2019 Ducati Hypermotard 950 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน EICMA2018 ที่ประเทศอิตาลี และมาเปิดตัวในประเทศไทยต่อที่งานMotor Expo2018 ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาภายใต้ดีไซน์ที่แตกต่างจาก Hypermotard939
เดิมอย่างชัดเจนแต่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น Hypermotardที่มองแล้วก็คล้ายๆ Hypermotard 1100 รุ่นแรกนู้นซะด้วยสิเครื่องยนต์ Testastretta11°Hypermotard รถสไตล์ Supermotoที่กำเนิดจากรถโมโตครอสใส่ล้อยางทางเรียบ
ลุยโดดเนินบนทางฝุ่นและสไลด์เข้าโค้งบนทางเรียบให้สะใจใครหลายๆคน จึงได้ถือกำเนิดรถสไตล์ Hypermotard รถ Supermotoที่เกิดมาเพื่อให้สไลด์โค้งบนทางดำโดยเฉพาะ โดย 2019 DucatiHypermotard 950 รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ มากับกำขุมกำลัง Testastretta 11° 2สูบ L-Twin ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีอัตรากำลังอัด 13.3:1 (เดิม 12.6:1)
จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์พร้อมชุดลิ้นปีกผีเสื้อขนาด53มม. ทำงานร่วมกับคันเร่งไฟฟ้า Ride byWire ที่ปรับปรุงใหม่ให้กำลังสูงสุด 114แรงม้าที่ 9,000 รอบ/นาที (มากกว่ารุ่น 939ถึง 4แรงม้า) ให้แรงบิดสูงสุด 96นิวตันเมตรที่ 7,250 รอบ/นาที (มากกว่าเดิม 1นิวตันเมตร)เกียร์และคลัทช์คลัทช์แบบเปียกหลายแผ่นซ้อนกันพร้อมSliper and Self-servoเป็นไฮดรอลิกคลัทช์ ชุดเกียร์ 6สปีดพร้อมระบบ Ducati Quick ShiftEVO system (DQS EVO) สั้นๆก็คือระบบควิกชิฟของทางดูตาตินั่นเอง
สามารถเพิ่มหรือลดเกียร์ได้โดยไม่ต้องใช้คลัทช์อย่างสิ้นเชิงและยังสามารถปรับตั้งได้อีกด้วยระบบนี้ยังทำงานผสานกับ Ride by Wireอ่านค่าการใช้คันเร่งไปพร้อมๆกันเทคโนโลยีและระบบอิเล็กทรอนิกส์2019 Ducati Hypermotard 950ใช้ IMU Inertial MeasurementUnit แบบ 6แกน (6D IMU) วัดมุมเอียงและค่าต่างๆของตัวรถได้อย่างแม่นยำ
มีโหมดขับขี่ให้เลือกใช้ 3 โหมดคือ Sportให้การตอบสนองเต็มกำลัง114 แรงม้า Ride by Wireตอบสนองรวดเร็วฉับไว, Touring ตอบสนองเต็ม 114แรงม้าแต่ Ride byWire ตอบสนองนุ่มนวล และ Urban ให้กำลัง75 แรงม้า Ride by Wireที่นุ่มนวล
…พร้อมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยเหลือการขับขี่ให้ปลอดภัยอย่างระบบEVO ABS Cornering จาก Bosch เมื่อต้องเบรกหนักๆในขณะเอียงรถระบบABSก็ทำงานให้รถไม่เสียหลักล้มพับลงไปและสามารถเลือกปรับระดับการทำงานได้ระบบ Ducati Traction Control EVO (DTC EVO) หรือTractionControl ระบบ Ducati Wheelie Control EVO (DWCEVO)กันล้อหน้ายก
ระบบ Ducati Multimedia System (DMS)ที่สามารถเชื่อต่อรถกับSmartphone ด้วย Bluetoothสามารถคอนโทรลระบบมัลติมีเดียได้จะแสดงผลที่เรือนไมล์แบบ TFTขนาด 4.3นิ้ว ระบบส่องสว่าง LED รอบคันพร้อม Daytime RunningRight พร้อมช่องชาร์จไฟแบบUSBช่วงล่างแน่นโช้คอัพหน้าแบบ Upside-Downขนาด 45 มม. ปรับได้ทุกจุดของMarzocchi โช้คหลังเดี่ยวของSachs แบบ rogressive linkage ปรับSpringPreload, Rebound Damping ได้ตามต้องการ
(เวอร์ชั่น SPจะเป็นของOhlins) ล้อยางหน้าขนาด 120/70ZR17 ล้อยางหลังขนาด180/55ZR17ยางติดรถเป็น Pirelli Diablo Rosso III (เวอร์ชั่น SPจะเป็นล้อForged ของ Marchesini และจะเป็นยางPirelli รุ่น DiabloSupercorsa SP) ดิสก์เบรกหน้าขนาด320 มม.แบบกึ่งลอยตัว คาลิเปอร์Monoblock ของBrembo ขนาด 4 ลูกสูบต่อข้างมิติรถกระชับตามสไตล์ Supermoto
ความสูงของเบาะนั่งอยู่ที่870 มม.(เวอร์ชั่น SP จะสูง890 มม.)มีระยะฐานล้อ 1,493มม.(เวอร์ชั่น SP ยาว 1,498มม.) มุม Rake 25องศา ระยะ Trail ของล้อหน้าที่104 มม. ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด14.5ลิตร น้ำหนักตัวไม่รวมของเหลวที่ 178 กิโลกรัม(เวอร์ชั่น SP 176กิโลกรัม)สวยงามตามแบบฉบับรถจากอิตาลี
หลังจากที่เพิ่งเปิดตัวให้เห็นกันในMotor Expo 2018ก็คงถูกใจสาวกหลายๆคนเพราะมีการผสมผสานดีไซน์รุ่นใหม่และเก่าเข้ากันอย่างลงตัวพร้อมติดตั้งเทคโนโลยีมาเต็มลำกับราคาเปิดมาที่ 529,000 บาท คุ้มค่าและเหมาะสมเสียจริงๆครับ
