MotoMotion ได้รับเชิญจาก BMW Motorrad Thailand ให้เป็นหนึ่งในสื่อมวลชนกลุ่มแรกของประเทศไทยเข้าร่วมทดสอบสมรรถนะของ 2019 BMW F850GS และ BMW F750GS ที่ จ.เพชรบุรี จะเป็นอย่างไรบ้างตามต่อกันเลย
งาน “รีวิว” ชิ้นนี้ ที่อาจต้องเรียกว่าเป็นงาน “พรีวิว” ซะมากกว่า เนื่องจากการขี่ทดสอบถูกจำกัดด้วยสภาพภูมิอากาศ เป็นช่วงพายุเข้าพอดี สายฝนจึงตกลงมาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย หลายพื้นที่ใน จ.เพชรบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถูกน้ำท่วมหนัก เส้นทางการขับขี่ในส่วนของ Off Road จึงต้องตัดออกไป รวมถึงรูทขับขี่ทางเรียบระยะทางประมาณร้อยกว่ากิโลเมตร แต่ต้องขี่ฝ่าสายฝนตลอดเวลา ผู้จัดงานและทีมมาแชลของ BMW Motorrad จึงต้องเน้นความปลอดภัยในการขับขี่เป็นหลักนั่นเอง การขับขี่จึงไม่ได้เน้นให้เค้นสมรรถนะ แต่ก็ยังให้รู้ถึงการทำงานของช่วงล่างและอัตราเร่งที่เปลี่ยนไปจากเดิม ผมจึงขอเขียนในรายละเอียดจำเพาะของทั้ง 2 รุ่นเยอะหน่อย เพราะมี “ของใหม่” อัดอยู่เพียบทั้ง 2 รุ่น
คุณลักษณะพิเศษของทั้ง F850GS และ F750GS
เครื่องยนต์ใหม่, เฟรมและแชสซีใหม่, ดีไซน์ใหม่, ระบบส่องสว่าง LED, คันเร่งไฟฟ้า Ride by Wire, โหมดการขับขี่ สูงสุด 5 โหมดการขับขี่, ระบบ Dynamic ESA ที่โช้คหลัง และ ถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 15 ลิตรใหม่ ทั้งตัวถังน้ำมันและฝาเติมอยู่ในตำแหน่งปกติ(ต่างจากรุ่นเดิม)
เครื่องยนต์ใหม่ พื้นฐานเดียวกันทั้ง 2 รุ่น
ทั้ง BMW F850GS และ F750GS มีพื้นฐานคือใช้เครื่องยนต์เดียวกันคือ เครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยน้ำ 2 สูบ แบบ Parallel Twin กระบอกสูบ x ช่วงชัก = 84 มม. x 77 มม. ปริมาตร 853 ซีซี DOHC 4 วาล์ว/สูบ เพลาข้อเหวี่ยงหมุนพาก้านและลูกสูบไปจุดระเบิดที่ 270/450 องศา จังหวะการดูด อัด ระเบิด คาย มีความถี่และเร้าใจมากขึ้น เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์รุ่นเดิม พร้อม Balance Shaft 2 ตัวที่หมุนสวนทางกับเครื่องยนต์(Counter rotating) ลดแรงสั่นเครื่องยนต์
- F850GS ให้กำลังสูงสุด 95 แรงม้าที่ 8,250 รอบ/นาที ให้แรงบิด 92 นิวตันเมตรที่ 6,250 รอบ/นาที
- F750GS ให้กำลังสูงสุด 77 แรงม้าที่ 7,500 รอบ/นาที ให้แรงบิด 83 นิวยตันเมตรที่ 6,000 รอบ/นาที
ที่ให้กำลังและแรงบิดต่างกันมาจากซอฟแวร์ที่เซ็ตค่าให้ตอบสนองการทำงานต่างกัน สัมพันธ์กับระบบอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ และช่วงล่างที่รองรับการใช้งานต่างกันออกไปของทั้ง 2 รุ่น ทั้งสองรุ่นมากับชุดเกียร์ 6 สปีด และ Slipper Clutch
2 รุ่นหลัก 3(4) รุ่นย่อย
การทดสอบครั้งนี้มีรถให้ทดสอบ 2 รุ่น แต่จริงๆ ที่ผมได้ทดสอบครั้งนี้แยกย่อยเป็น 3 รุ่น คือ F850GS รุ่น Exclusive , F750GS รุ่น Exclusive และ F750 รุ่น Standard โดยแต่ละรุ่นจะมีออฟชั่นที่รองรับการใช้งานต่างกันตามนี้ และยังมี F850GS รุ่น Standard ให้เลือกด้วยนะ
BMW F850GS Exclusive
เบาะนั่งมาตรฐานมีความสูง 860 มม., ระบบ Dynamic ESA ที่โช้คหลัง, มีการ์ดหม้อน้ำ, กุญแจ Keyless, Ride Modes PRO (Rain, Road, Dynamic, Enduro และ Enduro Pro), ระบบ DTC (Dynamic Traction Control), ABS Pro ระบบทำงานเมื่อใช้เบรกตอนเอียงรถ, วงล้อหน้าขนาด 21 นิ้ว หลัง 17 นิ้ว, มี RDC Tyre Pressure Monitoring System วัดแรงดันลมยาง, Multi Controller For Navigation เป็นจอยสติ๊กแบบหมุนติดตั้งอยู่ที่สวิทซ์แฮนด์ด้านซ้าย แต่ต้องใช้ร่วมกับ GPS ของ BMW โช้คอัพหน้าแบบ Upside down ล้อยางหน้าขนาด 90/90-21 หลังขนาด 150/70-17
BMW F750GS Exclusive
เบาะนั่งทรงต่ำ สูง 790 มม., ระบบ Dynamic ESA ที่โช้คหลัง, Ride Modes PRO (Rain, Road, Dynamic, Enduro) , ABS Pro, ระบบ DTC (Dynamic Traction Control), RDC Tyre Pressure Monitoring System วัดแรงดันลมยาง โช้คอัพหน้าแบบ Telescopic ล้อยางหน้าขนาด 110/80-19 หลัง 150/70-17
BMW 750GS Standard
เบาะนั่งทรงต่ำ สูงเพียง 770 มม., ช่วงล่างไม่สูง, Ride Modes (Rain Road), ABS, ASC Automatic Traction Control, RDC Tyre Pressure Monitoring System วัดแรงดันลมยาง โช้คอัพหน้าแบบ Telescopic ล้อยางหน้าขนาด 110/80-19 หลัง 150/70-17
ระบบ Dynamic ESA
ชื่อเต็มๆ คือ Dynamic Electronic Suspension Adjustment หรือช่วงล่างปรับไฟฟ้านั่นแหล่ะ ใน F850GS และ F750GS จะมีเซ็นเซอร์ที่โช้คหลังและเซ็นเซอร์จับความเอียงของรถ จะสั่งการทำงานไปโช้คหลังโดยมีกระบอกยาวๆ สีทอง เหน็บอยู่ที่ซับเฟรมด้านซ้ายของตัวรถทำหน้าที่เก็บและควบคุมแรงดันน้ำมันที่มีผลต่อ Compression และ Rebound เพื่อให้สัมพันธ์กับโหมดขับขี่ที่เราเลือกใช้และสภาพถนนที่เราจะขี่ไป และยังเลือก Preload ได้ว่าเราจะขี่แบบไหน ขี่คนเดียว ขี่คนเดียวพร้อมสัมภาระ และขี่แบบมีผู้ซ้อนท้าย แสดงผลบนเรือนไมล์ที่เป็นแบบ TFT
ทดสอบขี่ทั้ง 3 รุ่นกันหน่อย
การทดสอบครั้งนี้ได้ทีมมาแชลระดับโลก คนแรกคือ Mr.Tomm Woft ปรมาจารย์ที่ได้ชื่อว่าเป็น Mr. GS Trophy เพราะเป็นผู้ให้กำเนิดรายการยอดนิยมนี้นั่นเอง พร้อมกับ ครูไก๋ ครูเอก และครูเม้ง แห่ง Enduropark Thailand ที่คอยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถตลอดการทดสอบ ซึ่งการทดสอบของเราจะอยู่ในเงื่อนไขอย่างที่ผมกล่าวไปแล้วในตอนต้นของบทความ
ผมเริ่มที่ BMW F850GS Exclusive สัมผัสแรกคือความสูงของเบาะ สำหรับผมที่ความสูง 172 พร้อมรองเท้าบูทโมโตครอส ผมวางเท้าบนพื้นได้แค่ปลายเท้า ซึ่งเป็นเรื่องปกติและไม่เป็นปัญหาอะไรเมื่อเทียบกับ Big Enduro ด้วยกัน ถังน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่(แบบปกติเหมือนรถทั่วไป)ให้ความช่วงขาหนีบมีความกระชับได้อย่างดี ก็ต้องเข้าใจก่อนว่าเจ้า F850GS ทำมาเพื่อสู้ตลาด Adv. สายลุย ล้อหน้ายังให้มา 21 นิ้วเท่ากับรถเอ็นดูโร่ขนาด 250 ซีซี เลยนะ และยังติดตั้งระบบ Enduro PRO ไม่ต่างจากพี่ใหญ่ของค่าย ซึ่งการจะเข้าสู่โหมด Enduro PRO นี้ต้องทำการจอดรถและเสียบปลั๊กที่ซ่อนอยู่ใต้เบาะซะก่อน โดยมีเงื่อนไขอีกว่า F850GS ของคุณนั้นต้องใส่ยางหนามพร้อมที่จะลุย
ผมสตาร์ทเครื่องยนต์ แต่เอ๊ะ! Keyless แต่มีกุญแจเสียบอยู่? ซึ่งจุดที่กุญแจของตัวท็อปที่ผมจะขี่นี้เสียบอยู่คือที่แป้นสำหรับใส่ GPS(ต้องซื้อเพิ่ม) ของ BMW นั้นเอง ไม่มีไม่ใช้ก็ไม่เป็นไรรวมถึงตัวควบคุมที่เป็นจอยสติ๊กหมุนๆ ที่แฮนด์ด้านซ้ายก็ไม่ได้ใช้เช่นกัน แต่ถ้าใครอยากแต่งเต็มก็ต้องจัดซะนะ ที่พิเศษอีกก็คือฝาถังน้ำมันก็กดเปิดได้เลยไม่ต้องใช้กุญแจเสียบ ไม่ต้องควัก(กุญแจ)เข้าๆ ออกๆ เฟี้ยวเลย
เพียงขี่ออกไปจากจุดเริ่มก็รู้สึกถึงความเร้าใจ จะว่าต่างจากรุ่นเดิมไหม อันนี้จะเรียนตามตรงไม่ขี้โม้ว่าเกือบจะลืมฟิลลิ่งที่เคบขี่รุ่นเดิมไปแล้ว แต่ที่รู้สึกได้ชัดคือจังหวะการทำงานของเครื่องยนต์ที่เร้าใจขึ้นจริงๆ มีพลัง รู้สึกสนุก โหมดการขับขี่ที่เราขี่กันออกไปคือโหมด Rain เพราะสภาพอากาศของวันทดสอบ ที่ฝนตกตลอดเส้นทาง ในโหมด Rain ยังให้การตอบสนองที่เร้าใจดีทีเดียวเลยล่ะ ผมลองทิ้งช่วงจากขบวนแล้วกระแทกคันเร่งตามแบบสั้นๆ ระบบต่างๆ ผสานการทำงานช่วยโดยเราแทบไม่รู้สึกว่าอันตราย คือ ล้อไม่ฟรีทิ้ง รถมีความเสถียร และกำลังของเครื่องยนต์ก็เร่งไป “จอตูด” คันข้างหน้าได้ทันใจ คลัทช์ที่มี Slipper เบาแรงตั้งแต่ตอนใช้นิ้วเหนี่ยวก้านคลัทช์ และมั่นใจว่าทำงานได้ดีเพราะผมลองเชนรวบจากเกียร์ 5 ลงมาเกียร์ 2 บนผิวยางมะตอยที่ฉ่ำน้ำล้อก็ไม่ล็อคหรือปัด รวมถึงเบรกก็เบามือสั่งได้ ผมไม่ได้เบรกจนระบบ ABS ทำงาน(ABS Pro ก็ด้วย) แต่มีไว้ก็อุ่นใจ
เปลี่ยนมาที่ F750GS Standard โหหหห!! แค่คร่อมก็ต่างกันมากโข โดยเฉพาะในเรื่องความสูงของเบาะนั่ง เท้าทั้ง 2 ข้างของผมวางพื้นได้เต็มเท้า แถมเข่ายังงออีกด้วย “เตี้ยดีจัง” เหมาะกับคนร่างเล็กมีชาวงขาสั้นมากๆ รวมถึงสาวๆ ที่ชอบรถสไตล์นี้ และบอกจากประสบการณ์เลยว่า รถ Adv. เบาะเตี้ยไม่ใช่ว่าไม่ดี ถ้าลองได้เคยเข้าป่าโดยเฉพาะหน้าฝนนะ คุณสามารถใช้สกิล 2 ขาช่วยพายให้พ้นอุปสรรคได้อย่างดีเลยล่ะจะบอกให้!! ด้วยการขับขี่ระยะสั้นๆ และไม่เร็วมากการตอบสนองของเครื่องยนต์แทบไม่ต่างจาก F850GS ถึงตัวเลขข้อมูลจะน้อยกว่า จะให้รู้สึกต่างบ้างก็จะเป็นช่วงล่าง ที่ผมรู้สึกว่า F850 ให้ความรู้สึกอุ่นใจกว่านะ แม้ F750GS จะให้ล้อยางสำหรับทางเรียบเต็มรูปแบบก็ตาม อันนี้คือความรู้สึกส่วนตัวนะครับ ต้องไปลองขี่เองอาจจะชอบต่างจากผม
ปิดท้าย F750GS Exclusive ทั้งการตอบสนองเครื่องยนต์แทบไม่ต่างจาก F850GS อยู่ดี จะมีรู้สึกต่างก็คือช่วงล่าง และก็ยังบอกได้ว่าผมประทับใจกับช่วงล่างของ F850GS มากกว่าเป็นการส่วนตัวนั่นเอง
สรุปว่าแจ่ม เทคโนโลยีเพียบ ขี่สนุกได้ทั้งชายหญิง
จากปัจจัยด้านสภาพภูมิอากาศจึงทำให้ผมได้ทดสอบกับแบบคร่าวๆ ก็พอจะเป็นแนวทางให้เลือกได้ มีโอกาสคงได้พาไปลุยกันอีก และจากข้อมูลเครื่องยนต์พื้นฐานคือตัวเดียวกันทั้ง F850GS และ F750GS แต่การใช้งานทั่วไปแทบไม่ต่างกันด้านพละกำลัง แถมเครื่องยนต์ใหม่นี้ให้จังหวะการตอบสนองที่เร้าใจกว่าเดิมมาก ช่วงล่างแจ่ม ระบบอิเล็กทรอนิก BMW ก็ให้มาเต็มที่ แทบไม่ต่างจากพี่ใหญ่สาย GS โดย BMW F850GS มีราคา 575,000-615,00 บาท และ BMW F750GS ราคา 499,000 – 539,000 บาท แตกตามตามแต่รุ่นที่เลือก อยากให้ไปลองเองแล้วจะตัดสินใจไม่ยากครับ!!!
Special Thank : BMW Motorrad Thailand
: Enduro Park Thailand
