BMW R18 Transcontinental First Edition ชื่อเต็มๆ ของรถ Cruiser Tourer ขนาดใหญ่ที่สุด ออฟชั่นเยอะที่สุดของตระกูล R18 และใหญ่(หนัก)ที่สุดที่ BMW Motorrad เคยผลิตมา กับน้ำหนักตัว 427 กิโลกรัม สร้างมาเพื่อใคร ขี่ดีไหม มาดูกันเลย
Cruiser รหัส R18 ปัจจุบันที่มีจำหน่ายในไทยมีด้วยกัน 4 รุ่นแล้วคือ R18 First Edition , R18 Classic First Edition , R18 B First Edition และ R18 Transcontinental First Edition ที่เราได้มาทดสอบในครั้งนี้
ไฮไลท์ของรุ่น R18 คือเครื่องยนต์ Boxer 2 สูบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่ BMW Motorrad เคยผลิตมาและยังเป็นเอกลักษณ์ของตระกูล R ของรถมอเตอร์ไซค์ BMW และยังเปลือยเพลาขับให้เห็นการทำงานแบบเดียวกับ BMW R5 ในยุค ค.ศ. 30-40
เครื่องยนต์ Boxer 2 สูบ ขนาด 1,802 ซีซี มีกำลังสูงสุด 91 แรงม้าที่ 4,750 รอบ/นาที มีแรงบิด 158 นิวตันเมตรที่ 3,000 รอบ/นาที จุดเด่นคือการออกแบบให้ใช้แรงบิดระดับ 150 นิวตันเมตรขึ้นไปได้ตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ต่ำเพียง 2,000 รอบ/นาทีเท่านั้น แน่นอนว่ามันเหมาะสมที่จะใช้ฉุดรถไซส์ยักษ์หนักกว่าครึ่งตันแบบนี้ให้วิ่งฉิวได้อย่างเบาแรง
ออฟชั่นเยอะที่สุดในรุ่น
มาไล่ดูออฟชั่นของ Transcontinental กันก่อนเพราะให้มาเยอะที่สุดในรุ่น จากภายนอกก็เห็นได้ถึงความต่าง เริ่มจากกระเป๋าใส่สัมภาระที่ให้มาถึง 3 ใบ โดย Side Case หรือกระเป๋าข้างจะมีความจุ 27 ลิตร/ข้าง และ Top Case กระเป๋าหลังจะมีความจุ 48 ลิตร แต่ด้วยดีไซน์ทำให้สามารถใส่หมวกกันน็อคแบบ Full Face ได้เพียงใบเดียวนะครับ ใส่ 2 ใบไม่ได้
Transcontinental มีหน้ากากและชิลด์บังลมสูงใหญ่กว่ารุ่น R18 B มี Auxiliary LED head-lights ไฟส่องสว่างเพิ่มมาอีก 2 ดวงซ้ายขวา มี Air Flaps หรือคลีบข้างจัดกระแสลมที่มาปะทะและสามารถพับให้ลมผ่านได้ มี highway bars plus wind deflectors บังกระแสลมที่จะมาปะทะขาของผู้ขี่
มี Clash Bar ที่ยื่นออกมาพอดีกับระยะของเสื้อสูบและฝาสูบ ซึ่งเท่าที่ผมดูก็พอจะลุเทาความเสียหายได้บ้าง แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุจนลมล้มไถลไปจริงๆ ฝาสูบก็น่าโดนพื้นอยู่ดีครับ
กุญแจ Keyless นอกจากใช้สตาร์ทรถเมื่ออยู่ใกล้รถก็สามารถเปิดกล่องสัมภาระได้ทั้ง 3 ใบเลยนะ(แต่ล็อคไม่ให้เปิดกล่องได้แม้กุญแตอยู่ใกล้ที่สวิทซ์แฮนด์ด้านขวา) พร้อมระบบกันขโมย Anti Theft System และใช้ล็อคฝาถังน้ำมันเชื้อเพลิงได้ อ่อ! มี Heated Grip และ Seat Heating ให้ด้วยนะ
ระบบ Active Cruise Control และ Cruise Control
Active Cruise Control ระบบช่วยขี่ล่าสุดที่ถูกติดตั้งบนรถมอเตอร์ไซค์ BMW เพียง 2 รุ่นในปัจจุบัน คือ R18B และ R18Transcontinental ที่ผมได้มาทดสอบครั้งนี้ ก็ต้องลองกันหน่อย รถที่มีระบบนี้ที่หน้ารถจะมี Lidar Scan จับและวัดระยะห่างรถคันข้างหน้า
วิธีการใช้งานที่ผมลองใช้เองคือ กดตั้งความเร็วที่ Cruise Control ก่อน สมมุติที่ 80 กม./ชม และก็กดปุ่ม Active Cruise Control เพื่อจับเป้าหมายรถคันหน้า มีสัญลักษณ์ขึ้นให้เห็นบนจอ TFT โดยจะจับระยะห่างประมาณ 5-10+ เมตร (ผมกะเอาเองนะครับ) เมื่อระบบล็อคเป้าคันหน้าได้ รถจะตามความเร็วรถคันหน้าไปโดยรักษาระยะห่าตามที่ว่าไว้
เมื่อคันหน้าเร่งรถเราก็จะเร่งตาม เมื่อคันหน้าช้าลงรถเราก็จะช้าลงตามด้วย แต่ในกรณีคันหน้าเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ รถจะตามไปแค่ในระดับความเร็วที่เราตั้งไว้และระบบ Cruise Control ก็จะทำงานต่อคือรักษาระดับความเร็วตามที่เราตั้งไว้
ที่พิเศษอีกอย่างของระบบ Active Cruise Control คือเมื่อเจอทางโค้งรถก็จะอ่านได้ว่าข้างหน้าเป็นทางโค้ง รถจะรักษาระดับความเร็วให้เหมาะสมกับโค้งนั้นๆ ถ้าเป็นโค้งกว้างๆนะ หรือในโค้งที่แคบลงมาระบบจะลดความเร็วเพื่อให้เรามาทำหน้าที่บังคับคันเร่งเองเพื่อความปลอดภัย
Entertainment ชั้นดี
Transcontinental ให้ลำโพง Marshall Gold Series State 2 มีลำโพงติดตั้งทั้งหมด 6 จุด แยกเป็นซับวูฟเฟอร์ 2 จุด มีกำลัง 280 วัตต์ มีฟรอนท์เอนด์รวมกับหน้าจอ TFT ขนาด 10.25 นิ้วมีวิทยุบิลด์อินรับสัญญาณ FM AM ล็อคสถานีได้ และเลือกฟังวิทยุรวมถึงแอพพลิเคชั่นฟังเพลงต่างๆ ได้จากสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อกับหน้าจอ TFT เลือกเพลงและระดับความดังได้ที่จอยสติ๊กวงกลมที่แฮนด์ด้านซ้าย
การฟังเพลงในความเร็วสูงกว่า 150 กม./ชม. ก็ยังได้ยินเพลงและยังให้เสียงดีพอสมควรครับ ด้วยตัวรถมีหน้ากากบังลมขนาดใหญ่ทำให้เวทีเสียงไม่ถูกรบกวนจากแรงลมปะทะมากนัก รวมถึงเสียงของท่อและเครื่องยนต์ไม่ดัง ทำให้การฟังเพลงขณะขับขี่ให้ความสุนทรียะระดับนึงเลย แต่ถ้าให้เปรียบเทียบเสียงก็จะไม่ได้ดีอย่าง Marshall Stanmore 2 ที่หลายคนนอนฟังที่บ้านนะครับ ปัจจัยหลายอย่างมันต่างกัน
หน้าจอ TFT 10.25 นิ้วใหญ่ที่สุด ทำอะไรได้บ้าง
ใหญ่มากจริงๆๆ สำหรับหน้าจอ TFT ขนาด 10.25 นิ้ว มีหลายฟังก์ชั่น แสดงผลข้อมูลทุกอย่างที่นึกออกและนึกไม่ออกก็มี คือเยอะเกิน ฮ่า เช่น ข้อมูลตัวรถ บอกแรงดันลมยางแบบ Real Time เรดิโอ มีเดีย ระบบนำทาง การโทรรับ-วางสาย เซ็ตติ้งระบบต่างๆ ในรถ
หน้าจอเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่น BMW Motorrad Connected ใช้สำหรับระบบ Navigation หรือระบบนำทางได้ แต่ต้องโหลดแผนที่ของประเทศที่เราอยู่ลงไปในแอพฯ บนมือถือก่อน บนหน้าจอ TFT ถึงจะใช้งาน Navigation ได้
เมื่อเชื่อมต่อกับมือถือแล้วตัวแอพลิเคชั่นยังเก็บข้อมูลต่างๆ ของรถ อาทิ เส้นทางที่ใช้เดินทางจากจุดเริ่มขี่ จุดที่จอดทุกจุด ความเร็วสูงสุดที่ใช้ รอบเครื่องยนต์ มุมเอียงสูงสุดของรถที่เข้าโค้ง ฯลฯ โอย! สารพัดข้อมูลที่เราสามารถเรียกดูบนมือได้ตลอดเวลา
เรือนไมล์ Analog 4 ช่อง
นอกจากเรือนไมล์ TFT ที่บอกข้อมูลทุกอย่างแล้ว ยังให้เรือนไมล์อนาล็อกที่เป็นเข็มแบบดั้งเดิมมาด้วยไล่จากด้านซ้ายไปขวาคือ บอกปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง บอกความเร็ว บอกรอบเครื่อง และบอกปริมาณของกำลังของเครื่องยนต์ที่ใช้อยู่แบบ Real Time อันท้ายสุดนี่แปลกดี
ประโยชน์ก็เพื่อให้เราสามารถกะกำลังของเครื่องยนต์ได้ ว่าขณะนี้เหลือกำลังเท่าไหร่ จะแซงรถได้ไหม ต้องเชนเกียร์ช่วยไหม ซึ่งที่ผ่านมาทั้งหมดจะเป็นการกะคะเนเองของผู้ขี่จากประสบกาณ์ รอบเครื่องยนต์และตำแหน่งเกียร์
เกียร์ถอยหลัง
ตระกูล R18 ทุกรุ่นจะติดตั้งเกียร์ถอยหลังมาเป็นมาตรฐาน การใช้งานเหมือนกันคือ รถต้องอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง จากนั้นจึงโยกคันเกียร์ถอยหลังที่อยู่ใต้ที่นั่งคนขี่ฝั่งซ้ายของรถ จะขึ้น R (Reverse) บนเรือนไมล์ ก็กดที่ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ จะเป็นตัวส่งกำลังให้รถถอยหลัง แต่ต้องระวังหน่อยเพราะแรงกระชาสูง กอปรกับรถมีน้ำหนักรถที่เยอะ
Chassis หรือโครงสร้างใหม่
ทั้งรุ่น 18B และ Transcontinental มี Chassis หรือโครงสร้างที่ต่างจากรุ่น R18 และ Classic ด้วยเพราะมีขนาดและน้ำหนักตัวที่เยอะกว่า มีขนาดถังน้ำมันเชื้อเพลิง 24 ลิตรใหญ่กว่าเดิม มีการเสริมความแข็งแรงบริเวณคอรถและใต้ถังน้ำมันของโครงสร้าง มีองศาคอที่ต่างจากเดิม คือจะชันขึ้นเพื่อให้การควบคุมการเลี้ยวต่างๆ ยังคล่องตัว และยังมีพักเท้าใหม่ใหญ่เข้ากับรูปแบบรถ
ซึ่งจากการใช้งานใน กทม. ต้องเลี้ยวและลัดเลาะรถติดถือว่าทำได้ดีเลยนะ ถ้าเทียบกับขนาดและน้ำหนักรถ การกลับรถการยูเทิร์นก็สบายไม่น่าห่วงนัก แต่ก็ต้องมีทักษะการขี่รถบิ๊กไบค์บ้างถถึงจะดี ด้วยน้ำหนักรถที่หนักถึง 427 กิโลกรัมหนักมากบอกเลย
ระบบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยขี่ต่างๆ
มีโหมดขับขี่ 3 โหมด Rock Roll และ Rain เลือกได้ที่สวิทซ์แฮนด์ด้านซ้ายโดยไม่ต้องหยุดรถ มีระบบ Active Cruise Control, ระบบ Cruise Control, ระบบควบคุมการทรงตัวแบบอัตโนมัติ Automatic Stability Control (ASC), ระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อหลัง Dynamic Engine Brake Control (MSR), ระบบป้องกันรถกระชาก Anti-hopping Clutch, ระบบเบรค BMW Motorrad Full Integral ABS, มี Hill Start Control ช่วยการออกตัว, กุญแจ Keyless พร้อมระบบ Central Lock และระบบป้องกันโจรกรรม Anti theft System
ลองขี่กับระยะทางกว่า 900 กิโลเมตร
ผมทดลองขี่โดยใช้ออกทริปเดินทางไกลร่วมกับกลุ่มพี่ๆเพื่อนๆที่ขี่ด้วยด้วยกันเป็นเส้นทางจาก กทม. ไป หาดบ้านกรูด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทางไปกลับประมาณ 900 กิโลเมตร ซึ่งผมมีผู้ซ้อนและสัมภาระไปด้วย ทั้งหมดรวมกับน้ำหนักรถแล้วเกินครึ่งตันไปอีกเกือบร้อยกิโลกรัม
ด้วยขนาดและน้ำหนักตัวไม่ค่อยเหมาะนักในการใช้งานในเมืองหรือใน กทม. ตอนรถเยอะหรือติดนักแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไปไม่ได้เลย พอจะซอกแซกไปได้อยู่บ้าง จากประสบการณ์ตัวผมเองที่เคยขี่รถใหญ่แบบนี้ในเมืองไม่ว่าจะเป็น Goldwing , HD Road Glide หรือต่างสไตล์อย่าง R1200RT, GTR1400 , FJR1300 ฯลฯ
ถ้าเทียบขี่ตอนรถติดด้วยกันต้องบอกว่า Transcontinental จะเสียเปรียบตรงเสื้อสูบที่ยื่นออกไปด้านข้างที่เลี้ยวมุมแคบอาจไปชนกับรถยนต์ได้ รวมถึงถ้ามุดซ้ายต้องระวังความสูงของขอบฟุตบาทหรือแท่งปูนต่างๆ ที่เสื้อสูบอาจไปกระแทกได้ และก็น้ำหนักที่หนักกว่ามอเตอร์ไซค์ทุกรุ่นที่ผมเคยขี่มา แต่คันเร่งไฟฟ้ามีความสมู้ทรวมถึงแรงบิดในรอบต่ำที่ดี ทำให้การคุมคันเร่งในความเร็วต่ำๆ จะเลี้ยวจะมุดจะเร่งจะเบาทำได้ดีเลยล่ะครับ
แต่เมื่อออกสู่ไฮเวย์โล่งๆ ยาวๆ ความใหญ่โตและเทคโนโลยีที่มีก็สำแดงเดช รถให้ความนิ่งมากในความเร็วสูง ซึ่งผมทำความเร็วได้สูงสุดที่ 189 กม./ชม. มีคนซ้อนและสัมภาระ โหมดขับขี่ที่ผมชอบยังคงเป็นโหมด Rock ที่ให้อารมณ์ดิบการตอบสนองคันเร่งฉับไวเต็มกำลัง ขี่แล้วไม่ใช่นุ่มนวลซะทีเดียวยังแฝงอารมณ์ดิบในแบบครุยเซอร์พร้อมความเร้าใจ
ช่วงล่างให้ฟีลลิ่งแน่น โยนเข้าโค้งกว้างความเร็วสูงรถให้หายึดเกาะที่ดี เข้าโค้งได้ง่าย ขนาดและน้ำหนักแทบไม่มีผล แต่ถ้าโค้งแคบหรือโค้งพลิกไปมาต่อเนื้อก็ต้องช้าลงหน่อย เพราะขนาด น้ำหนัก และฐานล้อที่ยาวจะเข้ามามีผลในการควบคุมรถทันที แต่ก็เป็นธรรมดาของขนาดและสไตล์รถนะครับ จริงๆ รถยังไปได้พลิ้วเลี้ยวได้ง่ายอยู่นั่นแหล่ะ แต่มันไม่พลิ้วแบบ GS รถต่างสไตล์ หรือแบบ Goldwing ทัวร์เรอร์ต่างค่ายนะครับ ทั้งนี้ต้องอยู่ที่ทักษะของผู้ขี่แล้วล่ะครับ
ระบบเบรกทั้งหน้าหลังดีเด่นสมกับ BMW แต่ถ้าใช้ความเร็วสูง ต้องเผื่อระยะเบรกไกลหน่อย ด้วยน้ำหนักตัวรถที่เยอะแรงเฉื่อยก็มหาศาล กะระยะเบรกให้ไกลหน่อยอุ่นใจกว่า
BMW R18 Transcontinental ราคา 1,640,000 บาท
ต้องบอกว่า Transcontinental เป็นรถที่เหมาะกับการเดินทางไกล(ก็แหง๋ล่ะ) บนทางหลวงยาวๆ ขี่เพลิน ขี่สบาย แรงปะทะของลมมาถึงตัวคนขี่น้อยมาก คนซ้อนก็ซ้อนสบาย เทคโนโลยีให้มาเยอะถ้าเทียบกับรถในแบบเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน ระบบเครื่องเสียง สำหรับผมผมว่าเสียงดีใช้ได้เลยนะ ในความเร็วสูงยังฟังได้สบายๆ ช่วงล่างและระบบเบรกเชื่อใจได้เลย
การใช้งานในเมืองก็ได้อยู่นะครับแค่เข้าใจและไปช้างหน่อย ใจเย็นหน่อย ใช้ขี่ไปกินกาแฟไปโม้กับก๊วนตอนเช้ารถโล่งๆ หรือขี่เล่นตอนดึกๆ หล่อเลยล่ะ ทั้งนี้คนขี่อาจจะต้องมีทักษะในการขี่รถขนาดใหญ่รวมถึงถ้ากำลังขาดีจะทำให้มั่นใจขึ้นด้วย การเลี้ยวกลับรถหรือเลี้ยววงแคบต้องใช้บาล้านช่วยจะเบาแรงขึ้น ทั้งนี้รถแต่ละรุ่นก็ใช้จะดีหรือเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของทุกคน ไม่งั้นคงไม่มีรถหลากหลายรูปแบบออกมาให้เลือกใช้กันเยอะแยะขนาดนี้หรอกครับ
ข้อสังเกตุ คันเกียร์คันเบรกค่อนเล็กและอยู่เกือบจะใต้เสื้อสูบ ใครที่เท้าใหญ่หรือใส่รองเท้าหัวใหญ่จะแหย่ไม่เข้า ทำให้การเพิ่มหรือลดเกียร์รวมถึงใช้เบรกหลังไม่สะดวกนัก กล่องหลัง 48 ลิตรด้วยดีไซน์ทำให้ใส่หมวก Full Face ได้ใบเดียว แต่เทคโนโลยีของบานพับดีมากเปิดฝากล่องแล้วฝากล่องไม่ดันหมวกกันน็อคที่วางบนเบาะคนซ้อนให้หล่นพื้นแน่นอน
คลิปรีวิว R18 Transcontinental
บทความรีวิว BMW R18 First Edition
คลิป รีวิว BMW R18
คลิปรีวิว BMW F850GS
คลิป ริวิว F750GS
คลิปทดสอบ BMW R1250GSA คลิก
คลิป เรียน California Superbike School คลิก
บทความเรียน California Superbike ที่สนามช้างบนรถ S1000RR
ทดสอบ ขี่ BMW C400X ออกทริป คลิก
ทดสอบ 2019 BMW R1250GSA คลิก
ทดสอบ 2018 BMW F850GS / F750GS คลิก
คลิปทดสอบ BMW C400X คลิก