Aprilia Tuareg 660 หนึ่งในรถ Adventure Touring ที่ลงมาลุยตลาดในคลาส Middleweight หรือขนาดกลางที่ ณ ตอนนี้มีกันเกือบทุกค่าย เรียกว่าในคลาสนี้ร้อนแรงอย่างมาก ด้วยขนาดและกำลังที่เหมาะในทาง On และ Off Road มาดูสามตาตัวลุยรุ่นนี้กัน
ทำไมถึงชื่อ Tuareg
Tuareg คือชนเผ่าโบราณใชนชุดสีฟ้า ที่อาศัยอยู่กลางทะเลทรายในแอฟริกาเหนือ ผู้ผู้ที่นิยามตนเองว่า “ผู้รักในอิสระ” ดังนั้นคำว่า Tuareg จึงเป็นสัญลักษณ์ของความอิสระ ไร้พรมแดนเพื่อให้ผู้ขับขี่ได้ประสบการณ์ในการผจญภัยทุกเส้นทางได้อย่างอิสระไร้ขอบเขต และ Tuareg เองก็ออกมาครั้งแรกตั้งแต่ปี 1988 ในชื่อรุ่น Tuareg 600 Wind
จุดเด่นด้านการออกแบบ
เป็นรถที่ผสานระหว่างสมรรถนะของรถออฟโร้ดกับความสะดวกสบายในการขับขี่ทางเรียบและมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามารวมไว้ด้วย ตัวรถได้รับการออกแบบมาให้ขี่ในทางออฟโร้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มีการคำนวณจุดศูนย์ถ่วงของรถและผู้ขับขี่ให้ขี่ได้ทั้งนั่งหรือยืนขี่โดยยังคงความคล่องตัวไว้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ท้ายรถปราดเปรียว เบาะนั่งยาว ขี่คนเดียวขยับท่าได้ง่าย ถ้ามีผู้ซ้อนท้ายก็มีพื้นที่เหลือเฟือ
ชุดแฟริ่งออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ลดแรงลมที่มาปะทะผู้ขับขี่ มีคลีบหรือปีกด้านข้างวางซ้อนอยู่ในชุดแฟริ่งช่วยจัดการลมที่เข้ามา DNA มาจากรถสปอร์ตของค่าย เครื่องยนต์จากรถสปอร์ตมีขนาดกระทัดรัดมีผลให้ท้องรถอยู่สูงจากพื้นได้ดี และยังทำให้น้ำหนักตัวรถดีมากคือแห้งๆ จะอยู่ที่ 187 กิโลกรัมและและเมื่อรวมของเหลวพร้อมขี่จะอยู่ที่ 204 กิโลกรัมเท่านั้น
ถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 18 ลิตร Aprilia บอกว่าสามารถเดินทางได้ไกลถึง 450 กิโลเมตร ถังนำ้มันถูกออกแบบให้อยู่กลางรถและลาดลงไปใต้ที่นั่งคนขี่จุดต่ำสุดของถังน้ำมันและเป็นจุดติดตั้งปั้มน้ำมันจะอยู่หลังของโช้คอัพหลังนู่นเลย
ประโยชน์คือนอกจากจะทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำ การควบคุมรถจะง่ายขึ้นและการขี่ขึ้นหรือลงเนินไม่ว่าจะชันขนาดไหนแม้ในขณะน้ำมันเหลือน้อยมากก็ปั้มก็ยังดูดน้ำมันจ่ายเข้าห้องเผาไหม้ได้แบบไม่มีปัญหารถดับ ขี่ผ่านเนินชันได้สบายๆ
เครื่องยนต์มีการยึดติดกับเฟรมถึง 6 จุด ถ้าเทียบกับรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์เดียวกันใน RS660 จะยึด 3 จุด และใน Tuona จะยึด 2 จุดเท่านั้น ใน Tuareg จะออกแบบให้รับแรงในการใช้บนทาง Off Road และการลุยถือเป็นจุดเด่นของ Tuareg เลยล่ะ
ระบบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยขี่สุดทันสมัย
Aprilia เป็นค่ายที่มีเทคโนโลยีทันสมัยล้ำหน้ามากที่สุดค่ายนึง เห็นได้จากรถแข่งใน MotoGP และรถในตระกูล RSV ก็มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ทันสมัยเต็มพิกัด ใน Tuareg ก็เช่นกันแม้จะเป็น Adventure Touring ก็เต็มไปด้วยระบบอิเล็กทรอนิกช่วยขี่อันทันสมัย
A-PRC Aprilia Performance Ride Control
Tuareg660 มีโหมดขับขี่ 4 โหมดคือ URBAN , EXPLORE , OFF ROAD และ INDIVIDUAL แต่ละโหมดขับขี่จะทำงานร่วมกับระบบ A-PRC ที่ต่างระดับกัน เพื่อให้เหมาะสมกับโหมดขับขี่ แต่ในโหมด INDIVIDUAL สามารถปรับระดับการทำงานของระบบ A-PRC ได้อย่างอิสระ
ระบบ A-PRC (Aprilia Performance Ride Control) เป็นระบบช่วยขี่หลายอย่างรวมเป็นแพคเกจและเรียกเป็น A-PRC และแต่ละระบบก็สามารถเข้าไปปรับตั้งระดับการทำงานได้เองอีกด้วย ซึ่งใน Tuareg ก็จะมีการพัฒนาขึ้นเฉพาะให้เหมาะกับประเภทรถด้วย
โดย A-PRC ของ Tuareg ก็จะมี ATC (Aprilia Traction Control) ปรับได้ 4 ระดับ และสามารถปิด-เปิดการทำงานได้ , AEB (Aprilia Engine Brake) ปรับได้ 3 ระดับสามารถปิด-เปิดระบบได้ , AEM (Aprilia Engine Map) การตอบสนองของเครื่องยนต์ปรับได้ 3 ระดับ เลือกปรับได้ในโหมดขับขี่ Individual และ Off Road
ABS (Anti-Lock Braking System) ปรับได้ 2 ระดับในโหมดขี่ Individual และปิดการทำงานได้ในโหมด Off Road , ACC (Aprilia Cruise Control) ใช้งานได้ในเกียร์ 3 ถึงเกียร์ 6
เทคโนโลยีทันสมัย
เริ่มที่เรือนไมล์เป็น TFT ขนาด เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนใช้แอพลิเคชั่น Aprilia MIA ได้ และเมื่อติดตั้งอุปกรณ์เสริม PMP ก็จะสามารถใช้เป็นระบบนำทางที่แสดงผลบนเรือนไมล์ได้ รวมถึงแสดงผลต่างๆ ของแอพพลิเคชั่นด้วย
ไฟส่องสว่างเป็น LED รอบคัน ไฟหน้าดีไซน์ 3 ตาเป็นเอกลักษณ์ของค่ายมี DayTime Running Light เป็นเส้นกรอบไฟทั้ง 3 ตา แปลกตาและโดดเด่น สวิทซ์แฮนด์สั่งการระบบได้ด้วยปุ่มเดียวสะดวกเมื่อต้องปิดหรือเปิดระบบตอนขี่มาก จะมีก็แต่กุญแจที่ยังเป็นแบบดอกกุญแจเสียบกับสวิตซ์กุญแจอยู่
ลองขี่ Off Road
การทดสอบครั้งนี้อยู่ในสนามปิดเป็นสนาม Off Road อย่างเดียว ซึ่งเป็นสนามที่ใช้ทกสอบรถ 4×4 เป็นหลัก ทางวิ่งจึงไม่ยากนัก แต่ด้วยฝนที่ตกลงมาอย่างหนักก่อนการขี่ทดสอบ 1 คืน ทำให้ดินในสนามฉ่ำเปียกและลื่นมาก ความยากเข้ามาเยือนทันที
ผมได้ขี่กรุ๊ปแรกไม่ได้วอร์มอะไรก็ลงขี่กันเลย วนออกไปยังไม่ถึงรอบล้อหน้าก็ลื่นไหลล้มแปะลงไปซะแล้ว แฮ้ ยังไม่ทันไรเลย ผมก็ไม่ได้ล้มลงไปด้วยนะไดเ้แต่ยืนงงๆ อีหยังวะ อ่อนจัดเราเนี่ย คือพื้นลื่นมาก แต่ไม่ใช่ข้อแก้ตัวลุยกันต่อ
ผมค่อยๆ ขี่ไปตามทางที่กำหนดจนครบรอบก็พอรู้ว่าวิ่งไปทางไหนอย่างไร ขี่ต่อกันเลยในช่วงที่ลื่นมากต้องใช้เท้าช่วยบ่อยหน่อยแค่นั้น ที่สัมผัสได้ในรอบแรกคือรถเบา เลี้ยวง่ายแม้ทางเลี้ยวที่แคบและเป็นเนินเล็กๆด้วย ใช้ขาถืบประคองรถนิดหน่อยรถก็ไปในทางที่ต้องการได้ง่าย
มารอบ 2 ในช่วงสายๆ เลยดีกว่า พื้นแห้งกำลังดี และผมยังปล่อยลมยางออกอีกนิดหน่อยก่อนขี่ด้วย ในรอบนี้ต่างจากรอบแรกมากด้วยพื้นที่แห้งมากขึ้นด้วยยางที่มีลมยางเหมาะกับเส้นทางมากขึ้น ผมใช้ความเร็วได้มากขึ้น ความเร็วที่เพิ่มขึ้นรถยังเลียวได้ง่ายมาก
รถขี่สนุกมากบอกตรงๆ ว่าต่างจากรอบแรกที่ขี่มาก ขี่ขึ้นเนินลูกระนาดก็บิดส่งได้แม้จะไม่ค่อยรับเท่าไหร่ก็ตาม แฮนด์กว้างคุมรถมั่นคง ช่วงล่างทำงานดีมาก เนินด้านข้างสนามก่อนลงสถานีบ่อน้ำ ผมบิดรถเหินเนินแบบเบาๆ ได้เลย สนุกมาก ต่อจากเนินนี้จะเป็นไลน์วิ่งเล็กๆ ก็บังคับรถเข้าหาไลน์วิ่งได้ง่ายมาก
ลงบ่อน้ำในสนามปิดที่ทำขึ้นคือไม่ต้องคิดมากเลย หยอดรถลงไปแล้วเดินคันเร่งไปได้เลย รถเคลื่อนตัวผ่านหลุมดินหินที่ซ้อนอยู่ใต้น้ำได้แบบเหมือนไม่มีอุปสรรค ต่อด้วยทางหินก้อนใหญ่ที่อัดไว้แล้วช่วงล่างรูดไปยังกะทางเรียบ แรงสะเทือนแทบจะไม่มี
เริ่มเข้ามือก็ยิ่งเพิ่มความเร็วได้ เริ่มเล่นสนุกกับทางวิ่ง เริ่มจะออกแอคชั่นแอคโชว์หน้ากล้องบ้าง แต่ยังไม่ทันได้ทำก็หมดรอบ อ้าวววววว คือเครื่องร้อนแล้วแต่ก็หมดรอบแล้ว แล่วๆ รอรอบ On Road และทาง Off Road ในเส้นทางธรรมชาติ ภายนอกสนามปิดนี้ต่อ
วิ่ง On Road บ้าง
บน On Road เรียกว่าทำได้ดี ทางนั่งสไตล์ Adventuer Tourimg ให้ความสบายอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ผมชอบคือสวิทซ์แฮนด์ที่กดเลือกโหมด กดปิด/เปิด Traction Control และ ABS รวมถึง Cruise Control ได้ง่าย (ซึ่งผมไม่ได้ลองใช้หลอกนะ Cruise Control เนี่ย) ชิลด์บังลมหน้าปรับไม่ได้แต่ก็ไม่กีดขวางสายตา บังลมได้โอเคอยู่ครับ แต่ชุดแฟริ่งตัดลมที่เข้ามาปะทะได้ดี
เครื่องยนต์กระชับกระเฉง เกียร์ค่อนข้างสั้น ด้วยพื้นฐานที่เป็นเครื่องรถสปอร์ตการใช้งานบนทาง On Road ขนมมาก การเร่งแซง การใช้ความเร็วมั่นใจได้เลย ช่วงล่างก็ใช้งานได้ดีอีกแหน่ะ จะเลี้ยวจะโค้งทำได้คล่องตัว
ทาง Off Road ในเส้นทางธรรมชาติ ในเส้นทางที่ทีมงานวางไว้ สบายมาก เป็นทางดินที่ไม่ยากอะไรใช้ความเร็วรูดไปได้เลย บางช่วงเป็น Single Track มีเถาวัลย์ห้อยมาขาวงทางวิ่งในความเร็วที่ใช้เราสามารถคอนโทรลรถหลบเถาวัลย์หรือสิ่งกีดขวางได้สบาย
Aprilia Tuareg 660 ราคา 749,000 บาท
สรุปหน่อย
ในความรู้สึกของผม Tuareg มีฟีลลิ่งค่อนข้างมีความดิบนะ แม้จะมีเทคโนโลยีช่วยขี่ทันสมัย ช่วงล่างดูจากสายตาอาจจะธรรมดา แต่ใช้งานจริงดีงามโดยเฉพาะในทาง Off Road รวมกับการออกแบบที่ให้ศูนย์ถ่วงต่ำมากและช่วงขาหนีบที่แคบ ทำให้การคอนโทรลรถผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้ดี จะยืนขี่นั่งขี่หรือบาล้านซ์ตัวในหลายท่าท่างก็ขยับตัวทำได้ง่าย
เครื่องยนต์มีการตอบสนองที่ดี มีกำลังเหลือเฟือด้วย DNA จากรถแข่งมาปรับแรงบิดและกำลังให้เหมาะกับสไตล์รถ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ต้องบอกเลยว่าไม่ทันได้ลองปรับเล่นอะไร แต่ที่มาเป็นแพคเกจในโหมด Off Road ก็ทำงานช่วยเราแบบเนียนๆ ไร้รอยต่อ เกียร์ 1 – 2 สั้นไปนิดยังติดอารมณ์สปอร์ต และถ้าใส่ Quick Shifter มาให้เลยจะดีมาก (มีนะ ซื้อเพิ่มได้)
สเปค Aprilia Tuareg660
เครื่องยนต์ | 2 สูบเรียง 4 จังหวะ DOHC 8 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ |
ปริมาตร | 658.8 ซีซี |
อัตราส่วนกำลังอัด | 13.5:1 |
กำลังสูงสุด | 80HP / 9,250 RPM |
แรงบิด | 70NM / 6,500 RPM |
โช้คอัพน้า | KAYABA แบบ Upside-Down ขนาด 43 มม.ปรับได้ทุกจุด |
โช้คอัพหลัง | โช้คเดี่ยว KAYABA ปรับได้ทุกจุด |
เบรกหน้า | ดิสก์คู่ขนาด 300 มม. คาลิปเปอร์ Brembo 4 ลูกสูบ พร้อม ABS |
เบรกหลัง | ดิสก์เบรกเดี่ยว 260 มม. คาลิปเปอร์ Brembo 1 ลูกสูบ พร้อม ABS |
ล้อหน้า | ล้อซี่ลวดขนาด 21×2.15 นิ้ว ยาง Tubeless ขนาด 90/90-21 |
ล้อหลัง | ล้อซี่ลวดขนาด 18×4.25 นิ้ว ยาง Tubeless ขนาด 150/70-18 |
น้ำหนักตัวรวมของเหลว | 204 กก. |
รีวิว Aprilia SR GT200
คลิปรีวิว Aprilia SR GT200
คลิป ทดสอบ Aprilai RSV4 1100 Factory
ทดสอบรีวิว Aprilia RSV4 1100 Factory
คลิป รีวิว Moto Guzzi V85TT
รีวิว Moto Guzzi V85TT
Vespa Sprint S 150 i-Get ABS TFT
Vespa Sprint 125 และ Sprint 150
มารู้จัก Vespa Sprin 150 i-Get ABS 10th Anniversary Thailand Limited Edition