Moto Guzzi V85TT รถ Adventure Touring ขนาดกลาง หรือจัดอยู่ในสาย Big Enduro ก็ว่าได้ มีเครื่องยนต์แบบ V 2 สูบ วางขวางตัวรถเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในโลก เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยและความคลาสสิกไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เป็น Classic Enduro ที่ให้การตอบสนองและให้การความคุมที่สนุกจนต้องร้อง ว้าววว!!
Moto Guzzi แบรนด์รถสไตล์คลาสสิคและครุยเซอร์ระดับพรีเมี่ยม ที่ทุกรุ่นจะใช้เครื่องยนต์แบบ V สองสูบวางขวาง โดยจะมีฝาสูบและเสื้อสูบยื่นออกมาให้เห็นเด่นชัดทั้งซ้ายขวาของตัวรถ เป็นเพียงยี่ห้อเดียวในปัจจุบันที่ใช้เครื่องยนต์แบบนี้จนเป็นเอกลักษณ์ไปแล้ว และใช้ระบบขับเคลื่อนขั้นสุดท้ายด้วยเพลาขับ ทางเทคนิคเพลาขับจะมีแนวหมุนที่ตรงกับการหมุนของเพลาข้อเหวี่ยง ทำให้สูญเสียแรงที่ส่งจากเครื่องยนต์ไปยังล้อหลังน้อย คล้ายกับการวางเครื่อง V ในรถยนต์นั่นล่ะ และ V85TT ก็ใช้เครื่องยนต์แบบนี้
V85TT (Tutto Terreno)
หลังจาก Moto Guzzi V85TT ได้เผยโฉมเปิดตัวให้เห็นในช่วงปลายปี 2017 ก็เปิดตัวเป็น New Model และส่งขายออกสู่ตลาดจริงๆ ในปี 2019 นี้เอง ซึ่งตัวย่อ TT ท้ายชื่อมาจาก Tutto Terreno เป็นภาษาอิตาเลี่ยน แปลว่า “ทุกภูมิประเทศ” อะไรประมาณนั้น
The Spirit of Exploration
บริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) จํากัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ Moto Guzzi ในประเทศไทย ได้รับหน้าที่จัดกิจกรรม The Spirit of Exploration ทดสอบขี่ Moto Guzzi V85TT ระดับเอเชียขึ้น โดยใช้เส้นทางใน จ. พังงา และ จ.ภูเก็ต ทั้งแบบ On Road และ Off Road ให้ลุยกันครบรส
Classic Enduro?
Moto Guzzi ระบบุว่า V85TT ของเขาคือรถในสไตล์ Classic Enduro ที่ขั้นอยู่ระหว่างรถ Dual Purpose (ล้อ 19-17) กับ Adventure Touring (ล้อ 21-18) นำจุดเด่นของทั้ง 2 สไตล์รวมเข้าด้วยกัน คือใช้งานในเมืองก็ได้ ใช้เดินทางไกลก็ดี ขี่บนทาง Off-Road ได้ มีคาแรคเตอร์ที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ และยังบอกอีกว่าเป็น Enduro ขนาดกลางรุ่นเดียวที่ใช้เพลาขับ!!
New Engine เครื่องยนต์ V 2 สูบ 8 แรงครึ่ง
มาดูข้อมูลเทคนิคกันก่อน เครื่องยนต์แบบ V- Twin ทำมุม 90 องศา วางขวางกับตัวรถ(Transverse) OHV 2 วาล์ว/สูบ (วาล์วไทเทเนี่ยม) มีก้านกระทุ้งวาล์วเป็นอลูมิเนียม ปริมาตร 853 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ โดยมีชุดปั้มน้ำมันเครื่องแบบโรเตอร์คู่ ช่วยในการปั้มน้ำมันเครื่องไปหล่อลื่นและระบายความร้อนของเครื่องยนต์ได้อย่างพอเพียง
เพลาคลัทช์มีแดมเปอร์ช่วยให้นุ่มนวลมากขึ้น จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีชุดลิ้นปีกผีเสื้อขนาด 52 มม. มีอัตรากำลังอัด 10.5:1 ให้กำลังสูงสุด 80 แรงม้าที่ 7,750 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูงสุดที่ 80 นิวตันเมตรที่ 5,000 รอบ/นาที เกียร์ 6 สปีด ขับเคลื่อนขั้นสุดท้ายด้วยเพลาขับ
เฟรมถักผสานเครื่องยนต์
เฟรมหรือโครงสร้างเป็นท่อเหล็กสาน High Resistance Steel Tubular Frame โดยเฟรมไม่มีเปลด้านล่าง จะใช้เครื่องยนต์ส่วนหนึ่งของเฟรมแทน ผลคือน้ำหนักน้อยลง ความสูงของเครื่องยนต์จากพื้นมีมากขึ้น มีระยะ Ground Clearance ที่ 210 มม.
โดยเฟรมยังคงความแข็งแกร่งในการใช้งานในทุกสภาพถนนได้อย่างดี และในส่วนของจุดยึดพักเท้าครอบรวมมาถึงจุดยึดสวิงอาร์มจะเป็นอลูมิเนียมหล่อ ในและพักเท้าผู้ขับขี่สามารถถอดยางพักเท้าออกได้เมื่อต้องการลุยหนักเพื่อป้องกันเท้าลื่นหลุดจากพักเท้านั่นเอง
ช่วงล่าง On Road ดีมาก Off Road ก็เฟี้ยว
โช้คอัพหน้าแบบ Upside down ขนาด 41 มม. มีระยุบที่ 170 มม. ขนาดไม่เล็กและไม่ใหญ่ไป ปรับสปริงพรีโหลดได้ โช้คอัพหลังเดี่ยวเชื่อมระหว่างเฟรมหรือทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม มีระยะยุบที่ 170 มม. ตัวโช้คติดตั้งอยู่บนเพลาขับด้านขวาของตัวรถ สามารถปรับสปริงพรีโหลดได้เช่นกัน โดยตำแหน่งของโช้คยังง่ายต่อการปรับตั้ง
ดิสก์เบรกหน้าคู่ขนาด 320 มม. คาลิปเปอร์เบรกหน้า Brembo ขนาด 4 ลูกสูบยึดแบบเรเดียลเม้าท์ ดิสก์เบรกหลังเดี่ยวขนาด 260 มม. กับคาลิปเปอร์ 2 ลูกสูบ ทั้งหน้าและหลังมีระบบ ABS ติดมาเป็นมาตรฐาน
ล้อเป็นแบบซี่ลวด โดยล้อหน้ามีขนาด 19 นิ้ว ยางขนาด 110/80 ล้อหลังขนาด 17 นิ้วพร้อมยางขนาด 150/70 ยังเป็นแบบมียางในอยู่ ความสูงของเบาะนั่งที่ 830 มม. ถังนำมันเชื้อเพลิงจุ 21 ลิตร (สำรอง 5 ลิตร) น้ำหนักตัวรวมของเหลว 229 กิโลกรัม
ระบบอิเล็กทรอนิกส์
ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ให้มาไม่มากและไม่น้อยเกินไป เพียงพอต่อการใช้งานมากๆ มีดังนี้
- คันเร่งไฟฟ้า Ride by Wire
- โหมดการขับขี่ 3 โหมด Rain, Road, Off-Road
- ระบบ Cruise Control
- ระบบ Traction Control (ปิดได้)
- ระบบ ABS (ปิดได้)
- เรือนไมล์ Multifunction เป็นจอ TFT ปรับแสงอัตโนมัติ
- ไฟหน้าและไฟเลี้ยว LED
- มีช่องเสียบ USB ข้างเรือนไมล์
- รองรับแอพพริเคชั่น Moto Guzzi MIA เชื่อต่อโทรศัพท์กับรถจักรยานยนต์ได้
3 โหมดขับขี่ 3 ความต่างให้เลือกใช้งาน
Road : ให้กำลังที่สมู้ทแต่ก็พร้อมให้มันส์ให้สนุกได้ทุกเวลา การทำงานของ MGTC (Moto Guzzi Traction Control) อยู่ในระดับกลาง การทำงานของ ABS เต็มระบบทั้งหน้าหลัง คันเร่งตอบสนองรวดเร็วฉับไว
Rain : เหมาะกับสถานการณ์ที่มีความยึดเกาะของถนนน้อย เช่นในเวลาฝนตก หรือขี่บนพื้นลื่นๆ การทำงานของ Traction Control อยู่ในระดับสูงสุด การควบคุมแรงของ ABS เป็นไปอย่างนุ่มนวลทั้งหน้าและหลัง
Off-Road : ระบบ Traction Control อยู่ในระดับต่ำสุด ระบบ ABS ทำงานเฉพาะเบรกหน้า(แต่ปิดได้) การตอบสนองของคันเร่งจะนุ่มนวลกว่าโหมด Road และมี Engine Brake มากขึ้น
มี 2 รุ่น 3 สี ต่างกันเล็กน้อย
สำหรับ Moto Guzzi V85TT มีด้วยกัน 2 รุ่นแบ่งตามสีคือ รุ่นสีเทา จะเป็นสีเทา Mototone เบาะนั่งจะเป็นหนังเรียบ และจะมียางติดรถเป็น Mezeler Tourance Next ยางที่เน้นไปทาง Road มากกว่า กับรุ่น Evocative Graphics จะมาในสี Two-Tone เหลือง/ขาว หรือแดง/ขาว กับเฟรมสีแดง เบาะนั่งหนังกลับบุเป็นรูพรุน และยางติดรถจะเป็น Michelin Anakee Adventure ที่เป็นแนว All Terrain หรือลุยได้มากกว่า
First Impression
ครั้งแรกที่ได้คร่อม Moto Guzzi V85TT ตำแหน่งท่านั่งให้ความรู้สึกดีเลยล่ะ ผมสูง 172 วางเท้าได้ 2 ข้างสบายๆ แฮนด์กว้างกำลังพอดี เบาะนั่งหนานุ่ม พักเท้าก็ไม่สูงหรือต่ำมากนัก การปรับโหมดขับขี่สามารถปรับเลือกได้ที่สวิทซ์แฮนด์โดยไม่ต้องจอดรถ แต่ทุกครั้งที่ปิดสวิทซ์กุญแจและเปิดใหม่ระบบจะรีเซ็ตมาที่โหมด Road เสมอ รวมถึงถ้าปิด ABS และ Traction Control ไว้ ก็จะเปิดพร้อมใช้งานเช่นกัน
ครั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก Mr. Gianluca Lozzi ผู้บริหาร บริษัท เวสปิอาริโอ(ประเทศไทย) จำกัด ร่วมขับขี่นำขบวนทดสอบ โดยเส้นทางการทดสอบ เป็นเส้นทางระหว่าง จ.ภูเก็ต และ จ.พังงา ในช่วงแรกจะเป็นทางเรียบ แรงเหวี่ยงออกข้างทั้งซ้าย-ขวา ตามการเคลื่อนตัวของลูกสูบในขณะสตาร์ท เป็นเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเครื่องยนต์แบบ V ขวาง ของ Moto Guzzi ผมชอบนะ มันดิบๆ ดี
รอบเครื่องถึงตำแหน่งเดินเบา แรงเหวี่ยงที่มีในตอนสตาร์ทก็หายไปเกือบหมด ตัวรถมีความนิ่งแน่นตามปกติ ลองขย่มโช้คหน้าโช้คหลังยุบให้ตัวนุ่มแน่นกำลังดี ด้วยตำแหน่งของท่าขี่และความสมู้ทของเครื่องยนต์ทำให้การปรับตัวเข้าหารถง่ายมาก คลัทช์มีความนุ่มมือเบาแรง ผมเริ่มขี่ออกไปด้วยโหมด Road แต่!! เพลาขับทำงานได้นุ่มนวล แต่การใช้ความเร็วในช่วงทางเรียบไม่ธรรมดานะครับ
ทะลุ 200 กม./ชม. แน่นอน
เราขี่กันประมาณ 120-140 กิโลเมตร/ชม. เครื่องยนต์ให้ความสมู้ทและเนียนเรียบสูงมากต่างจากที่ผมคิดไว้ก่อนได้ขี่ คันเร่งคุมง่ายและตอบสนองทันใจ มีบางช่วงที่ผมทิ้งระยะกับกลุ่มหน้าเพื่อได้ใช้อัตราเร่งในรอบสูงและความเร็วปลาย ผมกดคันเร่งในขณะความเร็วอยู่ที่ 120 กม./ชม. ในเกียร์ 5 ความเกรี้ยวกราดของเครื่องยนต์ V ขวางก็แสดงให้เห็น
ความเร็วพุ่งขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ผมสับเกียร์ 6 ส่งไปกับรอบเครื่องที่ไหลต่อ ไปถึง 179 กม./ชม. ในช่วงระยะสั้นๆ อัตราเร่งมีกำลังและเร้าใจแต่ไม่ใช่ในแบบรถสปอร์ต แต่ถ้าเป็นรถสไตล์เดียวกันถือว่าตอบสนองได้สนุก ถือเป็นจุดเด่นเลย และความเร็วปลายยังไม่หมดนะแต่ติดท้ายกลุ่มหน้าพอดี และเรือนไมล์ก็ได้บันทึก Top Speed ของเรา เพื่อเรียกดูทีหลังได้ด้วย
ช่วงล่างบนทางเรียบน่าประทับใจสุดๆ
ด้วยความเร็วที่ใช้ กับเส้นทางที่มีโค้งมากมาย โดยเฉพาะโค้งไฮสปิด Moto Guzzi V85TT ก็ได้แสดงให้เห็นถึงความหนึบ โค้ง “ปิ้งงู” ซ้าย-ขวาต่อเนื่องกันหลายสิบโค้งเข้าได้เนียนหนึบ เต็มคันเร่งในโค้งไฮสปีดหลายๆ โค้ง กับความเร็วมากกว่า 140 ยังแน่นหนึบไม่มีอาการใดๆ ให้ใจฝ่อ หลายช่วงของเส้นทางที่เป็นทางตัดผ่านหมู่บ้านมาคอสะพานดักอยู่หลายจุด ก็ซับแรงได้อย่างดีเยี่ยมรูดผ่านคอสะพานไปอย่างเนียนๆ และนี่ก็เป็นอีกจุดที่ผมประทับใจมากๆ
ลองลุย Off Road ดูบ้าง
เส้นทาง Off-Road เป็นทางไปบ่อน้ำพุร้อนปลายพู่ อ.กะปง จ.พังงา เป็นทาง Off-Road สั้นๆ แต่มีเวลาที่จุดนี้ให้เราได้ทดลองขี่วนผ่านอุปสรรคต่างๆ ในบริเวณนั้นได้ การยืนขี่บน V85TT ก็ยังให้ท่าขับขี่ที่ดี ช่วงขาหนีบไม่กว้าง กลับสร้างความกระชับได้อย่างดี คอนโทรลรถง่าย ช่วงล่างมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะยืนบิดคันเร่งรูดพื้นดินลูกรังผสมหินกรวดโดยไม่มีอาการเด้งหรือพาเสียอาการ แม้แต่กระโจนลงแอ่งน้ำที่มีหินขนาดกำปั้นกลิ้งได้อยู่ใต้ผืนน้ำ แต่ก็ต้องใช้ทักษะกันหน่อยอ่ะนะ
โหมด Off Road รถสามารถปิด Traction Control นำมาเล่น Power Slid ได้ หรือโดดข้ามเนินเล็กๆ ได้เลย ถ้าทักษะได้ น้ำหนัก 229 กิโลกรัม เป็นเรื่องปกติในรถไซส์นี้และไม่เป็นปัญหาใดๆ การควบคุมและกำลังเครื่องยนต์ยังให้ความสนุกได้ดี
ส่วนเรื่องน้ำหนักตัวนั้นเท่ากันหรือพอๆ กับรถในคลาส 800 – 850 ซีซี ค่ายอังกฤษและเยอรมัน ส่วนตัวพันจากญี่ปุ่นหนักกว่านิดหน่อย และบังโคลนหน้าที่ยกสูงให้ผมคิดเผื่อไปตามประสบการณ์ เป็นข้อดีเมื่อต้องลุยบนทางดินเหนียวหรือบนดินหลังฝนตก ตัดปัญหาเรื่องดินติดใต้บังโคลนหน้าจนทำให้ล้อล็อคตายไปได้เลย
ลุยทรายซุยๆ ยุบๆ บนชายหาด
หลังจากนั้นก็ไปลุยทรายบนชายหาดกันต่อ จุดนี้ผมไม่ได้ทดลองขี่ แต่ธรรมชาติรถ Adventure ที่มีน้ำหนักตัวเยอะๆ ก็ไม่ค่อยจะถูกโรคกับทรายซุยๆ บนชายหาดเท่าไหร่ นอกจากจะปั่นจมทรายแล้วยังดูดพลังคนขี่อย่างมหาศาล แต่ในจุดนี้ V85TT ได้แสดงให้เห็นถึงการระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ เมื่อต้องปั่นรอบสูงแบบรถแทบจะอยู่กับที่บนทรายร่วนๆ ความร้อนก็ยังไม่แสดงให้เห็นถึงจุดที่ฮีตหรือจุดที่จะเป็นอันตรายต่อเครื่องยนต์ ทั้งๆ ที่เครื่องยนต์ไม่มีระบบระบายความร้อนด้านนอกใดๆ เลยนอกจากครีบบริเวณเสื้อสูบ
Very Impressive ประทับใจเลยล่ะ
จากระยะทางและปัจจัยต่างๆ ของเส้นทางทดสอบ Moto Guzzi V85TT สร้างความประทับใจให้กับผมได้มาก โดยเฉพาะการขี่ในรูปแบบเดินทางไกล ด้วยท่านั้งที่สบาย เบาะหนานุ่ม ระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้าถึงและใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน ช่วงล่างหนึบจนน่าประทับใจ เหินคอสะพานไม่เสียอาการ กับเครื่องยนต์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์สูง ดีไซน์โดดเด่น …แต่ก็มีข้อสังเกตอยู่นะ ตามอ่านท้ายคอนเทนต์เลย
Moto Guzzi V85TT (โมโต กุซซี่ วี 85 ทีที) มี 3 สี 2 ราคา ได้แก่
- สีเทา Grigo Atacama ราคา 759,000 บาท
- สีเหลือง Giallo Sahara ราคา 779,000 บาท
- สีแดง Rosso Kalahari ราคา 779,000 บาท
ข้อสังเกต
- ขาตั้งคู่หรือ Center Stand ต้องซื้อเพิ่ม
- ไฟบอกเกียร์ที่เรือนไมล์ Lag หรือช้ากว่าตำแหน่งเกียร์ที่ใช้อยู่จริงในบางจังหวะ
- การเปลี่ยนโหมดขณะขับขี่บางครั้งไม่ได้ ต้องหาจังหวะ
- การปิด ABS และ Traction Control ต้องจอดรถ
- ล้อยางยังเป็นแบบใช้ยางใน
- ชิลด์บังลมสั้น บังลมปะทะตัวได้ แต่มีปะทะที่หมวกกันน็อค
Special Thank
- บริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) จํากัด
- ชุดขับขี่ REV’IT จาก Panda Rider
สัมภาษณ์ผู้บริหารพิอาจิโอ คลิกตรงนี้
ดูคลิปรีวิว Moto Guzzi V85TT คลิกตรงนี้
บทความทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของ www.motomotionthailand.com