Aprilia SR GT 200 สกู๊ตเตอร์รุ่นแรกที่เข้ามาทำตลาดในไทย เป็นแบรนด์ระดับพรีเมี่ยมจากประเทศอิตาลีที่ล้ำสมัยทั้งในเรื่องเทคโนโลยี ดีไซน์ และในสนามแข่งขัน จะดีแค่ไหนถ้าทุกอย่างอยู่ในสกู๊ตเตอร์ที่ให้เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น
Aprilia แบรนด์รถจากอิตาลี ประเทศที่เป็นต้นกำเนิดรถระดับ Super Car หรือระดับ Exotic Car มากมาย Aprilia ก็คือแบรนด์ที่อยู่ใน Segment นั้น
ไม่เพียงแค่นั้นในการแข่งขันระดับโลก Aprilia ก็ไม่เป็นรองใคร มีดีกรีแชมป์โลกรายการ World Superbike หลายสมัย และในขณะที่ผมเขียนบทความนี้ Aprilia ก็กำลังลุ้นแชมป์โลกในรายการ MotoGP อยู่ด้วย
ดีไซน์ เทคโนโลยีที่ทันสมัย ความเร็วแรง ความพรีเมี่ยมที่เหนือกว่าของ Aprilia เป็น DNA ที่ถูกถ่ายทอดมายัง SR GT 200 สกู๊ตเตอร์พรีเมียมแบบเต็มๆ และครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 2 ที่ผมได้ลองขี่
ครั้งนี้จะลองขี่ในรูปแบบใช้งานจริง และยังได้มาถึง 2 คัน 2 รุ่นที่มีขาย มาดูกันเลยว่าทั้ง 2 รุ่นต่างกันตรงไหน และจะแจ่มขนาดไหน
2 รุ่นกับความแตกต่างกัน
Aprilia SR GT 200 มีขาย 2 รุ่น คือ SR GT 200 Sport กับ SR GT 200 ความต่างของทั้ง 2 รุ่นจะอยู่ที่ภายนอกล้วนๆ คือ 1 ลายกราฟฟิกหรือลายสติ๊กเกอร์บนตัวมรถ รุ่น Sport จะมีลายกราฟฟิกที่มีรายละเอียดมากกว่า ที่เด่นเลยคือกราฟฟิกตัว a สัญลักษณ์ของแบรนด์เหมือนที่มีใน Bigbike ของค่าย รวมถึงชื่อแบรนด์เต็มๆ ที่ใต้พักเท้า
2 เบาะนั่งทั้ง 2 รุ่นจะมี Texture ของหนังหุ้มต่างกัน มีการเดินด้ายแดงเหมือนกันแต่ต่างตำแหน่งกัน และในรุ่น Sport ยังได้หนังหุ้มแบบทูโทนสองสีด้วย
3 สีล้อแม็กในรุ่น Sport จะเป็นสีแดง ส่วนรุ่น Standard จะเป็นสีดำ
4 สีที่มีจำหน่าย ในรุ่น Sport จะมีให้เลือก 3 สี คือ สีแดง สีเหลือง และสีเทา ส่วนในรุ่น Standard หรือรุ่นธรรมดาจะมี 2 สี คือสีเทา และสีดำ
5 ราคาจำหน่ายต่างกัน 5,000 บาท รุ่น Sport ราคา 148,900 บาท รุ่น Standard หรือรุ่นธรรมดาราคา 143,900 บาท
ความต่างก็จะมี 5 ข้อที่ผมได้บอกไป ในส่วนอื่นๆ สเปคเครื่องยนต์ ช่วงล่าง ออฟชั่นรอบคันจะเหมือนกันทั้งหมดครับ
เหนือชั้น มีเอกลักษณ์ บอกตัวตนของผู้ใช้
ต้องบอกว่า Aprilia SR GT 200 เป็นสกู๊ตเตอร์ที่อยู่ในระดับสูงหรือในระดับพรีเมียม ด้วยชื่อแบรนด์ยี่ห้อ ด้วยดีไซน์ที่มีเส้นสายบอกความเป็น Italian design ไฟหน้า 3 ดวงที่ถูกส่งต่อมาจากตระกูล RSV4 รถ Superbike ตัวท็อปของโลก ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ทำให้ SR GT จึงสามารถบอกรสนิยมและตัวตนของคนที่เป็นเจ้าของได้ดี
ฟังก์ชั่น ออฟชั่นดี
มาไล่ดูออฟชั่นที่ติดรถมากันก่อน เริ่มจากไฟส่องสว่างรอบคันเป็น LED ไฟส่องป้ายทะเบียนด้วย เรือนไมล์ LCD ฟังก์ชั่นครบ เสริมระบบ Aprilia Mia สามารถเชื่อมต่อ Smart Phone ด้วยบลูทูธได้ ช่องเก็บของใต้เบาะใหญ่ถึง 25 ลิตร
ความปลอดภัยเรื่องกันขโมยด้วยกุญแจอีโมบิไลเซอร์ ช่องเก็บของที่คอนโซลด้านซ้ายมีซ็อกเก็ต USB A ให้ชาร์จมือถือหรืออุปกรณ์ภายนอก ดีไซน์พักเท้าผู้ขี่ 2 ระดับปรับเปลี่ยนท่าขี่ได้สะดวก
ไฟหน้า 3 ตาเป็นเอกลักษณ์ ท้ายสั้นสวยทันสมัย โช้คอัพ Showa เบรก Nissin พร้อมระบบ ABS ที่เบรกหน้า มีระบบ Start-Stop ที่ปิดหรือเปิดระบบได้ ช่วยเรื่องการประหยัดน้ำมัน มาเต็มอย่างเหนือชั้น
เครื่องยนต์ i-Get
เครื่องยนต์ i-Get สูบเดียว 4 จังหวะ 4 วาล์ว ขนาด 174.4 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 17 แรงม้าที่ 8,500 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูงสุดที่ 16.5 นิวตันเมตรที่ 7,000 รอบ/นาที พร้อมเทคโนโลยีทอร์คเซิฟเวอร์ ส่งกำลังด้วยระบบออโตเมติก CVT
ด้วยรหัส i-Get หลายคนคงจะคุ้นกันอยู่แล้ว เพราะเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่อยู่ในเวสป้า เพราะทั้ง Aprilia กลั Vespa อยู่ในเครือบริษัทเดียวกัน เทคโนโลยีจึงไม่หนีไปไหน และด้วยที่เครื่องยนต์ i-Get ถูกพัฒนามานานมากกว่า 10 ปี จึงไว้ใจได้ทั้งเรื่องเทคโนโลยี ทั้งเรื่องเพอร์ฟอร์แมนซ์ พละกำลัง ไปจนถึงการดูแลรักษาและเซอร์วิส
ช่วงล่างแบรนด์ระดับโลก
โช้คอัพหน้าเทเลสโคปิดขนาด 32 มม. มีระยะยุบที่ 122 มม. โช้คอัพหลังคู่ปรับสปริงพรีโหลดได้ 5 ระดับ โช้คอัพทั้งหน้าและหลังเป็นขอ Showa ดิสก์เบรกหน้าเป็น Wave Disc ขนาด 260 มม. ดิสก์หลังขนาด 220 มม. คาลิปเปอร์หน้า 2 ลูกสูบ ด้านหลัง 1 ลูกสูบ คาลิปเปอร์เป็นของ Nissin พร้อมระบบ ABS ที่เบรกหน้า
มาลอง Urban Adventure กันเลย
Aprilia SR GT 200 ถูกออกแบบมาในสไตล์ Urban Adventure ที่ผสมความเป็นสปอร์ตไว้ด้วย เป็นรถที่ใช้งานได้หลากหลายมาก ตรงตามคอนเซ็ปต์ Everyday Everywhere ครั้งแรกที่ผมได้ขี่ เป็นกิจกรรมที่จัดโดย Aprilia ให้ทดลองขี่ในสนามแข่งขันโกคาร์ท ที่มีจุดเด่นเรื่องโค้งแคบต่อเนื่องกัน
นอกจากนี้ทีมงานยังได้เพิ่มอุปสรรคเป็นเนินลูกระนาดไว้ด้วย จากการทดลองขี่ครั้งนั้นผมค่อนข้างประทับใจกับฟีลลิ่งของรถ ด้วยสไตล์ของรถที่ท้องรถค่อนข้างสูงแต่ก็สามารถพลิกเข้าโค้งได้คล่องตัว ช่วงล่างมีความยึดเกาะสูง รวมถึงเบรกที่ใช้งานหนักๆ ไว้ใจได้ดี
การออกมาใช้งานในเมืองก็เป็นเรื่องง่าย มีความคล่องตัว ระยะของแฮนด์ท่านั่งทำให้ควบคุมรถได้มั่นใจไม่เล็กและไม่ใหญ่ไป แต่คนที่มีความสูงต่ำกว่า 160 ซม. อาจต้องเขย่งหน่อย การเดี๋ยวเร่งเดี๋ยวหยุดในช่วงรถติดเครื่องยนต์ก็ให้กำลังต่อเนื่องลื่นไหล อัตราเร่งออกตัวจากไฟแดงก็ไม่เป็นรองใคร
ผมขี่ออกต่างจังหวัดในรูปแบบเดินทางท่องเที่ยวด้วยเวลาที่จำกัดจึงเลือกที่จะไป จ.ชลบุรี ไม่ไกลแต่ก็พอที่จะให้เห็นสมรรถนะของรถ ตั้งแต่เส้นทางที่ใช้เดินทางคือ ถ.เทพรัตน์ หรือ บางนา-ตราด ที่มีสภาพถนนไม่ดีนักและยัมีคอสะพานหลายจุด
ด้วยความเป็น Urban Adventure ช่วงล่างที่ให้มามีระยะยุบยืดคนตัวค่อนข้างเยอะและมีความหนืดที่พอเหมาะ ผ่านได้สบาย บางหลุมบนถนนไม่ทันหลบลงไปเต็มๆ รถก็ยังซัพพอร์ทให้การควบคุมได้ปลอดภัย ขึ้นคอสะพานท้ายรถก็ไม่ดีดนัก เร่งเครื่องเดินคันเร่งต่อได้เลยนะ
เครื่องยนต์มีกำลังและแรงบิดให้แซงรถบรรทุกได้มั่นใจ และบิดหมดคันเร่งแช่ต่อเนื่องหลายสิบกิโลเมตรกำลังก็ไม่ตก โดยความเร็วสูงสุดที่ผมทำได้คือ 129 กม./ชม. กับน้ำหนักตัว 82 กิโลกรัม ถือว่าดีเลยนะ ที่วางขาก็ช่วยปรับเปลี่ยนตำแหน่งเท้าช่วยผ่อนคลายได้
ความที่เป็นรถสไตล์ Urban Adventure เบรกที่มีระบบ ABS ที่เบรกหน้าอย่างเดียวนั้น เอื้อในการใช้งานในทาง Off Road จะสามารถใช้งานเบรกหลังได้เต็มที่ในเลี้ยวรถหรือการเปลี่ยนเส้นทาง ในขณะที่ใช้งานบนทางดำจะในเมืองหรือนอกเมืองทั้งเบรกหน้าและหลังก็เอาอยู่
Conclusion
อย่างที่ผมบอกในตอนต้นสำหรับราคา Aprilia SR GT 200 จะอยู่ที่ 143,900 บาทในรุ่นธรรมดา และราคา 148,900 บาทในรุ่น Sport ต่างกันอยู่ 5,000 บาท โดยราคานี้จะรวมภาษี ค่าจดทะเบียน ประกันรถหาย 1 ปี
และคนที่จองผ่าน www.apriliasrgtthailand.com จำนวน 500 คันแรกจะได้รับของที่ระลึก Aprilia SR GT Premium Kit มูลค่า 2,500 บาทไปด้วยครับ
แรง นุ่ม แน่น ด้วยดีไซน์และสมรรถนะความทันสมัยทำให้ Aprilia SR GT 200 สกู๊ตเตอร์พรีเมียม ใช้งานได้ทุกวันทุกเส้นทาง นี่คือ be a racer คอมมูนิคตี้ของนักขี่ที่มี DNA เดียวกันทั่วโลก
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติ่มได้ที่ https://www.facebook.com/OfficialApriliaThailand
ทดสอบ Aprilia RSV4 1100 Factory คลิก
aprilia RSV4 แต่ง WorldSBK สไตล์ คลิก
คลิปทดสอบ RSV1100 Factory คลิก
VESPA SPRINT 150 i-Get ABS สีแดงเข้มเมทัลลิก คลิก
คลิปทดสอบรีวิว คลิก
ทดสอบ รีวิว Vespa 300GTS คลิก