2022 Honda CB1000R Black Edition รถนีโอสปอร์ตคาเฟ่หรือเน็คเก็ตไบค์ผสมผสานกับความเป็นรถสปอร์ต ด้วยดีไซน์ สมรรถนะ และเทคโนโลยี ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบเรียงขนาด 1 ลิตร แต่ให้ความกระชับคล่องตัวราวกับรถในคลาส 650 มีดีแน่นอน
Honda CB1000R โมเดล 2022 เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการในงาน Motor Expo 2021 ปลายปีที่ผ่านมา มีการปรับโฉมใหม่จากโมเดลก่อนหน้าต่างทั้งดีไซน์ของชิ้นส่วนภายนอกและระบบอิเล็กทรอนิกส์ ฮอนด้าให้ชื่อว่าเป็น All New จุดเด่นคือมาในโทนสีดำกับคำต่อท้ายรุ่นว่า Black Edition เรามาดูกันก่อนเลยว่าโมเดล 2022 ให้อะไรมาบ้าง
เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยน้ำแบบ 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว 998 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 143.5 แรงม้าที่ 10,500 รอบ/นาที มีแรงบิดสูงสุด 104 นิวตันเมตรที่ 8,250 รอบ/นาที อัตราส่วนกำลังอัด 11.6:1 เครื่องยนต์มี Assist Slipper Clutch นอกจากนี้ชุดเกียร์ในโมเดลนี้ยังเปลี่ยนใหม่ด้วย
Quick Shifter
โมเดลนี้มีการติดตั้ง Quick Shifter มาให้ด้วยเลย แถมยังเป็นแบบทั้ง Up และ Down หรือได้ทั้งเพิ่มเกียร์และลดเกียร์ และยังปรับระดับของแรงกดได้ 3 ระดับด้วยนะ บางคนบอกไม่มีก็ไม่เป็นไร แต่เชื่อเถอะมีแล้วจะติดใจในความสะดวกรวมถึงฟีลลิ่งที่ได้มาด้วย
โหมดขี่และระบบอิเล็กทรอนิกส์
คันเร่งเป็น Throttle by Wire มีโหมดขี่ 4 โหมดคือ Sport , Normal , Rain และ User ในแต่ละโหมดจะมีระบบช่วยขี่ทำงานร่วมกันคือ Power(P) , Engine Brake Control (EB) , Traction Control หรือ Honda Selectable Torque Control (T) ทั้ง 3 ระบบจะให้ค่าการทำงานต่างกันตามโหมดขี่ที่เลือกใช้ แต่ในโหมด User สามารถปรับตั้งระดับการทำงานได้ด้วยตนเอง
จอ TFT เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้
เรือนไมล์เป็นจอ TFT ขนาด 5 นิ้ว เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านบลูทูธและสามารถสั่งงานด้วยเสียงได้ ผ่านแอปพลิเคชั่น Honda Road Sync กดสั่งการที่สวิตซ์แฮนด์ได้ สะดวกไม่ต้องละสายตาจากท้องถนน
ออฟชั่นเด่นประจำตัว
รหัส CB1000R เอกลักษณ์ของรุ่นก็ต้องเป็น ไฟกลม โปรอาร์ม แต่ในโมเดลล่าสุดนี้ไฟกลมเช่นเดิมแต่มีการออกแบบ Day Time Running Light ใหม่จะเป็นทรงหยดน้ำ ไฟส่องสว่างรอบคันเป็น LED และที่เด่นในโมเดลนี้คือสีดำทั้งคันแต่มีการตัดลายละเอียดด้วยชิ้นส่วนโลหะ กระบอกและแกนโช้คหน้าชุบดำ ล้อแม็กสีดำ ท่อไอเสียแบบ 4 ออก 1 ก็สีดำทั้งเส้น สมชื่อ Black Edition
ช่วงล่างแน่น
โช้คอัพหน้า Showa SFF-BP แบบ Upside Down แกนขนาด 43 มม. แกนชุบสีดำอย่างสวย ปรับ Spring preload, Rebound และ Compression โช้คอัพหลังเดี่ยวของ Showa ปรับ Spring preload และ Rebound Damping ได้
ดิสก์เบรกหน้าคู่ ขนาด 310 มม. คาลิปเปอร์ Tokico แบบเรเดียลเม้าท์ขนาด 4 ลูกสูบ ดิสก์เบรกหลังเดี่ยวขนาด 256 มม. คาลิปเปอร์ 1 ลูกสูบ มีระบบ ABS ทั้งหน้าและหลัง ยางหน้าขนาด 120/70-17 ยางหลังขนาด 190/55-17
ลองใช้งานกันหน่อย
อย่างแรกต้องบอกเลยว่าเป็นรถที่มีดีไซน์สวยเลยนะ เป็นความผสมผสานของรถรหัส CB ที่มีมายาวนานกับความทันสมัย พร้อมโปรอาร์มหลังที่เป็นอีกหนึ่งในเอกลักษณ์ของฮอนด้า ซึ่งเทคโนโลยี โปรมอาร์ม (Pro Arm) ก็เป็นฮอนด้าที่ร่วมกับ elf สร้างและบัญญัติชื่อเรียก “โปรอาร์ม” นี้ขึ้นมานั่นเอง
ดีไซน์ภายนอก รายละเอียดต่างๆ ต่างจากโมเดลก่อนหน้าพอสมควร ด้วยสีดำทั้งคันนอกจากความดุดัน ยังดูเพรียวกว่าเดิม มีแซมชิ้นส่วนที่โชว์ลายเสี้ยนโลหะทั่วคัน รวมถึงรายละเอียดอื่นๆ ที่ใส่มารอบคันประณีตงดงามมาก อ่อ มีจอ TFT ขนาด 5 นิ้วสวยและดูง่ายกว่าที่เป็น LED ในโมเดลก่อนหน้านะ
ผมได้ลองขี่ใช้งานในเมืองเป็นหลัก เครื่องยนต์ขนาด 1000 ซีซี เหลือเฟืออย่างไม่ต้องบอก แต่ความคล่องตัวสิที่ทำให้ประทับใจ เริ่มจากมุมมองเมื่อเราค่อมอยู่บนรถมิติไม่ต่างจากรถขนาด 650 น้องในตระกูล ให้ความกระชับกว่าด้วยซ้ำ อาจด้วยเพราะช่วงล่างที่แน่นกว่าทันสมัยกว่านั่นเอง เอาว่าให้ความคล่องตัวสูงมากถ้าต้องมาใช้งานในเมือง แต่ถ้าจะเลี้ยวมุมแคบๆ กลับรถยังทำได้ไม่ดีนัก ถึงหักแฮนด์สุดเอียงรถช่วยแล้ววงเลี้ยวยังต้องใช้รัศมีพอสมควร ซึ่งถ้าเทียบกับรถขนาดเดียวกันก็ไม่แปลกอะไร
การตอบสนองของเครื่องยนต์สมู้ทมากด้วยความที่เป็น 4 สูบเรียงด้วย คอนโทรลคันเร่งง่าย รอบต้น-กลางเด่นมาก แรงบิดมีใช้ใช้เหลือเฟือตั้งแต่รอบต่ำๆ เรียกกำลังเร่งแซงได้เฉียบขาด ช่วงล่างให้ฟีลลิ่งแน่นแต่ปรับได้ตามชอบนะทั้งหน้าหลังเลย ส่วนเบรกนั้นดีเลยล่ะ
หลังจากขี่ทั้งวันก็บอกได้ว่า รถมีท่าขี่ที่สบาย ไม่เมื่อยนัก ความร้อนมีมาโดนขาบ้างเป็นเรื่องปกติ การใช้งานในเมืองค่อนข้างดีเลยล่ะครับ และถ้าใช้เดินทางไกลด้วยขนาดรถไปได้สบายมาก แต่สไตล์ของรถทำให้ต้องปะทะลมอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถ้าใช้ความเร็วสูงบ่อยๆ ล้าแน่นอน
รวมถึงเบาะซ้อน (มีฝาครอบให้มาด้วย) ที่ดูแล้วต้องพากันพักปั้มบ่อยหน่อยนะครับ จริงๆก็เป็นเรื่องปกติของรถสไตล์นี้ทุกค่าย จะต่างกันก็อยู่ที่การดีไซน์รูปทรงเบาะและพักเท้าของแต่ละรุ่นแล้วล่ะครับ แต่โดยรวมไม่หนีกันนัก
2022 Honda CB1000R ราคา 599,000 บาท นำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งคัน
ถือเป็นรถที่มีความทันสมัย ที่โดดเด่นคือดีไซน์ที่หล่อมากมีความประญีตรอบคัน โปรอาร์มคือความพราวอีกอย่างของแบรนด์ฮอนด้า เป็นรถใช้งานได้ในทุกวัน เครื่องยนต์ให้พละกำลังสูงมากแต่คอนโทรลได้ง่าย สมู้ทเนียนเรียบ
มีความกระชับคล่องตัวไม่ต่างจากรถขนาดกลาง แต่ถ้าต้องการเร่งแรงก็โหดได้สมใจเหมือนกันนะอย่าเผลอเชียว นำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งคันเนียนกริ๊ปบอกเลย
รีวิว Honda Rebel 1100 เกียร์ DCT
คลิป รีวิว 2022 Honda Rebel 1100
รีวิว 2022 NC750X
คลิปรีวิว 2022 Honda NC750X
รีวิว NEW CBR500R กดเวลาที่สนามช้าง
รีวิว New CB500X โช้คกลับ ดิสก์คู่
คลิป รีวิว CRF1100L Africa Twin ทั้ง DCT และ MT
คลิป รีวิว CBR250RR SP