ฮอนด้าจัดกิจกรรมใหญ่ CBR Series Press Test Drive 2019 หรือ CBR Series Circuit Experience จัดให้สื่อมวลชนร่วมทดสอบรถสปอร์ตคลาส Bigbike ขนาด 500 ซีซี.ขึ้นไป ในรหัส CBR ทุกรุ่น ที่สนามช้างฯ จ.บุรีรัมย์ ประกอบด้วย CBR500R, CBR650R และ CBR1000RR SP
ในงานนี้ไฮไลท์คงหนีไม่พ้น All New Honda CBR650R ตาคู่โฉมล่าสุด ที่ฮอนด้าจัดให้ขี่ในสนามช้างฯ เป็นครั้งแรก ผมจะพูดถึง CBR ทั้ง 3 รุ่นแบบคร่าวๆ นะครับ ก่อนจะนำ CBR650R มาทดสอบและเขียนรีวิวให้ได้อ่านแบบเต็มๆ กันอีกครั้ง ในส่วนของบททดสอบ Honda CBR500R ก็คลิกตรงนี้อ่านกันได้เลย
Honda CBR500RR เล็กสุด Entry Level ที่ต้องการสัมผัส Bigbike
เป็นครั้งที่ 2 ที่ผมได้ทดสอบขี่ Honda CBR500RR ในสนามช้าง ยังเป็นรถที่เหมาะกับผู้เริ่มต้นขี่ Bigbike ทั้งชาย-หญิง หรือแม้แต่ผู้ที่มีประสบการณ์ขี่มานานแล้วอยากได้รถสปอร์ตไว้ใช้งานในทุกๆ วันก็เหมาะสม
การตอบสนองของเครื่องยนต์สมู้ท ไม่กระโชกโฮกฮาก รถมีความคล่องตัวสูงกว่า 4 สูบเมื่อใช้งานในเมือง มีระบบ ESS (Emergency Stop Signal) เมื่อเบรกหรือลดความเร็วเร็วที่เกิน 50 กม./ชม. ลงมาแบบกะทันหัน ไฟฉุกเฉินจะทำงานโดยอัตโนมัติ
อัตราการสิ้นเปลืองก็น้อยกว่า แฮนด์เปลี่ยนมาจับโช้คใต้แผงคอ ท่าขี่สปอร์ตขึ้น ควบคุมง่าย เบาแรง มี Assist Slipper Clutch ก็ยิ่งให้ความปลอดภัยและการควบคุมรถที่ดียิ่งขึ้น มี ABS หน้า-หลัง ที่ฮอนด้าปรับปรุงระบบให้ทำงานได้ดีขึ้นในทุกๆ ด้าน เท่ด้วยไฟ LED รอบคัน เรือนไมล์ LCD Multifunction สวยทันสมัย มีบอกตำแหน่งเกียร์ตัวใหญ่เห็นชัดไม่ต้องหลงงัดเกียร์ 7
All New Honda CBR500R ราคา 217,000 บาท มี 3 สีให้เลือกคือ Pearl Metalloid White (ขาว), Mat Axis Gray Metallic (ดำ) และ Grand Prix Red (แดง) คลิกอ่านข้อมูลและบททดสอบ CBR500RR ได้เลย
Honda CBR650R สปอร์ต 4 สูบไซส์กลางที่เปลี่ยนใหม่ทั้งหมด คุ้มค่าสุดในงบ 3 แสน
CBR650R โฉมใหม่นอกจากดีไซน์ที่มีความเป็นสปอร์ตมากขึ้นแล้ว เครื่องยนต์ยังใส่ Assist Slipper Clutch มาให้ คลัทช์จะจากกันเล็กน้อยเพื่อไม่ให้กำลังกำลังเครื่องยนต์หรือ Back Torque จาก Engine Brake ที่รุนแรงดึงล็อคล้อหลังไว้ในขณะเชนเกียร์ลงต่ำอย่างรวดเร็วในขณะรอบเครื่องยนต์สูงๆ
CBR650R ใหม่มี Air box ที่ใหญ่กว่าเดิมและเพิ่มเติมคือจะมีท่อ Ram Air ช่วยดักอากาศเข้าสู่หม้อกรองอากาศทำให้การดันอากาศลงสู่ระบบเผาไหม้ดีกว่าเดิม พร้อมกับหัวเทียนแบบใหม่ Iridium แบบเดียวกับ CBR1000RR จุดระเบิดได้รุนแรง รวมแล้วทำให้อัตราเร่งดีขึ้น ให้กำลังในรอบสูงรวมถึงความเร็วดีขึ้นชัดเจน
มีระบบ HSTC (Honda Selectable Torque Control) เป็นครั้งแรกของระบบนี้ในรถ 4 สูบ 650 ซีซี ป้องกันอาการ Overspin หรือล้อหมุนฟรีบนพื้นลื้นๆ หรือการเปิดออกจากโค้งแรงๆ หรือแม้แต่การยกล้อเมื่อต้องเปิดคันเร่งแรงๆ สามารถเปิด/ปิด ระบบได้ทุกเมื่อที่ต้องการแม้ในขณะขับขี่
โช้คอัพหน้าเปลี่ยนเป็นแบบ Upside Down ขนาด 41 มม. แบบเดียวกับที่ใช้ใน Honda X-ADV 750 เซ็ตมาแบบสปอร์ตเกาะและเข้าโค้งดีขึ้น คาลิเปอร์หน้าเปลี่ยนเป็นแบบเรเดียลเม้าท์ 4 ลูกสูบ จับกับจานดิสก์เบรกแบบลอยตัวขนาด 310 มม.พร้อมแม่ปั้มเบรกบน(มาสเตอร์ปั้มเบรก)มีขนาดใหญ่กว่าเดิม
ระบบ ESS (Emergency Stop Signal) เมื่อเบรกหรือลดความเร็วเร็วที่เกิน 50 กม./ชม. ลงมาแบบกะทันหัน ไฟฉุกเฉินจะทำงานโดยอัตโนมัติเช่นเดียวกับใน Honda Goldwing
แฮนด์ใหม่จับโช้คใต้แผงคอ ให้ความสปอร์ตมากขึ้น ล้อแม็กลายเดียวกับ Honda CBR1000RR เบาะแยก 2 ตอนเล่นระดับเล็กๆ ยังให้ความสบายของผู้ซ้อนท้ายได้ เดินทางไกลสบายๆ เป็นรถสปอรต์ที่เป็นสปอร์ตทัวร์ริ่งอยู่พอตัว
ในส่วนบททดสอบผมจะนำมาทดสอบและเขียนแยกให้อ่านกันในโอกาสต่อไป สำหรับ Honda CBR650R เปิดราคาที่ 320,000 บาท มีให้เลือก 3 สี
Honda CBR1000RR เรือธงสายสปอร์ตของฮฮนด้า พร้อมรหัส SP เวอร์ชั่นพิเศษเทคโนโลยีเพียบ
สำหรับ CBR1000RR และ CBR1000RR SP ผมมีโอกาสหวดเต็มๆ ในสนามช้างแล้วถึง 3 ครั้ง ในครั้งนี้ผมจึงเลือกที่จะขี่ CBR650R โฉมใหม่มากกว่า แต่ผมไม่พลาดที่จะเขียนบททดสอบของ Honda CBR1000RR และ CBR1000RR SP ให้ได้อ่านกันเต็มๆ แบบจุใจแน่นอน
และด้วยที่มีรหัส RR (Racing Reprica) ต่างจากรหัส R (Racing) ต่อท้าย CBR1000RR เป็นสปอร์ตเรพริก้าเต็มตัว รายละเอียดของเทคโนโลยีจึงมากมายเป็นพิเศษ (ถ้าในคลาสกลางของฮอนด้าก็คือ CBR600RR ซึ่งจะต่างและเหนือกว่า CBR650R ที่ได้ทดสอบนี้ คนละคลาสกันว่าง่ายๆ )
Honda CBR1000RR โฉมนี้เป็น Generation ที่ให้ระบบอิเล็กทรอนิกส์มาเยอะที่สุด สมใจสาวกค่ายปีกนกอาทิ กันสะเทือนไฟฟ้า Electronic Control Suspension, ระบบ Honda Selectable Torque Control (Traction Control) 9 ระดับ เปิด-ปิด ได้
ป้องกันล้อหน้ายก Wheelie Control, ป้องกันล้อหลังยก Real Life Control, เอ็นจิ้นเบรกเลือกได้ 3 ระดับ Selectable Engine Brake Control, ควบคุม ABS ในโค้ง Cornering ABS, เพิ่ม-ลดเกียร์โดยไม่ต้องกำคลัทช์ Quickshifter Up & Down
โหมดการขับขี่ Riding Mode Select System และ Power Selector สามารถเลือก Power, Torque Control, Engine Brake, Suspension ได้อิสระ ทำงานโดยมีศูนย์กลางคือ IMU (Inertial Measurement Unit) แบบ 5 แกน ร่วมกับ ECU ควบคุมการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ผสานคันเร่งไฟฟ้า Throttle by Wire (ครั้งแรกในรถที่มีเครื่องยนต์ 4 สูบเรียงของฮอนด้า)
ส่วนในตัว Honda CBR1000RR SP จะมีช่วงล่างทั้งระบบ โช้คอัพหน้าไฟฟ้า Ohlins NIX30 Smart EC (Electronic Control) ขนาด 43 มม. ปรับ preload, compression และ rebound โช้คอัพหลังไฟฟ้า Ohlins TTX36 Smart EC (Electronic Control) ปรับ preload, compression และ rebound คาลิปเปอร์หน้า Brembo Monobloc 4 ลูกสูบ Radial Mount จับกับดิสก์ขนาด 320 มม. เบรกหลังคาลิปเปอร์ Nissin กับดิสก์ขนาด 220 มม.พร้อมระบบ ABS
Honda CBR1000RR เปิดราคาที่ 643,000 บาท มี 2 สีให้เลือก ส่วน Honda CBR1000RR SP ราคา 779,000 บาท ของแน่นอย่างคุ้ม
เทคโนโลยีจาก Honda RC213V รถแข่ง MotoGP ดีกรีแชมป์โลกในปัจจุบัน
CBR Series ทั้ง 3 รุ่น ถูกถ่ายทอดเทคโนโลยีต่างๆ มาจาก Honda RC213V รถแข่ง MotoGP เช่น ระบบ Assist Slipper Clutch ที่มีใน CBR ทุกรุ่น ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ สำหรับการบททดสอบ Honda CBR650R และ Honda CBR1000RR SP ผมจะนำมา “เหลา” ให้ได้อ่านกันโดยละเอียดอย่างแน่นอน ติดตามได้ที่ MotoMotion แห่งนี้ครับ
Special Thank : บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด, Honda Bigbike Excites The World, Honda Bigwing