BMW R18 Classic โมเดล 2023 สีแดงสีใหม่ สีใหม่ที่นอกจากจะมีในรุ่น Classic ใน R18 รุ่นอื่นๆ ก็จะมีสีใหม่มาเช่นกัน บอกลาสีดำที่มีลายเส้นขาวตัดขอบในรุ่น First Edition แต่อาจจะกลายเป็น rare item น่าเก็บไปโดยปริยาย
แรงบันดาลใจที่กำเนิด R18
แรงบันดาลใจของ R18 มาจาก BMW R5 รถมอเตอร์ไซค์ที่ผลิตขายในปี 1936/1937 เป็นรุ่นที่ถูกบรรจุเทคโนโลยีการขับขี่ที่ทันสมัยที่สุดในโลกของยุค ค.ศ.นั้น กับเครื่องยนต์แบบ Boxer Twin รวมถึงดีไซน์ และแน่นอนสีดำกับที่ตัดเส้นขาวในรุ่น First Edition ก็มาจาก R5 นี่ล่ะครับ
Boxer Twin ใหญ่ที่สุดในจักรวาล Motorrad
เครื่องยนต์ Boxer Twin ที่ใหญ่และทรงพลังที่สุดที่ BMW Motorrad เคยสร้างมา มีกระบอกสูบ x ช่วงชักที่ 107.1 x 100 มม. มีปริมาตรความจุ 1,802 ซีซี. มีกำลังอัด 9.6:1 ระบายความร้อนด้วยอากาศ พร้อมเหน็บ Oil Cooler ขนาดกะทัดรัดช่วยระบายความร้อนของน้ำมันเครื่อง
ให้กำลังสูงสุด 67 กิโลวัตต์ หรือ 91 แรงม้าที่ 4,750 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูงสุด 158 นิวตันเมตรที่ 3,000 รอบ/นาที แต่เครื่องยนต์ถูกเซ็ตให้ทำงานรอบต่ำเพียง 2,000 ถึง 4,000 รอบ ก็มีแรงบิดจะมีให้ใช้มากกว่า 150 นิวตันเมตรแล้วเสมอ สามารถใช้แรงบิดสูงได้ตั้งแต่รอบต่ำและได้อย่างต่อเนื่อง
ระบบอิเล็กทรอนิกส์ทันสมัยมาตรฐาน BMW
ระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือระบบช่วยขับขี่เพียบไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ASC) ระบบป้องกันการลื่นไถลล้อหลังจากการชะลอตัวหรือลดเกียร์ (MSR) ระบบช่วยออกตัวช่วยเบรกในทางลาดชัน (Hill Start Control) ระบบเกียร์ถอยหลัง (Reverse Gear)
ระบบสัญญาณกันขโมย ระบบป้องกันรถกระชาก (Anti-Hopping Clutch) ระบบช่วยเบรกหลัง (Dynamic Brake Control หรือ DBC) ระบบกุญแจ Keyless Ride และยังมีระบบล็อกฝาถังน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มปลอดภัย
ความทันสมัยรอบคัน
เรือนไมล์ทรงกลมบอกความเร็วแบบเข็มอนาล็อก มีจอ LCD แสดงโหมดการขับขี่ ตำแหน่งเกียร์ รอบเครื่องยนต์ ระยะทาง ฯ แบบดิจิตอลฝังอยู่ในเรือนไมล์อีกที ไฟหน้า Adaptive LED ปรับมุมไฟที่ส่องออกไปได้เอง พร้อมกับ Daytime Riding Light และ Headlight Pro โคมไฟเป็นโลหะ
ไฟเลี้ยว LED ในส่วนของไฟท้ายจะรวมเข้าด้วยกันทั้งไฟเลี้ยว ไฟท้ายและไฟเบรก ไฟท้ายแบบนี้ผมเห็นในครุยเซอร์อเมริกันมาซักพักแล้วอ่ะนะ เท่ มองได้ชัดปกติและประหยัดพื้นที่ดี แต่ถ้าเอามาแต่งแล้วถอดไฟเลี้ยวออก ท้ายรถจะไม่มีไฟสัญญาณใดๆ เลย
รุ่น Classic มีอะไร
นอกจากข้อมูลพื้นฐานที่กล่าวไป R18 Classic มีอะไรที่ต่างจาก R18 ทั้ง 4 โมเดลอย่างไรบ้างมาดูกัน อย่างแรกคือเรื่องเรือนไมล์ทรงกลมวางเดี่ยวๆ จะมีเฉพาะใน R18 และ R18Classic เท่านั้น
R18Classic มี Windshield ขนาดใหญ่ มีไฟส่องสว่างเพิ่มอีก 2 ดวงขนาบข้างไฟหลัก ไฟเลี้ยวจะติดตั้งอยู่ด้านล่างของไฟคู่นี้ ฝาครอบเครื่องครอบฝาสูบจะเป็นสีอลูมิเนียมด้าน มีกระเป๋าข้างแบบ Soft case บุหนังสังเคราะห์อย่างดี ปลายท่อไอเสียตรง และล้อยางหน้ารุ่นนี้จะต่างจากรุ่นอื่นคือจะใช้ขนาด 130/90 16 นิ้ว (รุ่นอื่นจะมีล้อหน้าขนาด 19 นิ้ว)
ลองขี่ในงาน BMW Motorrad Summer Start 2023 จ.ภูเก็ต
2023 BMW R18Classic ที่ผมได้ลองขี่คันนี้เป็นรถใหม่ที่พึ่งแกะกล่องเลขไมล์วิ่งไปเพียง 7 กิโลเมตร (จากการทดสอบในโรงงานและระหว่างการขนย้าย) ผมค่อนข้างตื่นเต้นเพราะเป็นคนแรกที่ได้สัมผัส และสีแดงมันเด่นซะเหลือเกิน แถมมีทีมช่างภาพมอเตอร์สปอร์ตระดับเทพตามถ่ายให้อีก ปลื้ม
การขี่ในกิจกรรมจะเป็นการเดินทางท่องเที่ยวแบบ one Day Trip ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร (ถ้าผมจำไม่ผิดนะ) พละกำลังของเครื่องยนต์ในการเดินทางไกลเหลือเฟือแบบไม่ต้องสืบ ผมเคยทดสอบไปแบบเต็มๆ ไปแล้ว ทั้ง R18 First Edition และ R18 Transcontinental คลิปรีวิวท้ายบทความครับ
โหมดขับขี่ ผมยังคงชอบโหมด Rock มาก เพราะให้อารมณ์ความดิบสูง มีแรงเหวี่ยงของเครื่องยนต์ให้รู้สึกได้ชัดเจน ลากรอบเครื่องยนต์ในแต่ละเกียร์ได้เร้าใจ ความเร็วสูงสุดที่ผมเคยทำได้จากเครื่องยนต์ลูกนี้ราวๆ 192 กม./ชม (อ้างอิงจากเมื่อครั้งทดสอบ R18 First Edition)
วินด์ชิลด์หน้าในรุ่น Classic มีขนาดใหญ่แต่เข้ากับมิติรถ บังลมได้ดีมากและมองผ่านไม่หลอกตา ท่าขี่สบายแต่พลิกเลี้ยวได้คล่องตัวมาก อาจจะมากที่สุดในกลุ่ม R18 ด้วยกัน เพราะล้อหน้าที่มีขนาดรอบวงเล็กกว่ารุ่นอื่น
มีกระเป๋าสัมภาระ 2 ใบขนาดพอดีเข้ากับท้ายรถ เท่และมีประโยชน์ เป็นโมเดลขี่คนเดียวก็คล่องตัว ขี่มีคนซ้อนก็ให้ความสะดวกสบายมีที่เก็บสัมภาระ
BMW R18 Classic ราคาเริ่มต้น 1,209,000 บาท ชอบ R18 โมเดลไหนเลือกเลย ไม่ผิดหวัง
คลิป รีวิว BMW R18
คลิปรีวิว R18 Transcontinental
บทความรีวิว R18 Transcontinental
บทความรีวิว BMW R18 First Edition