BMW F750GS รถ Adventure Touring ขนาดกลางจากตระกูล GS ถ้าเอ่ยถึง Adventure Touring ที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 ของโลกก็ต้อง GS นี่ล่ะครับ แน่นอนใครก็เป็นเจ้าของได้ไม่ยาก ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็น BMW ก็เถอะ!!
รถในตระกูล GS ของ BMW ในปัจจุบันจะนำโดย R1250GS พี่ใหญ่สุดที่สืบทอดตำนานและชื่อเสียงที่ดีมายาวนาน และรุ่นเล็กคือรหัส G310GS รถสูบเดียวที่มีความอเนกประสงค์ในการใช้งาน และพี่กลาง F750GS กับ F850GS ซึ่งพระเอกของเราในคอนเทนต์นี้คือ F750GS
เริ่มที่เครื่องยนต์ ผมต้องบอกก่อนว่ารหัส 750GS กับ 850GS จะใช้เครื่องยนต์เดียวกันนะครับ ความต่างของตัวเลขในรหัสรุ่นทั้ง 2 ไม่เกี่ยวกับปริมาตรหรือขนาดของเครื่องยนต์นัก แต่ก็บอกได้ว่านี่คือรถขนาดกลาง เครื่องยนต์ประมาณนี้
โดยทั้ง 750 และ 850 จะใช้เครื่องยนต์แบบ 2 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาด 853 ซีซี มีกำลังอัด 12.7:1 เหมือนกัน แต่จะต่างที่กำลังของเครื่องยนต์ ในรุ่น 750 จะมีกำลังสูงสุด 77 แรงม้าที่ 7,500 รอบ/นาที มีแรงบิดสูงสุด 83 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบ/นาที
ในขณะที่รุ่น 850 จะมีกำลัง 70 แรงม้าที่ 8,250 รอบ/นาที และแรงบิด 92 นิวตันเมตรที่ 6,250 รอบ/นาที ให้สังเกตุว่ากำลังที่มากกว่าก็จริง แต่ก็ต้องเรียกใช้รอบเครื่องยนต์สูงกว่าด้วย จุดนี้จึงเป็นอีกความต่างในด้านการใช้งาน!
ระบบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยขับขี่ขั้นพื้นฐาน
ในทีนี้คือจะมีระบบเบรก ABS ทั้งหน้าและหลัง และระบบ Traction Control หรือที่ทาง BMW เรียกว่าระบบ “ASC ระบบควบคุมเสถียรภาพอัตโนมัติ” ทั้ง 2 ระบบนี้สามารถ เปิด-ปิด การใช้งานได้ในปุ่มเดียวกันที่สวิทซ์แฮนด์ด้านซ้าย
มีโหมดการขับขี่มาให้ 2 โหมด คือ Road และ Rain เลือกได้ที่สวิทซ์แฮนด์ด้านขวา และเลือกได้ในขณะขับขี่ไม่ต้องจอดรถ ไฟส่องสว่างรอบคันเป็น LED เรือนไมล์ผสมผสานรวมอยู่ด้วยกัน วัดรอบจะเป็นแบบเข็มอนาล็อก ส่วนความเร็ว ตำแหน่งเกียร์ และข้อมูลอื่นๆ จะแสดงผลที่จอ LCD
เริ่มจากการใช้งานในเมือง
ผมรับ BMW F750GS จากย่านพระราม 3 ก็ได้ลองการขี่ใช้งานในเมืองที่มีการจราจรพลุกพล่าน (แม้จะอยู่ในช่วงโควิดก็ตาม) ความประทับใจแรกเลยก็ต้องยกให้กับเบาะนั่งที่ไม่สูงเลย ซึ่งตามสเป็คความสูงเบาะนั่งรุ่นนี้จะสูง 815 มม. ว่าเตี้ยแล้วนะ ยังมีชุด Lower kit กับความสูงเพียง 770 มม. เท่านั้น
ผมที่มีสูง 172 ซม. สามารถวางเท้าได้เต็มทั้งเท้า 2 ข้าง ยังคิดเลยว่าคันนี้ใส่ชุด Lower kit แล้วหรือเปล่า? คือเตี้ยดีจัง และความเตี้ยของเบาะนั่งจะมีประโยชน์มาก ผมจะเล่าให้อ่านกัน เบาะสามารถปรับได้สูงสุดที่ 830 มม. สำหรับคนที่ช่วงขายาวหน่อย
ด้วยความเป็นรถ Adventure Touring ที่มีแฮนด์กว้างและมีความสูงของรถมากกว่ารถทั่วๆ ไป แต่ยังให้ความคล่องตัวสูง อัตราเร่งดีงาม ผมว่าใช้งานในเมืองได้ทุกวันเลยนะ ช่วงล่างก็ลุยถนนปะๆ พังๆ ใน กทม.ได้ดีอีกซะด้วย
กดแป๊บเดียวถึงพัทยา
ด้วยสถานการณ์โควิด กับ พรก.ฉุกเฉิน ผมจึงไปไหนไม่สะดวกหรือได้ไม่ไกลนัก ผมจึงเลือกชลบุรีเป็นเส้นทางทดลองขี่ทางไกล ด้วยขนาดของรถไม่ต้องสงสัยเลยว่าเดินทางไกลได้ไหม บอกเลยว่าถ้ามีแรงขี่วันละพันกิโลเมตรหรือมากกว่า รถก็ไปได้สบายๆ
อย่างแรกที่จะบอกคือแรงบิดและอัตราเร่งดี การเร่งจากความเร็วต่ำทำได้ทันใจ ในขณะเดียวกันในขณะขี่ยืนพื้นราวๆ 120 – 130 กม./ชม. จะเร่งแซง ก็ทำได้โดยไม่ต้องลดเกียร์ แรงบิดที่มีสามารถพาแซงไปได้เลย ให้ความมั่นใจและความปลอดภัยในการเดินทางไกลอย่างมาก
ความเร็วปลายสามารถไปได้ถึง 190 กม./ชม. ยังไม่สุดนะ น่าจะไหลได้อีก แต่สภาพการจราจรไม่เอื้ออำนวย และที่จะมีติก็เรื่องชิลด์บังลมที่สั้นมาก สั้นจนติดเรือนไมล์ แทบไม่ช่วยเรื่องแรงปะทะของลมเมื่อต้องใช้ความเร็วสูงๆ (ชิล์ดสูงมีขายเป็นออฟชั่น) แต่ชิลด์สั้นจะมีประโยชน์ตอนยืนขี่ลุยในทาง Off Road ชิลด์จะไม่มากระแทกหน้าคนขี่แน่นอน ห่างไกลเยอะ
Off Road นิดหน่อย
อย่างที่บอกครับด้วยสถานการณ์เราไปไหนไม่ได้มาก ทาง Off Road ที่เราลองขี่จึงได้แค่พอกล้อมแกล้ม แต่ก็เป็นทางเบสิคที่หลายคนที่ขี่รถแนวนี้ต้องเจอ นั้นคือทางลูกรัง ทางกรวดหิน และกว่านั้นคือทางเลยทรายจากฝนที่ตกมาหลายวัน
และประโยชน์ของความสูงของเบาะที่ไม่สูง คือเมื่อต้องลุยในเส้นทาง Off Road ในทางทรายลึก หรือทางที่ลื่นมากๆ สามารถใช้เท้าทั้งสองช่วงพยุงรถ หรือช่วยพายออกจากอุปสรรคนั้นได้อย่างปลอดภัย อีกอย่างคือวางเท้าถึงพื้น ลดปัญหาพื้นหาย ไม่ล้มแปะตอนออกทริป หรือขี่เลาะรถติดในเมืองก็ง่ายขึ้นด้วยนะ
ช่วงล่างที่ติดมาคือ โช้คอัพหน้า Telescopic ขนาด 41 มม. โช้คอัพหลังเดี่ยว Central Spring strut ปรับความหนืดและการยุบตัวของสปริงได้ด้วยระบบไฮดรอลิค ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มอลูมิเนียม
ในทางดำหรือทาง On Road หนึบแน่นใช้ได้ โยกเปลี่ยนเลนโยกแซงเร็วๆ รถไม่ยวบย้วย เข้าโค้งก็ทำได้ดี ในทาง Off Road ตามโจทย์ที่ว่าก็ไม่ใช่ปัญหา การยุบยืดคืนตัวในเส้นทาง Off Road รถไม่เสียอาการ ทรงตัวเปิดคันเร่งได้ต่อเนื่อง
ปิดระบบ ABS และ ASC หรือ Traction Control ทักษะดี แล้วเล่นได้เลย แต่ยางเดิมติดรถลุยทาง Off Road ลื่นๆ ไม่ได้ ใคร Off Road บ่อย เปลี่ยนยางเท่านั้นครับ บอกเลย
สรุปหน่อย เหมาะกับใคร
F750GS รถ Adventure Touring ขนาดกลาง ที่ผมว่าเหมาะกับคนที่อยากเริ่มต้นกับรถประเภทนี้ซักคัน คุ้มค่า เหมาะกับมือใหม่รวมถึงสุภาพสตรี ที่ชอบ ด้วยความเตี้ยของเบาะ ด้วยกำลังของเครื่องยนต์ที่ไม่ “ดุ” ไป สามารถใช้แรงบิดในรอบต่ำได้สบายๆ คือไม่ต้องบิดเยอะ ไม่ต้องมีความเร็วนัก ด้วยความเป็น GS ก็จะได้ความ “Proud” ไปด้วย
BMW F750GS ราคาเริ่มต้นที่ 419,000 บาท
เป็นรถที่ขี่ง่าย ระบบช่วยเหลือขับขี่เรียกว่าเพียงพอต่อการใช้งาน ช่วงล่าง ระบบเบรกอันนี้ดีเป็นมาตรฐาน BMW รถที่มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ไม่ซับซ้อนนอกจากการดูแลรักษาต่ำแล้วยังถือว่าดิบ “มือเก๋า แรงดี” เอาไปเปลี่ยนยางใส่การ์ดลุย ออกทริป Off Road หนักๆ ได้เลย
ข้อสังเกต : ชิลด์หน้าสั้น ไม่เหมาะใช้ความเร็ว แต่มีชิลด์สูงขายเป็นออฟชั่น
: ขาตั้งกลางไม่มีมาให้ แต่มีขายเป็นออฟชั่นอีกนั่นแหล่ะ
ขอบคุณ : BMW Motorrad Thailand , ชุด REV’IT! หมวก Caberg จาก Panda Rider
คลิป ริวิว F750GS
บทความรีวิว BMW R18 First Edition
คลิป รีวิว BMW R18
คลิป เรียน California Superbike School คลิก
บทความเรียน California Superbike ที่สนามช้างบนรถ S1000RR
ทดสอบ ขี่ BMW C400X ออกทริป คลิก
ทดสอบ 2019 BMW R1250GSA คลิก
ทดสอบ 2018 BMW F850GS / F750GS คลิก
คลิปทดสอบ BMW R1250GSA คลิก
คลิปทดสอบ BMW C400X คลิก