2022 BMW R1250RT รถทัวริ่งขนาดใหญ่สุดของตระกูล R ที่มีเครื่องยนต์แบบ Boxer ขนาด 1250 ซีซี ที่ถือว่าเป็น RT ที่เป็น Gen 2 แล้วที่ใช้เครื่องยนต์ลูกนี้ กับการอัพดีไซน์และเทคโลโลยีชุดใหญ่เข้าไป มันจะเลิศขนาดไหนมาดู
ย้อนไปหน่อยกับรหัส RT
รหัส RT เป็นรหัสที่บอกว่าเป็นรถ Touring ท็อปสุดของเครื่องยนต์ Boxer รหัส RT เริ่มมาตั้งแต่รุ่น R100RT ? ซึ่งผมก็ไม่ทันหรอกครับ ขอข้ามไปเลยแล้วกัน ผมมาทันรุ่น R1100RT ที่ออกมาเมื่อช่วงปี ค.ศ. 1996 แต่ก็ยังย้อนไกลไปอีก งั้นข้ามไปเลย!
ซึ่งในรถสไตล์ทัวริ่งแบบนื้ทาง BMW ก็ยังมีในรหัส K ที่จะใช้เครื่องยนต์สูบเรียงมีทั้งแบบ 4 สูบและท็อปสุดก็ 6 สูบ รุ่นที่เป็นเรือธงก็คือ K1600GT และจะมีรุ่นย่อยตามชื่อรหัสต่อท้ายไปอีก อ่ะ! คนละรุ่นขอข้ามไปเลยเหมือนกัน
กลับมาที่พระเอกของเราต่อ R1250RT ปี 2022 โมเดลล่าสุดที่เรานำมาทดสอบกันครั้งนี้ ผมถือว่าเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 ที่ใช้เครื่องยนต์ 1250 ที่มีระบบ Shift Cam ซึ่งก่อนหน้านี้ในเจนเนอเรชั่นที่ 1 ก็เป็นเครื่องยนต์เดียวกันนี้ แต่จะต่างที่เทคโนโลยีและดีไซน์ภายนอก
ภายนอกที่ชัดเจนที่สุดก็คือดีไซน์ของไฟหน้า ไฟหน้าและดีไซน์ทั้งคันของเจนเนอเรชั่นที่ 1 จะเหมือนกับรหัส R1200RT (เครื่อง 1200) โดยไฟหน้าที่เป็นโคมรวมขนาดใหญ่เหมือนกับ K1600 ด้วยนะ และด้วยดีไซน์ไฟหน้าแบบนี้เองจึงได้ชื่อว่า “นกฮูก” ส่วนในเจนเนอเรชั่นที่ 2 นี้ไฟส่องสว่างรอบคันก็เป็น LED ทั้งคันแล้ว
รีวิวกันเลย สเปคไว้ที่หลัง
ผมเอา R1250RT เดินทางร่วมทริปกับกลุ่ม ZX14 Thailand ขี่จาก กทม. โดยมีจุดหมายคือเขาค้อและทางหลวงหมายเลข 12 หนึ่งในสถานที่ยอดนิยมของเหล่ามอเตอร์ไซค์ กับเส้นทางและกลุ่มที่ร่วมเดินทางไปด้วยเราจะได้ทดลองสมรรถนะของ R1250RT ได้แบบเต็มๆ แน่นอน
เริ่มที่ท่านั่งก่อนเลย ท่านั่งเป็นแบบหลังตรง Upright Position ให้ความสบายตามสไตล์ของรถ ถังน้ำมันใหญ่แต่บริขาหนีบก็ไม่ใหญ่เกินไปนัก รวมถึงเบาะนั่งดีไซน์ช่วงขาหนีบแคบเข้ามารับกับถังน้ำมัน ผลคือทำให้ขาเราไม่กางมาก ผมมีความสูง 172 cm. วางเท้า 2 เท้าพร้อมกันได้เกือบเต็มเท้า
ชิลด์บังลมหน้าขนาดใหญ่ปรับไฟฟ้า ปรับได้ที่สวิตซ์แฮนด์ด้านซ้าย ปรับสูงสุดบังลมได้มิด ตัวชิลด์บังลมไม่หลอกตา มองผ่านได้สบาย ปรับต่ำสุดให้ลมผ่านได้ ใช้ขี่รับลมที่ความเร็วต่ำหรือขี่ใช้ในเมือง แต่ถึงจะปรับต่ำสุดตัวชิลด์ก็ยังบังลมได้เยอะเพราะขนาดที่ใหญ่นั่นเอง
มีช่องเก็บของซ้ายขวาของคอนโซล ด้านขวาจะมีที่ชาร์จมือถือแบบ Wifi Charger และแบบ USB Type A มาให้ ใส่มือถือเข้าไปได้เลย แต่ถ้ากรอบมือถือมีขนาดใหญ่ต้องถอดออกก่อนไม่งั้นใส่เข้าไปในช่องนี้ไม่ได้แน่นอน
ถัดลงมาด้านซ้ายของคอนโซลมีปุ่ม 4 ปุ่มเป็น Key ลัด ให้เราตั้งเป็นปุ่มลัดสำหรับระบบที่เราใช้เป็นประจำได้ ด้านขวามีที่ชาร์จกลมแบบหัวชาร์จในรถยนต์ Car Charger ให้ 1 จุด
โดยรวมคอนโซลหน้ารถทั้งหมดให้ความหรูหรา ใหญ่โต หล่อมาก กระจกหรือชิลด์บังลมไม่หลอกตา นั่งขี่ได้ทุกย่านความเร็วของรถโดยไม่ต้องหมอบ สบายทั้งคนขี่และคนซ้อน อ่อ! มีระบบ Heat Grip และ Heat Seat ทั้งคนขี่คนซ้อนด้วย
เรือนไมล์ TFT 10.25 นิ้ว แบบเดียวกับในรถยนต์ BMW
เรือนไมล์เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีใหม่ที่ให้มา เป็น TFT มัลติฟังก์ชั่นขนาด 10.25 นิ้วใหญ่เต็มตา การใช้งานผมค่อนข้างคุ้นชินเพราะก่อนหน้านี้ได้ใช้งานของ R18 Transcontinental มา ซึ่งดีเทลการสั่งงานเหมือนกันเป๊ะ และต้องบอกว่าใช้งานง่ายมาก การเข้าถึงเมนูต่างๆ ก็ง่าย มีให้เลือกเป็นภาษาไทยด้วย ผมล่ะชอบมากจริงๆ
แต่ถ้าขี่กลางแดดจัดๆ เงาสะท้อนของแสงทำให้หน้าจอมองยากนิดนึงแม้จะปรับความสว่าง 100% แล้ว (ผมใส่หมวกกันน็อคชิลด์ดำด้วย) ด้วยมุมและองศาติดตั้งจอ TFT ที่ต่างจากที่อยู่ใน R18 ด้วย ส่วนตัวผมรู้สึกว่าจอของ R18 Trans มองเห็นได้ชัดกว่าในสภาพแสงที่ใกล้เคียงกัน แม้จะเป็นจอรุ่นเดียวกันก็ตาม
ภาครับวิทยุที่ตัวรถค่อนข้างดี รับได้ชัดเจน แต่ถ้าออกนอก กทม. ก็เปลี่ยนมาเชื่อมต่อกับแอพในมือถือฟังต่อได้ไม่มีปัญหา ลำโพงมี 2 ข้างซ้ายขวาที่แผงคอนโซล ให้เสียงพอใช้ได้ไม่ดีเท่าในรุ่น R18 Transcontinental คือฟังแก้เหงาได้ แต่ถ้าใช้ความเร็วจะไม่ค่อยได้ยิน ถ้าปรับชิลด์บังลมขึ้นสูงสุดก็พอช่วยได้นิดหน่อย โดยรวมฟังเพลินๆ แก้เหงาได้
มาดูฟังก์ชั่นบนเรือนไมล์กันหน่อย
กดปุ่มเปิดการทำงานของรถ เรือนไมล์จะโชว์กราฟฟิกเริ่มต้นเป็นวัดรอบแบบเต็มหน้าจอ การเลื่อนหรือเลือกเมนูการทำงานของหน้าจอและเลือกฟังก์ชั่นจะใช้สวิตซ์กับวงแหวน Joy Stick ที่แฮนด์ด้านซ้าย
ฟังก์ชั่นที่ให้เลือกใช้และแสดงบนจอบอกเลยว่าเพียบ บอกข้อมูลของรถและประวัติการใช้รถอย่างละเอียด ระบบ Multimedia การฟังเพลงด้วยวิทยุโดยภาครับของตัวรถหรือเชื่อมต่อฟังจากแอพลิเคชั่นบนมือถือ มีระบบ Navigator นำทาง การเชื่อมต่อ การเซ็ตระบบอิเล็กทรอนิกส์บนตัวรถ และเราสามารถกดให้หน้าจอแสดงผล 2 หน้าจอพร้อมกันได้
ระบบ Navigation นำทางเหมือน Google Map
ระบบ Navigator นำทางจะขึ้นแผนที่แบบ Real Time แบบเดียวกับ Google Map แต่การใช้งานต้องเชื่อมต่อกับแอพลิเคชั่น BMW Motorrad Connected บนมือถือ และต้องอัพโหลดแผนที่ประเทศไทยที่แบ่งเป็นภาคเข้ามาในแอพก่อน ซึ่งนอกจากแผนที่ประเทศไทยก็มีที่อื่นๆ ด้วยนะ แล้วแต่เราจะเลือก
มีให้ตั้งมาร์คจุดในแผนที่ให้ระบบนำทางได้ว่าจะเดินทางจากจุดไหนไปจุดไหน และแอพลิเคชั่นก็จะเก็บข้อมูลการเดินทางทุกวันให้ด้วยแม้ไม่ได้ใช้ระบบนำทาง นอกจากจะนำทางแบบ Google Map ยังมีบอกแบบ Turn by Turn บอกจุดเลี้ยวทุกจุดควบคู่กันไปด้วย
แอพลิเคชั่น BMW Motorrad Connected
แอพนี้โหลดฟรีนะครับได้ทั้ง IOS และ Android ในแอพจะเก็บข้อมูลของรถทุกอย่าง เรียกดูได้ตลอดเวลา เก็บข้อมูลระหว่างทริป ทั้งระยะทาง ความเร็วที่ใช้ มุมเอียง ระยะทางขี่แต่ละจุด แผนที่ มีบอกทั้งหมด ผมเองยังไม่มี BMW เป็นของตัวเองได้เชื่อมต่อกับรถที่มีเทคโนโลยีเยอะๆ ก็ดูเพลินดีครับ ในทริปเดียวกันเส้นทางเดียวกันเปิดมาขิงกับเพื่อนร่วมทริปก็ได้ ว่าข้อมูลขี่ในแต่ละช่วงใครเจ๋งกว่ากัน
Keyless Ride สบายไม่ต้องล้วง
อีกความชอบส่วนตัวของผมคือระบบ Keyless ของ BMW นี่ล่ะครับ แค่พกติดตัวไว้ เราก็จะเปิดรถเตรียมสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ เปิดฝาถังน้ำมันเพื่อเติมน้ำมันได้ แต่ต้องปิดสวิตซ์รถก่อนนะครับเป็นความปลอดภัยที่ BMW คิดมาให้ และยังเปิดกล่องสัมภาระทั้ง 2 ใบได้ด้วย สำหรับกล่องสัมภาระสามารถปิดล็อคได้ที่สวิตซ์กุญแจด้านขวาเป็นระบบเซ็นทรัลล็อค ที่กล่องมีรูกุญแจให้ไขล็อคอีกชั้นและให้ไขเพื่อปลดกล่องสัมภาระออกจากรถ สะดวกและปลอดภัยมากครับ
ACC Adaptive Cruise Control หรือ Active Cruise Control
ระบบนี้ผมได้ลองตั้งแต่ใน R18 Transcontinental จะบอกความจริงว่าใน R1250RT ผมไม่ทันได้ลอง ฮ่า เพราะการเดินทางไปกับกลุ่มค่อนข้างใช้ความเร็วก็เลยไม่ทันลองให้ระบบจบท้ายรถพากันไป แต่จะบอกว่าระบบเหมือนกันกับ R18 ครับ
จะมีระบบ Dynamic Cruise Control แบบปกติที่เราเลือกล็อคความเร็วให้รถวิ่งไปโดยไม่บิดคันเร่งได้ และระบบ Active Cruise Control ที่เราสามารถกดให้รถของเราล็อคตำแหน่งและเว้นระยะกับรถคันข้างหน้าด้วยระบบ Radar Sensor
เมื่อรถคันที่เราล็อคตำแหน่งไว้เร่งหรือลดความเร็ว รถของเราก็จะทำตาม ในระยะประมาณ แต่การเร่งจะไปถึงแค่ความเร็วที่เราได้ตั้งไว้ เช่น 100 กม./ชม. รถที่เราตามอยู่เร่งไปเร็วกว่านี้ รถเราก็จะไม่เร่งตามนะครับ จะคงความเร็วที่ 100 กม./ ชม. ตามที่เราตั้งไว้
เช่นเดียวกับการลดความเร็วเมื่อยังอยู่ในระยะ รถของเราก็จะทำการลดความเร็วและเบรกให้ด้วยนะครับ เพราะจะมี Braking Function เข้ามาช่วยเราอยู่ในนี้ด้วย แต่ถ้ากระชั้นมากเราต้องรีบเบรกเองนะ สบายแต่อย่าเหม่อสิเดี๋ยวจะลงไปนอนเอานา
ช่วงล่างแจ่มตามสไตล์ค่ายใบพัด
ช่วงล่างด้านหน้าจะเป็น Telelever ด้านหลังจะเป็น Paralever เอกสิทธิ์และเอกลักษณ์ของ BMW ในตระกูล R ที่ใช้เครื่องยนต์ Boxer มีอยู่ในหลายรุ่น ที่สุดของรถ Adventure Touring รหัส GS ก็ใช้เทคโนโลยีนี้เหมือนกัน ผมคงไม่ลงดีเทลของระบบช่วงล่างนะ
แต่จะบอกฟีลลิ่งว่าดีมากสำหรับการเดินทาง ใครที่ชอบใช้ R1200GS หรือ R1250GS เดินทางไกลบนทางดำเป็นหลัก คือไม่ลุยไม่ Off Road จะรู้เลยว่าช่วงล่างแบบนี้ผสานการทำงานกับระบบอิเล็กทรอนิกส์มันเทพขนาดไหน ยิ่งในรหัส RT ที่ทำมาเพื่อการเดินทางบนทางดำโดยเฉพาะ ยิ่งให้ประสิทธิภาพขั้นสุดไปอีก
ด้วยช่วงยุบ ความหนืด การคืนตัว ของช่วงล่างที่ทำมาเพื่อการเดินทางบนทางเรียบในรถรหัส RT มันให้ความนิ่งแน่นเนียนเรียบ ไม่ว่าจะโค้งลักษณะไหนก็เข้าได้สบายมาก คล่องตัว สมู้ท ทั้งมีหรือไม่มีคนซ้อนก็ตาม
แต่ถ้าเจอทางพังๆ หรือลงข้างทาง GS ก็ดีกว่าด้วยสไตล์ของรถอ่ะนะ แต่ชีวิตจะขี่แต่ทาง off road หรือขี่แต่บนทางพังๆ หรืออย่างไร คือออกจากบ้านต้องรูดทางลูกรังโดดข้ามคูน้ำกันเลยก็ต้องเลือกสิ
และตามสเปคบอกว่าเป็นช่วงล่างไฟฟ้า หรือ Dynamic ESA คือ โช้คอัพจะปรับค่าแบบอัตโนมัติ ตามน้ำหนักโหลด จะขี่คนเดียว จะขี่มีคนซ้อน หรือขี่มีสัมภาระ รถปรับให้เอง โดยที่คนขี่ไม่ต้องเข้าไปเลือกปรับแบบใน GS หรือ R18 Transcontinental
BMW ก็ไม่ใส่ไฟสัญลักษณ์บนหน้าจอมาให้เหมือนรุ่นที่มีช่วงล่างไฟฟ้าแบบปรับได้เอง ก็รุ่นที่เลือกปรับเองก็ต้องมีสัญลักษณ์บอกสถานะสิจะได้ปรับถูก อันนี้ปรับออโต้ให้เหมาะที่สุดอยู่แล้วเลยไม่มีเหตุผลที่ต้องใส่มา(หรือผมไม่เห็นเอง) แต่สรุปว่าช่วงล่างมันดีทั้งขี่คนเดียวและมีคนซ้อนเลยล่ะครับ อ้วนใหญ่แต่พริ้วไหว ในโค้งเร็วนะบอกเลย
Adaptive Headlight
ทริปนี้ชัดเจนกับระบบนี้มาก ผมไม่ได้ขี่กลางคืนนะ แต่ที่ชัดคือรูปภาพที่ได้เป็นหลักฐาน ลองดูในรูปประกอบบทความแล้วจะเข้าใจครับ ให้สังเกตุที่ไฟดวงตรงกลางเมื่อผมเอียงรถไม่ว่าจะเข้าโค้งซ้ายหรือขวาไฟดวงนี้จะตั้งตรงเสมอ เพื่อคงองศาในการส่องหรือฉายออกไปในแนวกว้างเหมือนกับตอนเราขี่รถตรงๆ คือมุมซ้ายและขวาที่ไฟส่องออกไปยังกว้างเหมือนเดิมไม่หายไปเมื่อรถเอียง อันนี้สุดอ่ะ
Boxer Shift Cam พลังมาทุกรอบ ปลาย 240 กม./ชม.+
เครื่องยนต์พื้นฐานเดียวกับใน R1250GS ยอดฮิต เป็นเครื่องยนต์ Boxer 2 สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีเทคโนโลยี Shift Cam เพลาลูกเบี้ยว(แคมชาร์ฟ)เลื่อนเปลี่ยนองศาอัตโนมัติในรอบต่ำและสูงโดยใช้ระบบเฟืองขับ ปริมาตรกระบอก สูบ 1254 ซีซี
ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้าที่ 7750 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูงสุด 143 นิวตันเมตรที่ 6250 รอบ/นาที อัตราส่วนกำลังอัด 12.5:1 ตัวเลขพละกำลังทั้งหมดเท่ากันกับรหัส GS เป๊ะ แต่ RT ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ 5 เหนือกว่า GS ที่ผ่านมาตรฐานในระดับ 4 (ข้อมูลจากหน้าเว็บ BMW)
ฟีลลิ่งของเครื่องยนต์ลูกนี้ค่อนข้างสมู้ทแต่แฝงความดุดัน ให้กำลังต่อเนื่องที่ดีมากในทุกรอบเครื่อง รอบกลางถึงกลางปลายดุดันเลยล่ะ ที่ความเร็ว 120-140 กดแซงความเร็วพุงไปถึง 200+ แบบง่ายๆ
ความเร็วปลายผมทำได้ที่ 240 กม./ชม. แบบยังไม่ได้แช่ต่อ (ดูได้ที่คลิปทดสอบในช่องของเรา หรือที่ Link ใต้บทความ) ผมมีคนซ้อนและสัมภาระแต่รถยังส่งกำลังให้ความเร็วไหลอย่างต่อเนื่องไปจนแตะ 240 ผมก็ยกคันเร่งรอขบวนที่ใช้ความเร็วเดินทางประมาณ 150-160 เท่านั้น ที่ความเร็วสูงรถให้ความเสถียรดี และแน่นอนด้วยสไตล์ของรถที่ความเร็วปลายหรือ 200+ มันน่าจะดีกว่า GS
ถึงจะใหญ่โตดูต้านลมแต่การจัดระบบแอร์โร่ไดนามิกทำได้ดีมาก ในความเร็วสูงรถให้การควบคุมที่ดีเยี่ยม ไม่มีเป๋ไม่มีส่ายเพราะแรงลมปะทะเลย เจ๋งจริง ช่วงเดินทางขากลับผมนี่พาคนซ้อนหวดลุยฝนหนักๆ กันเลย
ราคา 2022 BMW R1250RT ราคา 1,310,000 บาท รุ่น Option 719 ราคา 1,420,000 บาท
ระบบอิเล็กทรอนิสก์มาเต็ม
นอกจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้เล่าผสมลงไปในบทความแล้ว ก็ยังมีระบบอีกมากที่มากับรถไม่ว่าจะเป็น Ride Mode Pro โหมดขับขี่ 4 โหมดคือ Dynamic Road Rain และ Eco ระบบ Dynamic Engine Brake Control ระบบ Dynamic Brake Control ระบบ MSR ระบบ Dynamic Traction Control ระบบ Quick Shifter ระบบ Hill Start Control ระบบ ABS Pro มี Tire Pressure Monitor ระบบ Central Lock มีอะไรอย่างไรอีกก็ลองไปถามคุณเซลล์ได้ทุกโชว์รูม
ข้อมูลจำเพาะอีกเล็กน้อย
ล้อยางหน้าขนาด 120/70ZR17 ล้อยางหลังขนาด 180/55ZR17 ดิสก์เบรกคู่หน้าขนาด 320 มม. คาลิปเปอร์ 4 ลูกสูบ/ข้าง ดิสก์หลังเดี่ยวขนาด 276 มม. คาลิปเปอร์ 2 ลูกสูบ ถังน้ำมันเชื้อเพลิงมีขนาด 25 ลิตร น้ำหนักตัวพร้อมของเหลวทั้งหมดที่ 279 กิโลกรัม
ใครที่งบถึง ชอบรถขนาดใหญ่ไว้เดินทางไกล มีดีไซน์ที่หล่อมาก ขี่ทางดำอย่างเดียว ขี่สบายซ้อนสบาย พละกำลังไว้ใจได้ ใส่สัมภาระได้เพียบ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยขับขี่เยอะ ปลอดภัย ทันสมัย ช่วงล่างเทพ เพลาขับไม่จุกจิก ไม่เลอะมือ RT ตอบโจทย์ที่สุดแล้ว ผมเองยังอยากได้เลยครับ นี่ยืมมาเก๊กแล้วก็ไม่อยากคืน ฮ่า ถ้า BMW ให้เกียร์ถอยหลังมากับรุ่นนี้ด้วยจะสมบูรณ์มาก
คลิปรีวิว 2022 BMW R1250RT (Coming Soon)
คลิปรีวิว R18 Transcontinental
บทความรีวิว R18 Transcontinental
บทความรีวิว BMW R18 First Edition
คลิป รีวิว BMW R18
คลิปรีวิว BMW F850GS
คลิป ริวิว F750GS
คลิปทดสอบ BMW R1250GSA คลิก
คลิป เรียน California Superbike School คลิก
บทความเรียน California Superbike ที่สนามช้างบนรถ S1000RR
ทดสอบ ขี่ BMW C400X ออกทริป คลิก
ทดสอบ 2019 BMW R1250GSA คลิก
ทดสอบ 2018 BMW F850GS / F750GS คลิก
คลิปทดสอบ BMW C400X คลิก