2022 Triumph Tiger Sport 660 ในมุมมองของผมมองว่าเป็นรถที่ใช้ทางดำหรือบนถนนหลวงเป็นหลัก แต่อยู่ในรูปลักษณ์ Adventure เพื่อท่านั่งและการขี่ที่สบาย แต่ถ้าคิดจะลุยต้องไปหา Tiger 850, 900 หรือ Tiger 1200 นู้นล่ะครับที่เป็น Adventure Touring หรือ Dual Purpose แท้ๆ แล้ว Tiger Sport 660 มีดียังไงล่ะ? มาดูกันเลย
ทริปทดสอบครั้งนี้ Triumph Motorcycles Thailand เข้าจัดให้ครับ เส้นทางจากกรุงเทพมหานครมุ่งสู่กังหันลมเขายายเที่ยงก่อนไปยังที่พักหรูแถวเขาใหญ่ เส้นทางไม่ใช้ทางหลักนะครับ เข้าไปอุโมงต้นไม้แถวสระบุรีก่อน ได้เจอเส้นทางที่สวยงามและหลากหลายโดยเฉพาะทางโค้ง
Tiger Sport 660 ใช้เครื่องยนต์เดียวกับ Trident 660 ที่พัฒนามาจาก Daytona 675 ส่วนตัวผมเคยได้ทดสอบในสนามไทยแลนด์เซอร์กิตบอกได้ว่าเป็นรถสปอร์ตที่ขี่ดีที่สุดรุ่นนึงเลย และความลงตัวของเครื่องยนต์สามารถแตกไลน์ไปอยู่ในรถหลากหลายสไลต์ได้อย่างไม่เคอะเขินและทำได้อย่างดีเยี่ยมทีเดียว
เครื่องยนต์ 3 สูบ
เครื่องยนต์ 3 สูบเรียง ปริมาตร 660 ซีซี DOHC 12 วาล์ว หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ Multipoint ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลัง 81 แรงม้าที่ 10,250 รอบ/นาที แรงบิด 64 นิวตันเมตรที่ 6,250 รอบ/นาที มี Slip & Asist Clutch ติดตั้งมาด้วย และสังเกตุได้ว่าแรงบิดมาในรอบไม่สูงนักเป็นรถที่ใช้งานได้ง่ายเลยทีเดียว
คันเร่งไฟฟ้า Ride by Wire พ่วงระบบอิเล็กทรอนิกส์คือมีโหมดขี่ให้มา 2 โหมด คือ Road กับ Rain มีระบบ Traction Control ระดับการทำงานตั้งไว้ให้เหมาะกับโหมดที่ใช้ และสามารถเลือกเปิดหรือปิดระบบได้ มีระบบ ABS ทั้งหน้าและหลัง
ไฟส่องสว่างรอบคันเป็น LED กุญแจยังไม่ใช่ Keyless แต่มีระบบ Immobiliser เพื่อความปลอดภัย และไม่มีระบบ Cruiser Control นะครับ ถึงทรงรถน่าจะมีก็เถอะ แต่ด้วยราคาค่าตัวที่เปิดมาก็ต้องบอกว่าคุ้มค่าที่สุดแล้วล่ะครับ
เฟรม ช่วงล่างคุ้มค่า
เฟรมรุ่นนี้เป็นท่อเหล็ก แข็งแรงและที่สำคัญคือสามารถออกแบบให้รถดูเพรียวหรือมีความกระทัดรัดได้มาก โช้คอัพหน้าเป็น Upside Down (SFF) ขนาด 41 มม. ของ Showa โช้คอัพหลังเดี่ยวของ Showa มีรีโมทแยกติดอยู่กับพักเท้าคนซ้อนด้านซ้าย สำหรับหมุนปรับพรีโหลดให้เหมาะกับการใช้งานอันนี้สะดวกมากๆ
ชิลด์บังลมหน้ามีขนาดใหญ่อยู่นะครับ ปรับระดับสูงต่ำได้ด้วย โดยจะมีที่จับสำหรับใช้มือดึงหรือกดลงชิลด์ลงไป ปรับได้ง่ายครับดึงขึ้นหรือกดลงขณะขี่รถก็ได้ อาจจะแน่นหน่อยแต่ทำได้ผมลองแล้วทำได้สบายๆ เบานั้งสูงขากพื้น 835 มม. เป็นเบาะชิ้นเดียวยาวเล่นระดับผู้ขี่ผู้ซ้อน เฟรมด้านท้ายมีจุดสำหรับติดตั้งกระเป๋าข้างตรงรุ่น และมีบาร์จับสำหรับคนซ้อน
ดิสก์เบรกคู่หน้าขนาด 310 มม. จับด้วยคาลิปเปอร์ 2 ลูกสูบของ Nissin ดิสก์เบรกหลังเดี่ยวขนาด 255 มม. คาลิปเปอร์ Nissin 1 ลุกสูบ ล้อยางหน้าขนาด 120/70R17 ล้อยางหลังขนา 180/55R17 ยางติดรถ Michelin Road 5 ยางถนนตามชื่อ ก็บอกแล้วรถถนนทางดำ
เรือนไมล์ TFT
เรือนไมล์ TFT แบ่งเป็น 2 จอ บอกรอบเครื่องและความเร็วอยู่จอด้านบน ส่วนบอกตำแหน่งเกียร์และรายละเอียดอื่นๆ อยู่ที่จอด้านล่าง เป็นเรือนไมล์แบบ Multifunction เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้สามารถใช้งาน Navigation แบบ Turn by Turn ได้ สั่งงาน GoPro ได้ และรับ-วางสายรวมถึงสั่งฟังเพลงบนสมาร์ทโฟนได้ หน้าจอเข้าถึงได้ง่ายไม่ซับซ้อนนัก
ฟีลลิ่งหลังลองขี่
ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าถ้ามีรถทรงนี้มาก็ต้องคิดว่าเอามาลุย Off Road กันซะหมด ผมก็ยังบอกเหมือนในย่อหน้าแรกครับ ว่า Tiger Sport เป็นรถที่เน้นทางดำ ไม่ใช่เห็นทรงนี้ เอะอะจะต้องเอาไปลุย ไทรอัมพ์จัดเซ็กเม้นท์ให้อยู่เป็นกลุ่ม Adventure ก็จริงแต่เป็น Adventure Sport ตามชื่อ คือท่องเที่ยวไปบนทางดำแต่มีท่านั่งที่สบายแบบเดียวกับรถ Adventure ช่วงล่างหนึบแน่นเหมาะกับซิ่งโหนโค้งบนทางดำ
แต่ด้วยระยะยุบของโช้คอัพที่มีมากกว่า รวมถึงความสูงใต้ท้องรถที่สูงกว่า คือมาในแบบรถ Adventure นั่นก็เพื่อรูดลูกรังได้บ้างหรือเจอหลุมบ่อถนนพังบนทางหลวงก็ไปได้สบายๆ และยืนขี่ได้อย่างเท่ ไม่เคอะเขิน … แต่ใครอยากลุย Off Road ก็เอาไปลุยได้ตามสะดวกก็ซื้อมาเป็นเจ้าของแล้วนี่เนอะ แต่เชื่อเถอะไม่ดีเท่า Tiger 850 หรอกเพราะ Tiger850 คือ Adventure Touring หรือรถ Dual Purpose ที่ออกแบบมาเพื่อการนี้แล้วนั่นเอง
การตอบสนองของเครื่องยนต์ ในรอบกลางดีเลยครับ คือเขาให้แรงบิดสูงสุดอยู่ในช่วง 6,000 รอบแต่ในช่วงใกล้เคียงกันแรงบิดเกือบสูงสุดก็มีให้ใช้ตลอดแล้ว ไม่ต้องรอรอบ ให้การตอบสนองที่สนุกในทุกเกียร์ ที่เกียร์ 5 เกียร์ 6 แช่ที่ 140 กม./ชม. จะบิดแซงหรือเร่งขึ้นไปที่ 180 กม./ชม. ก็ทำได้ง่ายดาย ฉับไว ทุกรอบความเร็วให้ความสนุกในการขี่มาก มีความเร้าใจในอัตราเร่งที่เกินซีซี
ผมใช้โหมด Road ตลอดการทดสอบ ซึ่งมี Traction Control ทำงานร่วมด้วย ตัว Traction Control ในโหมด Road คือยังให้ตัวหรือให้อิสระในการส่งกำลังลงล้อหลังเยอะอยู่ พูดง่ายคือสามารถกระแทกคันเร่งเพื่อยกล้อได้โดย Traction ไม่ตัดกำลังเครื่องยนต์ทันที แต่จะปล่อยให้ล้อหน้าลอยขึ้นไประดับนึงถึงจะดัด อันนี้เร้าใจ แต่กับพื้นยางมะตอยเงาๆ ในหลายพื้นที่ของประเทศไทยก็ต้องระวังหน่อย
ช่วงล่างแจ่มเลย แน่นหนึบ ร่อนมุดแซงออกจากเมืองคล่องตัวโยกซ้ายขวาได้ไวและให้ความมั่นใจสูง ในโค้งกว้างก็กดคันเร่งดันไปได้เลย เบรกที่ให้มาถึงจะเป็นคาลิปเปอร์ข้างละ 2 สูบก็สั่งได้ดั่งใจนะ ตอนที่ผมทดสอบไม่มีปัญหากับเบรกเลยค่อนข้างดีด้วยซ้ำ มีระบบ ABS ให้มั่นใจด้วย ถึงจะไม่ได้กดจน ABS ทำงานก็เถอะ
ยางติดรถ Michelin Road 5 ในรถที่ผมได้ทดสอบเป็นยางใหม่กริ๊บ เจ้าหน้าที่ไทรอัมพ์เพิ่งจะลอกสติ๊กเกอร์ติดหน้ายางตอนผมคร่อมรถพร้อมจะไปแล้ว ยางจึงใหม่และยังไม่ได้เปิดหน้ายาง ตอนที่ขี่ในบางจังหวะที่เบรกหนักหรือจะเข้าโค้งก็มีท้ายปัดบ้าง ซึ่งถ้าได้เปิดหน้ายางซักระยะนึงจะได้ประสิทธิภาพเต็มที่มากขึ้น
ชิลด์บังลมปรับได้หลายระดับ ปรับแบบ Manual ผมลองขี่ไปปรับไปทำได้นะครับถึงจะแน่นและต้องออกแรกหน่อยแต่ทำได้ ถึงจะปรับได้หลายระดับแต่การใช้งานจริงอาจจะปรับดึงขึ้นสุดหรือกดลงต่ำสุด ตัวชิลด์บังลมและตัดกระแสลมได้ดีทีเดียวครับ
การปรับโหมด Road และ Rain ทำได้ในขณะขี่รถเช่นกัน แต่การปิดระบบ Traction Control ต้องจอดรถ และถ้าปิดแล้ว เมื่อเราจอดปิดสวิตซ์กุญแจ เมื่อสวิตซ์ใหม่ระบบจะรีเซ็ตตัวเองในค่าเริ่มต้นคือเปิดการทำงานระบบ Traction ให้โดยอัตโนมัติ เพื่อความปลอดภัยก็ว่าได้
2022 Triumph Tiger Sport 660 ราคา 359,000 บาท
เป็นรถที่ให้ความอรรถประโยชน์มากครับ บทสรุปหลายอย่างก็ในเนื้อความเลย ใช้งานได้หลากหลาใช้งานในเมืองทุกวันก็ได้ ใช้เดินทางท่องเที่ยวก็เหมาะมาก เจอทางไม่ดีหรือเส้นทางชนบทที่เป็นลูกรังอัดก็รูดไปได้สบาย มีออฟชั่นอย่าง Quick Shifter ตรงรุ่นให้จ่ายเพิ่มนะ รวมถึงกล่องข้างตรงรุ่นสายเดินทางไกลมาน่าพลาด งานประกอบชิ้นส่วนวัสดุต่างๆ ประณีตเนียนตาสมราคาแบรนด์ ระยะกิโลกว่าจะเอาเข้าเซอร์วิสก็นาน กับราคาสามแสนกลางผมว่าเล่นได้เลยล่ะ
คลิป รีวิว Speed Triple 1200RS และ RR
รีวิว Speed Triple 1200 RS
คลิปรีวิว Rocket 3
รีวิว Triumph Trident 660
รีวิว Triumph Rocket 3
เปิดตัว เปิดราคา Triumph Trident 660 คลิก