ฉายาว่า “Monster Machine” ตั้งแต่ยุคเปลี่ยนถ่ายจากเครื่องยนต์แบบคาร์บูเรเตอร์ มาเป็นเครื่องยนต์หัวฉีดอย่างในปัจจุบัน ไม่มีใครไม่รู้จักเจ้า Kawasaki ZX-12R Ninja ตัวนี้อย่างแน่นอน
กว่าจะมาเป็นเจ้า Kawasaki ZX-12R ตัวนี้ Kawasaki ก็เป็นที่รู้จักกันอยู่แล้วในบ้านเรา ด้วย รุ่น GPZ900 ตั้งแต่ปี 1984-1992 และมีการพัฒนามาเป็น ZX-10 ตั้งแต่ปี 1988-1990 ซึ่ง เจ้า ZX-10 รุ่นนี้เป็นรถแนว Sport Touring ต่างจากรุ่น ZX-10R หรือ ZX-10RR ในปัจจุบันที่เป็นรถ Super Sport
จากความสำเร็จของทั้ง GPZ900 และ ZX-10 ในยุค 90 ทาง Kawasaki จึงมีการพัฒนา โดยรวมจุดเด่นของทั้ง 2 รุ่นเข้าด้วยกันมาเป็นรุ่น ZZ-R1100 ซึ่งถือเป็นรถมอเตอร์ไซด์รุ่นแรกของโลกในยุค 90 ที่ทำความเร็วได้เกิน 300 กม./ชม. และมีการบันทึกลงใน Guinness World Records โดยมีสายการผลิตตั้งแต่ ปี 1990-2001
จากความสำเร็จของ ZZ-R1100 ทั้งแรมเดี่ยว แรมคู่ ในช่วงปี 1998 คู่แข่งอย่าง Honda ก็พัฒนาเจ้านกดำ CBR1100XX เข้ามาแข่งขัน โดยชูความเป็นรถที่มี Arrow Dynamics ที่ดีที่สุดเป็นจุดแข็ง แต่ก็ยังเป็นเครื่องยนต์แบบคาร์บูเรเตอร์อยู่ ซึ่งไม่นานทาง Suzuki ก้อส่งเจ้านกเหยี่่ยว Hayabusa GSXR1300 เข้าประชันทั้งในเรื่องของ Arrow Dynamics และความแรงของเครื่องยนต์ขนาด 1300cc. และเป็นระบบหัวฉีด ทำให้ทาง Kawasaki ต้องรีบพัฒนาเครื่องยนต์เป็นการด่วน
หลังจากโดนทั้ง Honda และ Suzuki แซงหน้าไป Kawasaki จึงมีการพัฒนาเครื่องยนต์แบบหัวฉีดขึ้นมา โดยเอาพื้นฐานเครื่องยนต์ใน ZX-9R ซึ่งถือเป็นรถ Sport ที่โดดเด่นในปี 1994-2004 มาเป็นต้นแบบ เพราะรถมีน้ำหนักที่เบากว่า ZZ-R1100 & ZZ-R1200 มาก แต่ก็ยังพัฒนามาให้อยู่ในรูปแบบของรถ Sport Touring เพื่อสู้กับค่ายคู่แข่ง จนออกมาเป็น Kawasaki ZX-12R Ninja ในปี 2000
หลังจากเปิดตัว Kawasaki ZX-12R ตัวแรกในปี 2000 ถือว่าสร้างความหือหาได้มากพอสมควร ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ขนาด 1199cc. In-Line Four ให้กำลังแรงม้าถึง 185 hp. ทำความเร็วได้กว่า 320 กม./ชม. พร้อมด้วยยาง หน้า 120/70-17 หลัง 200/50-17 ซึ่งทำให้มิติของรถดูใหญ่มาก ทั้งที่สร้างบนพื้นฐานจาก ZX-9R จากนั้นในปี 2001 ได้มีการเพิ่มสี และลาย Graphic ในบางสีที่จำหน่าย (ลายสายฟ้า) แต่เรือนไมล์ถูกปรับลงจาก 340 เป็น 280+ อย่างที่เห็นในหลาย ๆ รุ่นปัจจุบัน ด้วยเหตุผลทางกฏหมายของญี่ปุ่น
ต่อมาในปี 2002 Kawasaki ZX-12R ได้มีการปรับโฉมให้ดูโฉมเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นของ Gen 2 แต่ใช้พื้นฐานของตัวรถเดิม ช่วงล่างเดิม แต่มีการลดทอนความแรงลงเหลือ 178 hp. เพื่อให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น
Kawasaki ZX-12R ในปี 2003 ได้มีการปรับเปลี่ยนโดยเอาระบบ Double Overhead Cams/Twin Cam (DOHC) มาใช้ในการควบคุมการจ่ายน้ำมันให้ดีขึ้น โดยมีการเปลี่ยนสวิงอาร์มล้อหลังเป็นสีดำ เพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับตัวรถ
ในช่วงปี 2004-2006 เรียกได้ว่าเป็นการพัฒนา และเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้ายของ Model Kawasaki ZX-12R โดยมีการปรับเอาแฟรมแบบ Aluminum Monocoque มาใช้ เพื่อลดน้ำหนักของตัวรถลงจาก 215 กก. ใน Gen 1 เหลือ 210 กก. ใน Gen 2 ตั้งแต่ปี 2004 มีการเปลี่ยนระบบเบรคจาก Tokico 6 พอต เป็นแบบเรเดียลเม้าท์ 4 พอต ของ Tokico เช่นกัน ซึ่งตัวสุดท้ายของสายการผลิตเป็นปี 2006 หลังจากนั้นจะเริ่มเป็น ZX-14R, ZZR1400
ในช่วง 7 ปีของสายการผลิต เจ้า Kawasaki ZX-12R สร้างชื่อในฐานะเครื่องยนต์ปีศาจ ที่สร้างความน่าเกรงข้ามให้กับคู่แข่ง เนื่องจากพละกำลังของเครื่องยนต์ที่รุนแรง ถึงขนาดสาวกที่หลงไหลเอามันไปต่อยอดความแรงด้วยการใส่ไนตรัส ยืดสวิงอาร์ม เพื่อการแข่งขัน ซึ่งในเมืองไทยเองก็ยังมีเหล่าสาวกที่หลงไหลมันอยู่ ทั้งรูปโฉมที่ยังดูล้ำสมัย มีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนไม่เหมือนใคร จนกลายเป็นรถที่หาดูยากในปัจจุบัน และนี่แหละคือความเป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจของเจ้า Kawasaki ZX-12R Ninja ผู้น่าเกรงขามในอดีต
Kawaski ZX-25R รถ 4 สูบ 250 ซีซี ล่าสุดจากคาวาซากิ คลิก
คลิปทดสอบรีวิว คลิก