เปิดตัว 2025 Indian Challenger Elite และ Indian Pursuit Elite … 2 พาวเวอร์ครุยเซอร์เวอร์ชั่นพิเศษ จำหน่ายอเมริกาในจำนวนจำกัด แยกเป็นสายทัวริ่งและแบ็กเกอร์อย่างชัดเจนพร้อมชุดสีคัสตอมพิเศษระดับพรีเมี่ยม และอัปเกรดออปชั่น “จัดเต็ม” ไม่มีกั๊กจากโรงงาน
ผลิตจำนวนจำกัดทั่วโลก
รหัส “Elite” ที่ต่อหลังชื่อรุ่นทั้ง 2 คัน คือรหัสที่บ่งบอกความพรีเมียมเหนือกว่ารุ่นปกติ โดย Challenger Elite จะผลิตเพียง 350 คัน และ Pursuit Elite เพียง 250 คันเท่านั้น.. ซึ่งทุกคันมีจะหมายเลขกำกับเฉพาะ พร้อมตราสัญลักษณ์ “Elite” สุดพิเศษ
ไฮไลต์ของชื่อ “Elite”
ชุดสี “คัสตอมเพนท์” พร้อมการตกแต่งสุดประณีต
- Challenger Elite ใช้เทคนิคการพ่นสีที่ผสมผงแก้วละเอียด ช่วยเพิ่มมิติให้กับชุดสีได้อย่างละเอียดละออ โดยได้แรงบันดาลใจจาก Gene Walker ตำนานนักแข่ง Flat Track ส่วน Pursuit Elite นั้นได้แรงบันดาลใจจากรถ PowerPlus รุ่นที่ผลิตเพื่อกองทัพสหรัฐฯ ในปี 1916 พร้อมงานเพนท์ตกแต่งลวดลายสีทองแฮนด์เมดทุกคัน!
เครื่องยนต์ PowerPlus 112
ทั้ง 2 รุ่น ใช้เครื่องยนต์ขนาด 112 ลูกบาศก์นิ้ว (ประมาณ 1,835 ซีซี.) SOHC, 4 วาล์วต่อสูบ ให้กำลังสูงสุด 126 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที , แรงบิดสูงสุด 180 นิวตันเมตร มีระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ
ระบบอิเล็กทรอนิกส์และความปลอดภัยพื้นฐาน
ที่ค่าย Indian Motorcycle ใช้ชื่อเรียกว่า Rider Assist Package ซึ่งจะเหมือนกันในทุกรุ่นเป็นพื้นฐานให้ติดรถ…อันจะประกอบด้วย:
- ระบบBike Hold Control – ช่วยพยุงรถให้อยู่กับที่เมื่อจอดหยุดนิ่งหรือหยุดรถในพื้นที่ลาดชัน
- Electronic Combined Brake System – ช่วยกระจายแรงเบรก หน้า-หลัง
- Blind Spot Warning – แจ้งเตือนเมื่อมีวัตถุเคลื่อนไหวอยู่ในมุมอับสายตา
- Tailgate Warning – ระบบแจ้งเตือนระยะห่างจากรถคันหน้า
- Rear Collision Warning – ไฟสัญญานเตือนการชนด้านหลังรถ
- เทคโนโลยี Smart Lean ควบคุมด้วย เซ็นเซอร์ IMU 6 แกน รอบตัวรถ
- หน้าจอสัมผัส TFT ขนาด 7 นิ้ว สำหรับควบคุมระบบต่าง ๆ หรือจะสั่งการผ่านปุ่มกดบนประกับแฮนด์ก็ได้
ช่วงล่างและเบรก
เป็นพื้นฐานของทุกรุ่น ทั้ง Challenger และ Persuit ที่จะใช้โช้คอัพหัวกลับด้านหน้าพร้อมระบบเบรกจาก Brembo M4.32 ประกบคู่ล้ออัลลอยดีไซน์พิเศษ 5 ก้าน โดยความแตกต่างของรถทั้งสองรุ่นคือ จากเดิมจะมีเพียง Indian Pursuit ที่ได้โช้คอัพหลังปรับสปริงพรีโหลดด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ส่วน Challenger จะใช้การปรับพรีโหลดแบบแมนนวลนั้น.. เมื่อขยับใส่ Elite ต่อท้ายแล้ว ก็จะได้โช้คอัพหลังปรับพรีโหลดไฟฟ้า ผ่านชุดหน้าปัด TFT มาทั้งคู่
ชุดเครื่องเสียงระดับพรีเมี่ยม
สำหรับ Challenger Elite จะได้ชุดลำโพง 100 วัตต์ จำนวน 4 ตัว และรุ่น Pursuit Elite ได้ลำโพงขนาด 100 วัตต์เช่นเดียวกัน แต่เพิ่มจำนวนลำโพงทั้งสิ้นเป็น 6 ตัว มาพร้อมชุดไฟ LED ตกแต่ง
สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ
- กุญแจ Keyless
- ระบบล็อกกล่องสัมภาระด้วยรีโมต
- ครูซคอนโทรล
- รองรับ Apple CarPlay และ Bluetooth Connectivity
- ช่องชาร์จ USB
- มือจับและเบาะนั่ง Heated Seat
ความแตกต่างเมื่อเทียบกับรุ่นมาตรฐาน
สังเกตุได้ว่าในรุ่นพื้นฐานของทั้ง Challenger และ Pursuit จะให้ของมาค่อนข้างครบและพรีเมี่ยมอยู่แล้ว จนรู้สึกว่าความแตกต่างอาจจะมีแค่การเพิ่มชุดสีใหม่กับขยับ option ให้สุดทุกตารางเพียงเท่านั้น… จนทำให้ความแตกต่างของ Indian Challenger Elite และ Pursuit Elite ดูน้อยกว่าระหว่าง Harley-Davidson Road Glide รุ่นปกติกับรุ่น CVO “แต่” Indian เน้นย้ำว่ารุ่นมาตรฐานของพวกเขาก็ให้สเป็คมาสูงมากอยู่แล้ว เช่น เครื่องยนต์ PowerPlus 112, โช้คหัวกลับ, และคาลิเปอร์ Brembo ซึ่งถ้าเป็นรถจาก Harley จะเลือกเก็บไว้เล่นในรุ่นไฮเอนด์เพียงอย่างเดียว…
ทั้ง Challenger Elite และ Pursuit Elite เริ่มทยอยส่งมอบให้ตัวแทนจำหน่าย(สหรัฐอเมริกา) ภายในเดือนเม.ย.นี้. ซึ่งหากเทียบเป็นค่าเงินบาทแล้วก็จะตกอยู่ราวๆ นี้.. Challenger Elite ประมาณ 1,470,000 บาท และ Pursuit Elite ประมาณ 1,650,000 บาท (ไม่รวมภาษี)
Harley-Davidson CVO Road Glide RR
Harley-Davidson Pan America ST เปิดตัวพร้อมลุยทางเรียบ
HARLEY-DAVIDSON เผยโฉมรถมอเตอร์ไซค์รุ่นไฮไลท์ของ ปี 2025 ล่าสุด
