2021 Harley Davidson Low Rider S และ Fat Bob เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 114 ใหม่ล่าสุด และ Street Bob กับ Softail Standard ที่มากับเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 107 ทั้ง 4 รุ่น 4 ความต่างหัวใจ Milwaukee-Eight
เป็นการทดลองขี่ครั้งแรกสำหรับ Harley Davidson ตระกูล Softail โมเดล 2021 โดยกิจกรรมนี้ เพาเวอร์สเตชั่น หรือ ฮาร์ลี่ย์ เดวิดสัน พระราม 9 จัดให้สื่อมวลชนร่วมขี่รถฮาร์ลี่ย์ เดวิดสัน ปี 2021 ในรูปแบบทริปท่องเที่ยวเส้นทาง กทม. – แก่งกระจาน เส้นทางที่ครบรส สถานที่พักชั้นนำ ผมได้ลองขี่ถึง 4 รุ่น มาเริ่มกันที่ข้อมูลของเครื่องยนต์ทั้ง 2 ขนาดหัวใจหลักกันก่อนเลย
เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight
Milwaukee-Eight 114 เครื่องยนต์ที่เป็นพื้นฐานใหม่ของตระกูล Softail หรือ Cruiser ของฮาลี่ย์ เดวิดสัน เป็นเครื่องยนต์ V-Twin 45 องศา ขนาด 114 คิวบิกฯ หรือ 1,870 ซีซี 8 วาล์ว ให้แรงม้าที่ล้อหลังถึง 86 ตัว มีแรงบิดถึง 155 นิวตันเมตร ที่ 2,750 รอบ/นาที ทรงพลังมาก
Milwaukee-Eight 107 เครื่องยนต์ V-Twin 45 องศา ขนาด 107 คิวบิกฯ หรือ 1,750 ซีซี 8 วาล์ว ให้แรงบิด 144 นิวตันเมตรที่ 2,750 รอบ/นาที ทรงพลังไม่แพ้เครื่อง 114 เลยล่ะ
2021 Harley Davidson FAT BOB
รถรุ่นแรกที่ผมจับฉลากได้ขี่เป็นรุ่นแรกคือ 2021 Harley Davidson FAT BOB ใหม่กริ๊ปกับเลขไมล์เพียง 21 กิโลเมตรเท่านั้น เรียกได้ว่าผมเป็นมือแรกที่ได้ขี่กันยาวๆ เลย
FAT BOB ปี 2021 มากับเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 114 กับดีไซน์ภายนอกที่ดูจะออกแนว “เกรียน”ๆ ไฟเหลี่ยมๆ แฮนด์ตรง บั้นท้ายขนากใหญ่ๆ เปลือยๆ ปลายท่อคู่ยกเชิดเล็กน้อย วันรุ่นและออกแนว “ฮูลิแกน” มาก ประมาณสายสตั๊น ยกล้อ เบิร์นเอ๊าท์ นี่ใช่เลย
เริ่มสตาร์ทตั้งแสต่โชว์รูมฮาร์ลี่ เดวิดสัน พระราม 9 กับการจราจรที่หนาแน่นพอสมควร กับดีไซน์หรือรูปทรงของ FAT BOB ที่ผมกล่าวไปตอนต้นให้ความคล่องตัวได้ดีเลยล่ะครับ เครื่องยนต์นี่นิ่งๆ แน่นๆ เลย คุมรอบง่ายมาก แรงบิดมีให้ใช้ในรอบต่ำมากๆ ขี่ในภาวะรถติดง่ายกว่าที่คิดจริงๆ
ออกเส้นพระราม 2 ยาวๆ FAT BOB ยิ่งแสดงศักยภาพ เครื่องยนต์ที่เด่นในเรื่องพละกำลัง ผมใช้รอบเครื่องไม่ถึง 3,000 รอบกับความเร็ว 120 กม./ชม ที่เกียร์ 6 แบบลอยๆ เมื่อตกเร่งแซงก็เพิ่มคันเร่งได้เลย ไม่ต้องลดเกียร์แต่อย่างใด บางจังหวี่กดตามหัวขบวนรถพุ่งไปที่ความเร็ว 160 กม./ชม ได้รวดเร็วและขึ้นง่ายมาก ช่วงล่างแน่น เฟิร์ม ทั้งโค้งกว้างๆ หรือตกหลุมบ้างก็ไม่หวั่น ไม่เสียการควบคุมรถ
2021 Harley Davidson LOW RIDER S
Low Rider S เป็นรถรุ่นที่ 4 คันสุดท้ายที่ผมได้ลองขี่ในทริปนี้ แต่ขอพูดถึงก่อนเพราะมีเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 114 ขนาดเดียวกับ FAT BOB สำหรับ Low Rider S ผมขี่จากแยกวังมะนาว เข้า กทม. กลับสู่ โชว์รูม ฮาร์ลี่ย์ เดวิดสัน พระราม 9 การตอบสอนของเครื่องยนต์ 114 ไม่ต่างจาก FAT BOB แน่นแต่นุ่มนวล สั่นเบาๆ ตามสไตล์เครื่องยนต์รุ่นใหม่
เป็นอีกรุ่นที่ได้สัมผัสบนสภาพการจราจรที่หลากหลายทั้งโล่งและรถติดใน กทม. จากดีไซน์ของรถที่ดูมีขนาดค่อนข้างยาว แต่กลับให้ความคมในเวลาเลี้ยวที่ดีมากสำหรับรถครุยเซอร์แบบนี้ บังคับได้ง่าย ให้ความคล่องตัวสูงอีกรุ่นนึงเลย ใช้ทำความเร็วทางตรงยาวๆ ได้ดีอีกด้วยนะ โม่งเล็กๆ กับแฮนด์เดิ้ลบาร์ ท่านั่งต่างๆ ช่วยฝ่าแรงลมปะทะได้ดีพอสมควรเลย
ช่วงล่างของ Low Rider S เป็นอะไรที่น่าประทับใจ มุมองศาคอของโมเดล 2021 มีการปรับให้ชันขึ้นจากเดิมนิดหน่อยแต่ค่อนข้างเห็นผล ให้การเลี้ยวที่ง่าย และฉับไว คล่องตัว โดยไม่เสียความเสถียรในโค้งความเร็วสูงๆ หรือแม้แต่ขึ้น-ลงคอสะพานหรือรูดผิวทางที่ไม่ดี ช่วงล่างซับแรงกระทำต่างๆ พร้อมน้ำหนักของตัวรถได้อย่างมั่นคง โช้คหลังเดี่ยวใน Low Rider S ดูโล่งตา แต่มีประสิทธิภาพ และแน่นอนมันพลิ้วมากใน กทม. ขาเข้าในขณะที่รถติดๆ
2021 Harley Davidson STREET BOB
สำหรับ Street Bob ถือเป็นรุ่นที่ผมหมายตาไว้ตั้งแต่แรกเลย ด้วยเพราะชอบในดีไซน์เป็นการส่วนตัว รถดูเพรียวและวัยรุ่นมาก กับเครื่องยนต์ 107 ย่อมลงมาหน่อย การขี่ Street bob ผมขี่จากแยกวังมะนาว ไปถึงที่พักในแก่งกระจาน เส้นทางจะเป็นทางโล่งๆ และมีโค้งต่อเนื่องให้ได้ลองหลายโค้ง
พละกำลังของเครื่องยนต์ 107 เรียกได้ว่าหายห่วง ให้การตอบสนองไม่เร็วและแรงเท่า 114 ให้ความรู้สึกต่างกันอยู่ แต่ทำความเร็วหรือเร่งแซงยังคงใช้รอบเครื่องยนต์ที่ไม่สูงด้วยเพราะแรงบิดที่มีให้ใช้มากมาย ทางของฮาร์ลี่ย์เขาล่ะ ใช้งานสะดวกคล่องตัว
ด้วยแฮนด์ที่ค่อนข้างสูงออกแนว “ช็อปเปอร์” หรือ “ชูจักกะแร้” รวมถึงดีไซน์ของท่านั่ง ทำให้การขี่ทำความเร็วในการเดินทางไกลไม่สะดวกนัก ปะทะลมเต็มๆ ต้องเกร็งโต้ลมหนักมาก โค้งที่สลับไปมาซ้ายขวา ก็ต้องทำความคุ้นเคยกับท่าทางกันซักหน่อย และด้วยความสูงของแฮนด์ ความมั่นคงเมื่อต้องเจอกับสภาพเส้นทางที่ไม่ดีจึงต้องระวังบ้าง แต่ความหล่อนี่เกินจะทนจริงๆ
2021 Harley Davidson SOFTAIL STANDARD
และรุ่นนี้ก็ถือเป็นไฮไลท์ของผม ชอบเป็นการส่วนตัว(อีกแล้ว) ความพิเศษของรุ่นนี้คือความไม่มีอะไรเลย ฮ่าๆ เป็นความดิบที่พร้อมให้ไปคัสสตอมเพิ่ม แต่ผมชอบเดิมๆ แบบนี้จริงๆ ดีไซน์เดียวกับ Street Bob แต่ฮาร์ทแวร์ต่างๆ บนตัวรถจะใช้สีดำและโครมเมี่ยมตัดกัน ไม่มีดีเทลอะไรซับซ้อน มันคือเสน่ห์ของ Softail Standard เลยล่ะนะ
กับเครื่องยนต์ 107 ดีไซน์และเส้นทางที่ผมได้ลองขี่เป็นแบบเดียวกับ Street Bob ทุกอย่างจึงเหมือนกันในความรู้สึก แต่ลึกๆ ผมชอบรุ่นนี้มากกว่าเพราะความดิบของมันนี่ล่ะครับ หล่ออเมริกันจริงๆ พาลให้นึกถึงหนัง Harley Davidson and the Marlboro Man รถของตัวเอกที่ Custom ออกแนวเปลือยๆ และทำโครเมี่ยมทั้งคันนั่นล่ะครับ จิ๊กโก๋ดีจริงๆ
ก็ต้องบอกว่าประทับในทุกรุ่นที่ได้ขี่ ถ้าในเรื่อง Performance ก็ต้องยกให้ทั้ง FAT BOB และ LOW RIDER S ทั้งเครื่องยนต์ 114 และช่วงล่างพัฒนามาไกลจาก Harley ที่เคยรู้จัก ส่วน STREET BOB กับ SOFTAIL STANDARD ในมุมมองของผมทั้ง 2 รุ่นจะเด่นเรื่องดีไซน์ วัยรุ่นน่าจะชอบ เก๋าและจิ๊กโก๋มาก เรื่องประสิทธิภาพเครื่องยนต์ 107 ก็หายห่วงเพียงแต่ท่าขี่ทั้ง 2 รุ่นไม่เหมาะกับการเดินทางไกลเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ 2 รุ่นแรก
- 2021 Harley Davidson FAT BOB ราคา 979,000 บาท
- 2021 Harley Davidson LOW RIDER S ราคา 989,000 บาท
- 2021 Harley Davidson STREET BOB ราคา 849,000 บาท
- 2021 Harley Davidson SOFTAIL STANDARD ราคา 769,000 บาท
ชอบรุ่นไหน ไปลองได้ที่ เพาเวอร์สเตชั่น หรือโชว์รูม ฮาลี่ย์ เดวิดสัน พระราม 9 นอกจากรถจะมีให้ลองครบทุกรุ่นมีมากว่า 4 รุ่นที่ว่ามาแล้ว ทีมงานยังพร้อมบริการและให้ข้อมูลอย่างเต็มที่ไม่มีกั๊ก จัดไปวัยรุ่น
รีวิว CRF300L และ 300Rally คลิก
คลิปทดสอบ 2021 CBR600RR
คลิป ทดสอบรีวิว Honda CBR1000RRR SP เต็มๆ
รีวิว Honda CBR1000RR-R
รู้จักรหัส RR ของ CBR Series พิเศษขนาดไหน คลิก
Aprilia RSV4RF ตัวลิมิเต็ด โคลนจากรถแข่ง WorldSBK
Ducati Panigale V4 แต่งเต็ม ลงล่าแชมป์ SB2 ใน OR BRIC Superbike
รีวิว ทดสอบ Honda CBR250RR แบบเต็มๆ คลิก
คลิป รีวิว ทดสอบ CBR250RR คลิก
CBR400RR และ VFR400R ตำนานรถ 400 ซีซี คลิก
ทดสอบ รีวิว CBR Series คลิก