหน้าขนาด 120/70ZR17 ยางหลังขนาด 160/60ZR17 ยาง Dunlop GPR300
ระบบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยขี่
เริ่มด้วยระบบ KTRC (Kawasaki Traction Control) มีให้เลือก 3 โหมดคือ Mode 1 จะปล่อยให้ล้อได้หมุนฟรีสไลด์ได้บ้าง Mode 2 ระดับกลางระหว่างโหมด 1 และโหมด 3 Mode 3 ระบบจะไม่ปล่อยให้ล้อหลังหมนุนฟรีหรือหมุนเร็วกว่าคันเร่งที่ใช้ขณะนั้น และสามารถปิดระะบบ KTRC ได้ มี Power Mode 2 โหมดคือ F และ L
Riding Mode มี 4 โหมด คือ Sport Road Rain และ Rider คือผู้ขี่สามารถเลือกปรับระดับการทำงานของ KTRC และ Power Mode ได้อิสระ มี KQS หรือ kawasaki Quick Shifter ทั้ง Upshift และ Downshift ใช้งานได้เมื่อรอบเครื่องมากกว่า 2,500 รอบ/นาที ขึ้นไป
ฟังก์ชั่นทันสมัยเชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นได้
ไฟส่องสว่าง LED รอบคัน ไมล์ TFT ขนาด 4.3 นิ้ว เลือกธีมได้ 2 ธีมคือ Normal กับ Circuit แสดงผลการทำงานของรถครบถ้วน จอสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอพพลิเคชั่น RIDEOLOGY ซึ่งจะมีฟังก์ชั่น Vehicle Info แสดงข้อมูลรถ Riding Log แสดงเส้นทางการขับขี่ Telephone Notice เตือนเมื่อมีสายหรืออีเมลล์เข้า และ Tuning-General Setting ตั้งค่าหน้าจอผ่านแอพพลิเคชั่น
ลองขี่ในสนามแข่งขัน
คาวาซากิจัดให้ได้ลองขี่ในสนามแข่งขัน รถที่เตรียมไว้เซ็ตที่โหมด Sport ระบบ KTRC โหมด 2 และ Power Mode F ถ้าผมจำไม่ผิดนะเพราะรถต้องใช้เปลี่ยนคิวขี่ต่อกันไม่ทันได้ลองปรับหรือลองทุกโหมด แต่ได้ลองโหมด Sport กับ Rider เพราะขี่ต่อจากเพื่อนสื่อแล้วปรับไว้ก่อนหน้า
ท่านั่งขี่สปอร์ตตามสไตล์รถ แต่ด้วยองศาแฮนด์ พักเท้า ค่อนข้างสบายนะ และในขณะขี่ไปแล้วก็ให้ความสบายดี ไม่เมื่อยมากนัก แม้ในขณะนี้ผมจะต้องยัดหนัก 87 กิโลของตัวเองลงในชุด Racing Suit ไซส์ 50 เหมือนผมสตาฟตัวเองเลย ขยับตัวแทบไม่ได้ ยังขี่ ZX-4R ได้ง่าย คล่องตัวแม้ในโค้งเอสต่อเนื่อง
เครื่องยนต์ 4 สูบเรียงมีคาแลคเตอร์ที่มีความสมู้ทสูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงทำให้รถควบคุมได้ง่าย พละกำลังที่สูงและรอบเครื่องยนต์สามารถลากไปได้ถึง 15,000 รอบ/นาที รอบเครื่องดันความเร็วได้ยาวโค้งถึงโค้งแทบไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อย ในโค้งกว้างอย่างโค้ง 100R ก็เช่นกันดันรอบจนออกโค้งได้สบาย
ควิชิฟเตอร์ทำงานแม่นยำ เนียนเรียบ ทั้งเพิ่มและลดเกียร์ แต่การขี่ในสนามแข่งของผมเองยังติดใช้คลัทช์อยู่โดยเฉาะการลดเกียร์เพื่อเข้าโค้ง คลัทช์จะช่วยทอนกำลังเอนจิ้นเบรกได้ดี รถมี Assit & Slipper Clutch การลดเกียร์แรงกระทำของเอนจิ้นเบรกยิ่งสมู้ท ล้อหลังไม่ล็อคปัด คลิทช์ยังนิ่มเบาแรงอีกด้วยนะ
ความเร็วปลายในสนามผมขี่ได้ราว 175 – 190 กม./ชม. ที่เกียร์ 4 แต่ความเร็วบนเรือนไมล์เหมือนมันโดดพรวดมาเลย และจากได้แชร์ข้อมูลกับเพื่อนสื่อด้วยกัน พี่บอย Motowish สามารถขี่ได้ถึง 190-197 กม./ชม. เลยทีเดียว และถ้าทางตรงยาวกว่านี้ได้ต่อเกียร์ไปจนสุดเกียร์ 6 ระบบ Ram Air ทำงานเต็มที่ความเร็วเกินกว่า 230++ แน่นอน
Kawasaki Ninja ZX-4R มี 2 รุ่น 2 ราคา คือ
รุ่น SE สีเขียวกราฟิก KRT ราคา 360,000 บาท ออฟชั่นเต็ม
รุ่น Standard สีดำ ราคา 320,000 บาท โช้คอัพหน้าปรับไม่ได้ ไม่มีควิกชิฟเตอร์
ZX4R เป็นรถสปอร์ตที่มีเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียงเป็นจุดเด่น มีพละกำลัง ความเร็วแรงแบบหายห่วง ผมเองมีรถสปอร์ตขนาด 400 ซีซี 4 สูบ ยุค 90 ยุคที่รถ 400 ซีซี รุ่งเรือง ZX-4 เหนือกว่าทั้งความเร็วแรงทั้งเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ ขี่ง่ายกว่า รอบเครื่องสูงก็คุมได้เชื่องมือ ใช้งานทั่วไปได้ ใช้เดินทางท่องเที่ยวก็ได้ท่านั่งสบาย ลงแทร็คเดย์ก็งานถนัดเลย รถนำเข้าจากญี่ปุ่น สปอร์ต 4 สูบเรียง 75 แรงม้า มีควิกชิฟ เทคโนโลยีลงตัว ราคาสูงหน่อย แต่อร่อยแน่นอน
คลิป ทดสอบรีวิว Honda CBR1000RRR SP เต็มๆ
คลิป รีวิว CRF1100L Africa Twin ทั้ง DCT และ MT
รีวิว NT1100
คลิป รีวิว CBR250RR SP
รีวิว CBR250RR SP
รีวิว R1250RT
คลิปรีวิว BMW R1250RT Option 719
คลิปรีวิว R18 Transcontinental
บทความรีวิว R18 Transcontinental
บทความรีวิว BMW R18 First Edition
คลิป รีวิว BMW R18
คลิปรีวิว BMW F850GS