News

รีวิว All New Forza 350 พรีเมียมสกู๊ตเตอร์ตัวท็อป ยอดฮิต ที่ปรับโฉมใหม่

โดย

พฤศจิกายน 16, 2022

All New Forza 350 ถึงเวลาปรับโฉมใหม่รอบคัน เครื่องยนต์ eSP+ เต็มประสิทธิภาพ เต็มไมล์ 160 กม./ชม. แบบไม่ต้องลุ้น

หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่พัทยา จ.ชลบุรี เมื่อต้นเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมาเป็นไตรมาสสุดท้ายของปี ถือเป็นโมเดล 2566 หลังจากได้ทดลองขี่ไปแล้วในวันเปิดตัว ครั้งนี้ผมก็ได้นำมาใช้งานอีกครั้ง เพื่อมาดูว่ามีอะไรใหม่บ้าง

ลองขี่กันเลย

การทดลองขี่ของผมหรืออาจจะหลายๆ คน คือนำมาใช้งานในเมือง และสำหรับ All New Forza 350 เป็นสกู๊ตเตอร์สไตล์สปอร์ต ที่ให้ความคล่องตัวมากอยู่แล้วและกับท่าทางการขี่ ท่านั่งที่ไม่ต่างจากโฉมก่อนหน้า ที่ให้การควบคุมที่ดี เลี้ยวได้กระชับฉับไวแต่มั่นคง ควบคุมได้เบาแรงและได้ดั่งใจ จึงเป็นข้อดีที่ยังคงเดิมให้ได้สัมผัส

Forza350 ใช้ในเมืองสบายไม่มีปัญหา ความคล่องตัวเป็นรองสกู๊ตเตอร์ขนาดเล็กไม่มากนัก แต่อัตราเร่งดีกว่าเป็นเท้าตัว แซงได้เด็ดขาด และให้ความสบายในการขี่ที่ดีกว่า แถมใส่ของใส่สัมภาระได้เยอะกว่าด้วย

เครื่องยนต์ eSP+ เครื่องยนต์ยังเป็นเครื่องยนต์เดียวกับโมเดลก่อนหน้าและเป็นเครื่องยนต์เดียวกับ ADV350 ตามที่หลายคนรู้อยู่แล้ว ด้วยความเจ๋งที่ยังใช้งานได้ดีเยี่ยมจึงไม่มีเหตุอะไรที่ต้องปรับเปลี่ยน และฮอนด้าก็เพิ่งจะใส่กับรถโมเดลใหม่ของโลกอย่าง ADV350 คุณภาพการันตีได้แน่นอน

ผมขี่ออกไปชานเมือง ได้ใช้ความเร็วต่อเนื่อง เครื่องยนต์ให้อัตราเร่งที่เร้าใจ เร่งๆ ยกๆ บนความเร็ว 120 ขึ้นไป ให้ความมั่นใจในการแซง ตีนปลายจมไมล์ที่ 160 กม./ชม.ความเร็วและเข็มไมล์ขึ้นแบบไม่ต้องลุ้น ขี่สนุกมาก ก็ยังเป็นสกู๊ตเตอร์ที่ครบเครื่อง ที่สำคัญความสบายมาเต็ม วินชิลด์ปรับไฟฟ้ามีระยะ 150 มม. เลือกระดับให้บังลมหรือจะลดลงสุดให้ลมเข้ามาปะทะตัวก็ทำได้ตลอดเวลา

ช่วงล่างถ้าบนทางลาดยางมะตอยเรียบๆ ทำได้ดี แต่ในเส้นทางที่มีคลื่นหรือขรุขระหรือรอยต่อทางคอนกรีตถ้ามาเร็วๆ มีย้วยมีสะเทือนบ้างแต่อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ในโค้งก็เช่นกัน ส่วนถ้าซ้อน 2 ก็ให้ความนุ่มนวลและการคุมได้ดี ซ้อน 2 เดินทางไกลบอกเลยสบายมาก

ทำความรู้จัก eSP+ รหัสแรงที่ฮอนด้าการันตี

และที่น่าประทับใจที่สุดคือเครื่องยนต์ eSP+ ที่เป็น SOHC 4 วาล์วและมีระบบหล่อลื่นและระบายความร้อนในระดับเทพ และผลที่ได้คือพละกำลังที่เพิ่มมากขึ้นและมีความต่อเนื่อง ด้วย Piston oil Jet ฉีดน้ำมันหล่อลื่นเข้าใต้กระโปรงลูกสูบ มาดูข้อมูลทางเทคนิกกันหน่อย

กระบอกสูบขนาด 77 มม. x ช่วงชัก 70.7 มม. (เดิม 68.6 มม. x 70.7 มม.) เพิ่มขึ้น 50.43 ซีซี นอกจากลูกสูบใหญ่ที่ขึ้น ข้อเหวี่ยงก็มีความยาวและมีขนาดใหญ่กว่าเดิม วางตำแหน่งหัวเทียนกลางลูกสูบเพื่อการจุดระเบิดที่แม่นยำ รุนแรง และเผาไหม้หมดจด

เทคโนโลยี Piston Oil Jet ระบบฉีดน้ำมันหล่อลื่นบริเวณใต้ลูกสูบ ใช้ปั้มน้ำมันเครื่องแบบ 2 ห้อง เทคโนโลยีจากรถแข่ง เสื้อสูบเคลือบสารโมลิบดีนั่ม พร้อมแหวนลูกสูบดีไซน์ใหม่กวาดน้ำมันหล่อลื่นได้ดีกว่าเดิม นอกจากจะทำให้การหล่อลื่นดีขึ้น ยังช่วยระบายความร้อนได้ดีขึ้นด้วย เมื่อลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์ส่งกำลังได้ยาวนานไม่มียุบ

ปลอกเสื้อสูบใหม่แบบ Spiny Sleeve คือพื้นผิวโดยรอบเสื้อสูบมีความขรุขระ มีพื้นที่สัมผัสมากขึ้นระบายความร้อนดีขึ้น ย้ายตำแหน่งหม้อน้ำจากเดิมที่อยู่ข้างรถมาอยู่หน้ารถ โดยวางเอียงเล็กน้อยเพื่อให้ลมที่เข้าปะทะผ่านหม้อน้ำกลายเป็นลมร้อนได้ไหลลงใต้ช่องระบายลมใต้ท้องรถ ตัวรถจึงไม่กักความร้อนและระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เทคโนโลยีจาก Honda Goldwing 1800

แรงขึ้นแต่เครื่องยนต์ทำงานนุ่มนวลและมีสมดุล ด้วยชุดเพลาข้อเหวี่ยงใหม่ที่มีการใส่บาลานเซอร์เข้าไป เทคโนโลยีจาก Honda GL1800 Goldwing พร้อมตัวดันโซ่ราวลิ้นแบบไฮโดรลิค เสียงเครื่องเงียบและเนียนเรียบตลอดการทำงาน

หม้อกรองอากาศมีขนาดใหญ่ถึง 5.5 ลิตร ทำให้อากาศไหลเวียนได้รวดเร็ว พร้อมชุดลิ้นปีกผีเสื้อขนาด 36 มม.(เดิม 34 มม.) จ่ายอากาศเข้าไอดีได้มากขึ้นอีกด้วย และจ่ายไอเสียได้ไหลลื่นกว่าเดิมด้วยคอท่อไอเสียเป็นสแตนเลสจากโรงงาน

การส่งกำลังดีกว่าเดิมด้วยการเปลี่ยนชุดคลัทช์เป็น 5 จุดหรือ 5 ก้อน (เดิม 3 ก้อน) ใหญ่ขึ้นทั้งขนาดและหน้าสัมผัสที่เพิ่มขึ้น 230% จากรุ่นก่อนหน้า มีเม็ดตุ้มถ่วงน้ำหนัก 21 กรัม (เดิม 20 กรัม) พร้อมชุดชามคลัทช์ใหม่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม ส่งกำลังได้แม่นยำ นุ่มนวล รองรับกำลังที่เพิ่มขึ้น

ระบบ HSTC

ระบบ HSTC (Honda Selectable Torque Control) เป็นระบบที่คำนวณการหมุนของล้อหลังให้สัมพันธ์กับการใช้คันเร่ง คือถ้าล้อหลังหมุนเร็วกว่าคันเร่งที่ใช้ รถจะเสียการยึดเกาะและเสียอาการ

ระบบ HSTC จะตัดกำลังแรงบิดทำส่งไปที่ล้อหลังโดยที่เราไม่ทันได้ยกคันเร่ง ให้ล้อหลังกลับมาทำงานได้ปกติหรือยึดเกาะถนนได้ปกติ เพื่อผ่านอุปสรรคหรือพื้นผิวถนนที่ลื่นได้อย่างปลอดภัยเพื่อความปลอดภัยที่ดีกว่า สามารถเลือกปิดหรือเปิดระบบได้ ซึ่งการทำงานของระบบนี้จะคล้ายกับระบบ Traction Control นั่นเอง

เรือนไมล์รูปแบบเดิมคือเป็นเข็มอนาล็อก 2 ช่องที่บอกความเร็วกับวัดรอบตรงกลางเป็นจอ LCD บอกข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ให้อารมณ์เรียบหรูแฝงด้วยความสปอร์ต แต่ผมยังเชียร์ให้โมเดลหน้าเป็นแบบ Full LED หรือ TFT ไปเลยจะแจ่มกว่าเยอะ มีระบบ Emergency Stop Signal (ESS) สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อมีการเบรกกะทันหัน

ระบบไฟส่องสว่างไฟสัญญาณเป็น LED รอบคัน มีระบบ ABS ทั้งหน้าและหลังเป็นมาตรฐาน มีช่องเสียบ USB Type C สำหรับชาร์จมือถือในช่องเก็บของบนคอนโซนด้านซ้าย ระบบกุญแจ Honda Smart Key หรือ Keyless พื้นที่ใต้เบาะนั่งกว้างใหญ่ใส่หมวกกันน็อคแบบเต็มใบได้ 2 ใบแบบหลวมๆ

All New Forza 350 มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย

รุ่น Roadsync Type (ติดตั้งระบบ HSVCs) มี มาพร้อมล้อสีทอง ด้วยราคาแนะนำที่ 181,000 บาท
รุ่น Standard Type มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีดำ (Mat Black), สีเทา-ดำ (Smoky Grey), สีแดง (Red) และสีน้ำเงิน (Blue) ราคาแนะนำที่ 179,000 บาท

สเปก 2023 Honda Forza 350

เครื่องยนต์	eSP+ สูบเดียว SOHC 4 วาล์ว ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี)	329.6
ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก (มม.)	77.000 x 70.766
อัตราส่วนแรงอัด	10.5 : 1
ระบบคลัทช์	คลัทช์แห้งอัตโนมัติแบบแรงเหวี่ยง
ระบบส่งกำลัง	V-Matic แบบสายพาน [V-Belt]
ขนาด กว้าง x ยาว x สูง (มม.)	754 x 2,143 x 1,507
ความสูงของเบาะ (มม.)	780
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง (ลิตร)	11.7
น้ำหนักสุทธิ (กก.)	187
ยางหน้า	120/70-15 M/C 56P Tubeless
ยางหลัง	140/70-14 M/C 62P Tubeless